เสือกระดาษกับเวทีวิจารณ์อัดตำรวจ

เวทีเสวนา “ข่มขืนพุ่ง รุนแรงเพิ่ม ตื่นเถิดประเทศไทย”

โครงการปกป้องเด็กและเยาวชน  ลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ  มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  สหทัยมูลนิธิ  เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน  และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมเอบีน่า เฮาส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560

หยิบยกประเด็น เด็กหญิงอายุ 14 ถูกรุมโทรมข่มขืนในจังหวัดพังงา มาเป็น “บทเรียนเตือนสติ” ฝ่ายเกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด

นายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติในฐานะทนายความโจทย์ร่วมคดีเกาะแรด จังหวัดพังงา แจงรายละเอียดของคดีที่เกิดขึ้นว่า ความสำคัญของคดีอยู่ที่การรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุดและมีน้ำหนักที่สุด

เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องทำงานให้รัดกุม

เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติมองว่า ปัญหาข่มขืน โดยเฉพาะกับเด็กเยาวชน ในอดีตส่วนมากเป็นการให้การแบบชี้นำ แต่ในปัจจุบันมีการแก้ไขกฎหมาย มีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบถามผู้เสียหาย จะส่งผลให้คำให้การของผู้เสียหายน้ำหนักมากขึ้น

“แต่การคุ้มครองผู้ถูกกระทำโดยเฉพาะเด็กนั้นจะต้องทำด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จากคดีที่เกิดความล่าช้าในการคุ้มครองเด็ก เนื่องจากติดเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย อีกทั้งการทำงานของทุกฝ่ายควรมีเครือข่ายที่กว้างขวางกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อนำเด็กออกจากพื้นที่ได้เร็วที่สุด” เจ้าตัวว่า

ด้าน นางทิชา ณ นคร  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า หลายกรณีที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศที่ผลิตซ้ำในสังคมไทย ยืนยันชัดเจนว่า การตอบรับของกระบวนการยุติธรรมในจุดต้นน้ำ หมายถึงตำรวจยังขาดความเป็นมืออาชีพ  เช่น การเข้าถึงความจริง การตั้งข้อหา การให้ความเป็นธรรมเบื้องต้น

นี่คือเหตุผลที่ต้องปฏิรูปองค์กรตำรวจ

เธอแสดงความเห็นด้วยว่า สิ่งที่กระบวนการยุติธรรมให้ความคุ้มครองพยานแค่นั้นยังไม่พอ เพราะคดีความหากยาวนานอาจทำให้ข้อมูลเสื่อมส่งผลต่อการไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำได้ ดังนั้นต้องมีจุดเปลี่ยนโดยกระบวนการคุ้มครองพยานต้องจริงจัง

เพราะเหยื่อเสียโอกาสไปมหาศาล

“แสดงให้เห็นว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กเป็นเสือกระดาษตัวใหญ่ที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง” นางทิชาตอกอย่างแรง 

ขณะที่ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล  ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล อ้างว่า สถานการณ์การข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศนับวันแนวโน้มยิ่งเพิ่มขึ้นสะท้อนจากที่มูลนิธิเก็บรวบรวมข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ พบว่า เกินครึ่งร้อยละ 51.3 เป็นข่าวข่มขืน ผู้ที่กระทำเกือบครึ่งหรือร้อยละ 40 เป็นคนคุ้นเคย

เขาชี้ชัดว่า สิ่งที่สังคมต้องเรียนรู้และเฝ้าระวังมากที่สุดคือ คนใกล้ตัว อยากให้มองปัญหาคนใกล้ตัว ใกล้บ้านให้เป็นปัญหาใหญ่กว่าคนแปลกหน้า และกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มที่น่าห่วงมากที่สุด

สุดท้ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับตำรวจอย่างนั้นหรือ ???

RELATED ARTICLES