“ถือเป็นความภูมิใจที่เลี้ยงลูกจนเป็นใหญ่เป็นโตไม่ด่างพร้อย”

คุณแม่สมจิตต์ คล้ายคลึง ผู้ให้กำเนิด 4 ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เจริญรอยตาม พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง อดีตตำรวจมือปราบทางหลวง กระทั่งได้รับคัดเลือกเป็น “แม่ดีเด่นแห่งชาติ” จังหวัดนครปฐม ประจำปี 2557 ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

ประเภท “แม่ที่มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร”

ได้รับประทานพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานและเกียรติบัตรจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2557 ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร

เป็น “หญิงเหล็ก” คอยประคบประหงมลูกชายให้ยึดหลักคุณธรรม ทำความดีไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลสืบต่อสู่รุ่นหลาน

 

ได้สามีวางตัวดี พาลูกให้ทั้งสี่เป็นตำรวจ

“พี่อ้อนเป็นคนรักลูกและภรรยามาก ลูกจะเอาอะไรต้องได้ทุกอย่าง นอกจากดาวกับเดือนที่พ่อหามาให้ไม่ได้ อยู่กินกันมา 40 กว่าปี อย่างมีความสุข พี่อ้อนจะย้ายไปรับตำแหน่งที่ใดต้องเอาภรรยาเอาลูกไปด้วย เพื่อจะทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลัง” สมจิตต์เขียนคำอาลัยถึงสามีผู้จากไปเมื่อ 16 ปีก่อน

เธอรำพันอีกว่า “พี่อ้อนไปคนมีศีลธรรม พูดตรงไปตรงมา รักและเคารพเจ้านายทุกคน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ธงชัย ไชยรักษ์ อีกทั้งรักลูกน้องและจะพูดถึงเสมอ เป็นพ่อที่ดีของลูก และสามีที่ดีของภรรยา ช่วยอบรมสั่งสอนลูกทั้งสี่คือ อู๊ด หนุ่ม แจ้ แจงให้เป็นคนดี มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พี่อ้อนพูดให้ฟังเสมอว่า ภูมิใจในตัวลูกทั้งสี่มากที่ลูกทั้งสี่เป็นตำรวจที่ดี สร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลคล้ายคลึง พ่อหมดห่วงแล้ว”

การเขียนคำไว้อาลัยต่อสามีสุดที่รักในครั้งนี้ สมจิตต์ว่า เป็นสิ่งที่ทรมานใจ ความรู้สึกในจิตใจช่างยากจะเขียนออกมาเป็นคำพูด หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราเกิดมาเป็นคู่ชีวิตกันอีก ขอให้ดวงวิญญาณของพี่อ้อนจงมีความสุขในชั้นสัมปรายภพตลอดไป

บ้านสี่ชายคล้ายคลึง ยังคิดถึงพ่อผู้จากไป

ทุกวันที่ 10 กรกฎาคมของทุกปี ลูกหลานตระกูลคล้ายคลึงจะมารวมตัวทำบุญอุทิศส่วนกุศลต่อการจากไปของ พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง ที่บ้านสี่ชายคล้ายคลึง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พร้อมถือโอกาสเป็นวันรวมญาติให้สมจิตต์ คล้ายคลึง คลายเหงา เห็นลูกหลานเจริญเติบโตในหน้าที่การงานมีอนาคตที่สดใสสานต่อความภาคภูมิใจของสามี

ประวัติส่วนตัวของคุณแม่สมจิตต์ สกุลเดิมเปี่ยมสมบูรณ์ เป็นชาวอำเภอสามพราน ครอบครัวทำนา ต่อมาเข้ากรุงเทพฯไปเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ย่านซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน ทำให้เจอกับนายตำรวจหนุ่มตระกูลคล้ายคลึง คบหาดูใจก่อนลงเอยด้วยการแต่งงานทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวดูแลลูกชายทั้ง 4 คน ที่ปัจจุบันต่างประสบความสำเร็จในชีวิตราชการ ตั้งแต่ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองสารนิเทศ พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองตรวจราชการ 9 จเรตำรวจ และพล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

“ที่ให้ลูกเป็นตำรวจ เพราะพ่อเขาก็อยากให้เป็น และด้วยความใกล้ชิดของพ่อกับลูก ลูกก็เลยมาเป็นตำรวจ แม่ก็ไม่เคยขัดเขา แล้วแต่เขา ตามที่เขาชอบ แต่ละคนก็ดีทุกคน รักพ่อ รักแม่ทุกคน ก็มีหลักการสอนคือ ให้เขาเป็นคนดี มี 3 คนสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้เอง พ่อก็ไม่ได้ยุ่งเลย ส่วนคนโตจบมหาวิทยาลัยก็มาเข้าตำรวจตอนหลัง  เลี้ยงง่ายนะลูกทั้ง 4 คน ตัวพ่อเขาก็ไม่เคยดุ ไม่เคยตีลูก แม่ต่างหากที่ดุจนลูกจะกลัวแม่”

เป็นความภูมิใจของแม่ ดูแลลูกชายไม่มีใครด่างพร้อย

แม่ดีเด่นแห่งชาติเมื่อปี 2557 ยอมรับว่า เห็นลูกประสบความสำเร็จเราก็มีความสุข พี่น้องก็รักกันดี ช่วยเหลือกันดี พอโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเราก็หมดห่วง  เพราะพวกเขาเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่เคยทำให้แม่เดือดร้อนอะไร มีแต่คอยเอาใจใส่แม่ คอยดูแลเหมือนเป็นศูนย์รวม หลังจากที่เสียพ่อไปก็มาดูแลเราตลอด “ทุกคนไม่เคยลืมวันเกิดแม่ ถือเป็นความภูมิใจที่เลี้ยงลูกจนเป็นใหญ่เป็นโตไม่ด่างพร้อย ด้วยคำสอนของเรา เขาก็ไม่ทะเลาะกันด้วยก็ดีอย่าง เอาไงก็เอากัน”

“วันเกิดแม่ วันเกิดพ่อ ก็ไปทำบุญ แม้ว่า พ่อเสียแล้วก็ยังไปกัน ทำมา 16 ปี เป็นลูกกตัญญูทั้ง 4 คน เลย พอถึงรุ่นหลานก็เป็นตำรวจด้วย ยังมีเลือดคล้ายคลึงอยู่ เราเองก็ดีใจที่หลานหลายคนก็ได้เป็นตำรวจ” หญิงม่ายในวัย 83 ปีรำลึกถึงสามีเสมอ เธอว่า  ทุกวันนี้พยายามไม่เครียดอะไรเลย เห็นลูกๆ หลาน ๆ แล้ว เราก็สบายใจ สิ่งที่อยากจะฝากครอบครัวตำรวจในฐานะที่เป็นแม่ต้องพยายามเลี้ยงลูกให้ดี ปลูกฝังแต่เรื่องดี ทั้งหมดมันอยู่ที่ต้นแบบ มีตัวอย่างพ่อที่เลี้ยงลูกได้ดี

“ตั้งแต่รุ่นพ่อเขา พ่อเป็นคนสอนเก่ง มีติดที่ป้ายข้อความเตือนสติไว้หมดเลย ประวัติเขาก็ดี ถึงสอนลูกเขาดี เขาก็คิดของเขาเอง แม้ทำงานจริงจัง ไม่ค่อยโต ดุกับคนร้าย แต่กับลูก เขาไม่เคยดุ เขาก็เอาใจ ตามใจลูก” สมจิตต์ว่า

 

ถูกยกเป็นผู้หญิงเหล็ก ตัวเล็กแต่อดทนโดนดุด่า

บ้านสี่ชายคล้ายคลึง พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึงเป็นคนปลูกอยู่ที่สามพรานให้แก่ลูกชายทั้งสี่ สร้างศาลาไว้ที่บ่อน้ำภายในบ้านเก็บรวบรวมประวัติของตระกูลคล้ายคลึง รวมทั้งคำสั่งสอนของปู่ย่าตายาย อุดมการณ์ชีวิตและคำสอนเพื่อให้ลูกได้อ่านและนำไปปฏิบัติ

พ.ต.ท.ฉอ้อน เขียนลักษณะประจำตัวยอมรับเป็นคนโมโหร้าย แต่มีความจริงใจต่อเพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง เพราะเกิดเป็นลูกผู้ชายคนเดียว ได้รับการเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาในกองเงินกองทอง เห็นเงินทองมาตั้งแต่จำความได้ ลูกทั้ง 4 อย่าปฏิบัติเหมือนอย่างพ่อเป็นอันขาด พ่อเอาตัวรอดมาได้จนถึงวันนี้เพราะคำสอน 7 ข้อของปู่อุ่น และคำสอนทางบาปบุญมีจริงจากย่าแย้ม เกิดมาเสมือนน้ำขุ่นและน้ำใส เพราะปู่อุ่นสอนให้เป็นนักเลงไม่ยอมคนเหมือนน้ำขุ่น ส่วนย่าแย้มสอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษเหมือนน้ำใส

เขายังบอกว่า เป็นคนมีศักดิ์ศรีมาตั้งแต่เด็ก ใครจะมาดูหมิ่นไม่ได้โดยเด็ดขาด เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ดูเหมือนดุร้าย แต่ใจดี ไม่ชอบเห่อเหิม ลืมตัว “สุดท้ายนี้พ่อจะกล่าวถึงความยากลำบากอย่างแสนสาหัสของแม่สมจิตต์ของลูก ๆ ได้ถูกพ่อดุมาตลอด 30 ปี โดยแม่สมจิตต์อดทนมาโดยตลอด จนพล.ต.ท.ธงชัย ไชยรักษ์ ได้กล่าวในงานฉลองยศของลูกว่าเป็น ผู้หญิงเหล็ก ฉะนั้นใครก็ตามห้ามทำให้แม่สมจิตต์ได้รับความไม่สบายใจอีกเลย แม่จะได้มีความสุข”

 

แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเราสี่ชายคล้ายคลึง

แม่สมจิตต์                          ผู้พิชิต                      ใจคุณพ่อ

ผู้ก่อเกิด                            สี่ชาย                       ที่ได้เห็น

แม่เลี้ยงดู                            ปลูกฝัง                    อย่างใจเย็น

แม่เขี้ยวเข็ญ                         ให้ลูกชาย                  ใฝ่รักดี

ตั้งแต่เล็ก                           จนเติบใหญ่               ในวันนี้

ตั้งแต่มีความรู้สึก                   ผิดชอบ                    ได้ตอบขาน

ตั้งแต่แม่                            สั่งสอน                     อย่างชำนาญ

ตั้งแต่นั้น                            ความพยายาม             คืบคลานมา

พลตำรวจตรี                        อังกูร                      พี่สูงสุด

ไม่เคยหยุด                          ความฝัน                   มุ่งมั่นหลาย

จบธุรกิจ                             บัณฑิตมา                  ไม่ช้าใย

เป็นตำรวจ                          รถไฟ                       ก้าวไปถึงซึ่งอบรม (ผู้กำกับ)

พันตำรวจเอก                       พงศ์อานันต์               หรือรองหนุ่มผู้นุ่มลึก

ที่ได้สร้าง                            ความรู้สึก                  และสืบสาน

เป็นไอดอล                          ให้พี่น้อง                   ได้เดินตาม

บนเส้นทาง                          ตำรวจไทย                 สมใจมารดา

พันตำรวจเอก                       ชัชปัณฑกาณฑ์             คือรองแจ้

มีคู่แฝด                              แท้ๆ                       ที่กล่าวขาน

พลตำรวจตรี                         กรไชย                     เคยปราบปราม

ปัจจุบัน                              เป็นผู้การ ปคม.           ดูหล่อคม

ส่วนรองแจ้                          แฝดผู้พี่                    มียศศักดิ์

ความพยายาม                       ยิ่งนัก                      ที่ได้เห็น

สองสามครั้ง                         สอบผ่าน                   อย่างยากเย็น

กว่ามาเป็น                          รองผู้การ                  งานจเร

กว่าที่เรา                             สี่ชาย                       จะเติบใหญ่

รู้ว่าแม่                               เหนื่อยมากมาย           แม้ไม่ถาม

ถึงวันนี้                              เหลือเพียงแม่             คนเดียวแล้วก็ตาม

เราสืบสาน                           ความรักแม่                ต่อจากพ่อไม่รอรี

เราทำตามสัญญา                   ดูแลแม่                    ยามแก่เฒ่า

เราคอยเฝ้า                          ดูแลแม่                    ทนุถนอม

เหมือนเมื่อครั้ง                     แม่เลี้ยงเรา                 อย่างอาทร

แม่จึงเป็น                           ที่หนึ่งก่อนใคร            ในใจเรา

ครอบครัว                           ของลูกสี่ชาย               ต่างพินิจ

แม่สมจิตต์                          ผู้ยิ่งใหญ่                   ของลูกหลาน

ขอให้แม่                            สุขภาพแข็งแรง            จิตเบิกบาน

เป็นร่มโพธิ์                          ของลูกหลาน              นานแสนไกล

กราบแม่ด้วย                        หัวใจ                       ที่ยิ่งใหญ่

กราบแม่ด้วย                        กายใจ                     ที่แม่สร้าง

กราบแม่ด้วย                        เกียรติศักดิ์                จากความพยายาม

กราบแม่ด้วย                        ความรัก                    จากลูกหลานบ้านสี่ชาย

 

 

อุดมการณ์ของ พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง

 

ที่ยึดถือปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่รับราชการตำรวจ อีกทั้งยังสอนลูกชายที่เป็นนายตำรวจทั้ง 4 นายมาตลอด

1.พวกยาเสพติด เช่น ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า กัญชา และอาวุธสงคราม จับและปราบปรามโดยเด็ดขาด จับแล้วมาให้สินบนร้อยล้าน พันล้าน หรือเอาเงินบรรทุกมาเป็นเล่มเกวียนก็ไม่ยอมรับ แม้ทราบว่า ผู้ใดมีประพฤติกรรมดังกล่าวก็ห้ามคบหาสมาคมด้วยเป็นเด็ดขาด ลูกคนใดไม่เชื่อพ่อจะตัดออกจากตระกูลคล้ายคลึงทันที และไม่ต้องมานับถือว่าเป็นลูกเป็นพ่อกัน

2.จับแล้วไม่ว่าคดีใด ๆ ห้ามปล่อยเป็นอันขาด แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย หรือผู้บังคับบัญชาขอก็ไม่ให้ ต้องดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

3.ของกลางที่จับได้ แม้แต่ชิ้นเดียว ห้ามเอามาเป็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นอันขาด รวมทั้งลูกน้องหรือผู้บังคับบัญชาก็จะมาเอาของกลางที่จับมาแล้วนี้ไปไม่เป็นอันขาดเช่นเดียวกัน

4.วิธีป้องกันตัวของลูกทั้ง 4 ที่จะไม่ให้ผู้บังคับบัญชาหรือญาติสนิทมิตรสหายเมื่อขอร้องในกรณีดังกล่าวมาข้างต้น ให้ลูกทุกคนปฏิบัติตัวดังนี้

-เมื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่ ต้องประชุมตำรวจใต้บังคับบัญชาแล้วแจ้งอุดมการณ์ทั้งหมดดังที่กล่าวมาให้เขาทราบ และห้ามใครฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อฟังก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

-อุดมการณ์ดังกล่าวต้องให้ผู้บังคับบัญชา และญาติสนิทมิตรสหายรับทราบให้จงได้ ไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็แล้วแต่

ถ้าลูกทั้ง 4 ใช้วิชาป้องกันตัวตามที่พ่อสอนให้ก็จะไม่มีใครโกรธลูกเป็นอันขาด เพราะนี่เป็นอุดมการณ์ของตระกูลคล้ายคลึงและของพ่อ

 

“เรื่องของลูกๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณแม่ของผม”

ลูกชายคนโตของบ้านสี่ชายคล้ายคลึง

พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ที่ พ.ต.อ.ฉอ้อน คล้ายคลึง ผู้พ่อสมัยมีชีวิตอยู่ได้อ่านจิตใจตลอดจนความประพฤติได้อย่างเฉียบคมและแม่นยำ ถึงเขียนอุปนิสัยรายละเอียดของลูกคนนี้ไว้ว่า

“กตัญญูรักพ่อรักแม่เป็นเลิศ ซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน เป็นตำรวจที่เพื่อนฝูงให้ฉายาว่า เป็นคนโชคดี (อ้าย Lucky) ความคิดอ่านสุขุม ล้ำลึก ทำอะไรต้องวางแผนก่อนทำ ถอดแบบมาจาก พล.ต.ท.ธงชัย ไชยรักษ์ รักเพื่อนฝูง ช่วยเหลือคนดี หรือพอใช้ทุกคนที่เข้าหา (เว้นคนทุจริต) มีนิสัยมัธยัสถ์ ใช้จ่ายระมัดระวัง ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องต่าง ๆ ให้ใครรู้เด็ดขาด ไปอยู่ที่ไหนผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา ประชาชนรักใคร่ (เว้นคนชั่วทุจริต) เป็นที่ภูมิใจของพ่อและแม่ เป็นอภิชาตบุตร”

เขาจบประถมศึกษาโรงเรียนเรืองวิทย์วิทยา อ.สามพราน จ.นครปฐม ต่อมัธยมโรงเรียนยอแซฟอุปถัมป์ อ.สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นเข้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สำเร็จปริญญาโทคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก

อบรมหลักสูตร กอส.รุ่น 2 เข้าเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ชีวิตราชการส่วนใหญ่วนเวียนอยู่สายสืบสวน อาทิ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครนายก สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ขึ้นรองผู้กำกับการสืบสวนนครบาล 2 โยกเป็นรองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็กและสตรี ก่อนขึ้นเป็นผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เป็นรองผู้บังคับการกองตรวจ 10 จเรตำรวจ  รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้บังคับการกองสารนิเทศ

ผลงานดีเด่น อาทิ จับกุม 98 ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ยึดทรัพย์มูลค่า 800 ล้านบาทเศษ รับรางวัลสุดยอดเกียรติยศตํารวจไทย สาขา มวลชนสัมพันธ์ ประจําปี 2558-2559 จับกุมนายชํานาญ แซ่หว่า พร้อมผงขาว 36 กก. มูลค่า 414 ล้านบาท ตามจับกุมแก๊งพรานล่าช้าง และฆ่าช้างจํานวน 2 เชือก ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รวบนายสุธี บัวสด สมาชิกสภาจังหวัดมุกดาหาร ข้อหาครอบครองไม้พะยูง มูลค่า 10 ล้านบาท  อีกทั้งทลายแก๊งค่าดอลลาร์ปลอม ผู้ต้องหา 5 คน มูลค่า 3 ล้านบาท

พล.ต.ต.อังกูรเลือกเดินตามรอยบิดาและระลึกเสมอว่า พ่อเป็นทุกสิ่งในชีวิต เป็นครูคนแรกที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นพ่อตัวอย่างคนเดียวที่อยู่ในความทรงจำ ชีวิตของพ่อเป็นชีวิตที่มีความสุข แม้ว่าจะเคยสู้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เพราะชีวิตตำรวจของพ่อ แม้ว่าจะมีคนรักใคร่เป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นหลักธรรมชาติว่า จะต้องมีคนไม่ชอบเป็นของคู่กัน พ่อเป็นคนคิดอย่างไรทำอย่างนั้น นั่นคือ สิ่งที่คนรอบข้าง เพื่อนฝูง หรือผู้ที่ได้สัมผัสกับพ่อต้องรักพ่อ พ่อไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เกิดมาเพื่อการให้ พี่น้องทุกคนภูมิใจและดีใจที่สุดได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ

ส่วนคุณแม่สมจิตต์ ลูกชายหัวแหวนยอมรับว่า เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดของลูกๆ จำได้ว่า ช่วงที่เกิดมา สมัยนั้นพ่อยังเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน เลี้ยงลูกๆด้วยเงินค่าปีกร่มที่พ่อจะต้องไปโดดร่มในทุกๆปี คือ จะได้รับเงินเพิ่มจากเงินเดือนตำรวจอีกประมาณ 450 บาท ด้วยความเป็นลูกคนโต อยู่ในบ้านส่วนตัวหลังเล็กๆในซอยอารีย์สัมพันธ์ แม่เลี้ยงดูเอาใจใส่ในทุกเวลาที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ไม่มีคลาดสายตา ไม่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแล จึงมีโอกาสที่ดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่

“ผมได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้ๆบ้าน คือ โรงเรียนภาษะพงษ์ ในขณะนี้ก็คือ ที่ตั้งสำนักงานเขตพญาไท คุณแม่จะจัดข้าวใส่กล่องอลูมิเนียมให้ไปโรงเรียนเพื่อนำไปรับประทานตอนกลางวัน และยังไปรับ-ส่งในช่วงต้นๆเทอมชั้นอนุบาล เพราะคุณแม่ยังมีแค่ผมคนเดียว น้องๆ ของผมยังไม่เกิด คุณแม่สมจิตต์จึงมีเวลาดูแลผมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเดิน นั่ง นอน ทานอาหาร ก็จะไม่เคยคลาดจากสายตาของคุณแม่เลย มีอยู่ครั้งหนึ่ไปตัดผมที่ร้านข้างบ้าน พอดีคุณแม่ต้องกลับบ้านมาเก็บผ้าที่ตากไว้ ปล่อยให้ผมนั่งตัดผมอยู่ที่ร้านตามลำพัง วันนั้นช่างตัดผมเป็นช่างที่มาใหม่ ไม่เคยตัดผมให้ผมมาก่อนจึงไม่รู้ว่าต้องทรงผมแบบไหน ก็เลยตัดผิดทรงพอคุณแม่กลับมาที่ร้านตัดผมเพื่อรับกลับ ก็เห็นทรงผมที่ผิดไปจากทรงเดิม คุณแม่ก็โกรธอย่างมาก” พล.ต.ต.อังกูรจำภาพอดีตแม่น

“ ผมไม่เคยเห็นคุณแม่โกรธมากแบบนี้มาก่อนเลย ต่อมา ผมก็เข้าใจได้ว่าคุณแม่ชอบแต่งตัว และชอบให้ผมตัดผมทรงรองทรง ดูน่ารักและหล่อดี พอตัดผิดทรงก็เลยทำให้คุณแม่โกรธมาก เป็นส่วนหนึ่งของความรักที่มีต่อลูกคนนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่คุณแม่ก็ให้ความสำคัญไม่เคยปล่อยผ่าน เพราะ เรื่องของลูกๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณแม่ของผม”

สำหรับ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมรสกับ พ.ต.อ.หญิง อัญชลี  คล้ายคลึง รองผู้บังคับการวิทยาลัยการตำรวจ กำเนิดทายาท 3 คน ประกอบด้วย “พัฒน์” อภิพัฒน์ คล้ายคลึง ทำงานอยู่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) “แป้ง” พิรพรรณ คล้ายคลึง ทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ “ขวัญ” ขวัญชนก คล้ายคลึง เพิ่งจบปริญญาตรีคณะอุสาหกรรมเกษตร ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

 

“พ่อแม่จะสอนให้พี่น้องรักกัน น้องต้องเคารพพี่ พี่ต้องดูแลน้อง”

ลูกชายคนที่สองของบ้านสี่ชายคล้ายคลึง

พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ที่ผู้พ่อบรรยายอุปนิสัยส่วนตัวไว้ว่า

“กตัญญู รักพ่อรักแม่เป็นเลิศ เป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน พูดน้อย แต่ถ้ามีใครมาดูหมิ่นจะมีนิสัยนักเลงทันที จะพูดแบบไม่เกรงใจใคร (คือนิสัยของตระกูลคล้ายคลึง) เป็นคนไม่คิดเรื่องไร้สาระ หรือเรื่องที่ไม่สำคัญให้มารกสมอง ทำงานในหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รักความดี รู้จักตอบแทนคุณเมื่อมีโอกาส ไม่คบคนชั่ว ใช้จ่ายไม่ค่อยมัธยัสถ์เท่าที่ควร รักลูกเมียเป็นเลิศ ไปอยู่ที่ไหนผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา ประชาชนรักใคร่ พงศ์อานันต์ถูกเลี้ยงดูจากคุณยายหนิดมาตั้งแต่เล็ก แต่เป็นเรื่องแปลก โตขึ้นกลับห่วงใยพ่อแม่มากที่สุด เป็นอภิชาตบุตร เป็นที่ภูมิใจของพ่อและแม่”

เขากลายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจคนแรกของตระกูล จบรุ่น 39 นำหลักการทำงานของพ่อมาใช้ดำเนินชีวิตที่สอนหลักธรรมชาติ ไม่มีทฤษฎี พูดกันแบบภาษานักเลงว่า “มึงเป็นหัว แต่มึงจะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ มึงต้องคำนึงถึงลูกน้องเป็นหลัก ลูกน้องเป็นมือเป็นเท้าให้เรา การที่เราจะได้ใจลูกน้อง มึงต้องเอาใจไปให้เขาก่อน ต้องดูแลเขาให้ดี คิดว่าเขามาทำงานให้เรา อย่าไปดูถูกดูหมิ่น ดูแคลนลูกน้อง พ่อจะสอนแบบนี้ตลอด”

พ.ต.อ.พงศ์อานันต์เล่าว่า เป็นตำรวจ เพราะเห็นพ่อมาตั้งแต่เด็ก ทำงานหนัก พ่ออยู่ทางหลวง เที่ยงคืนมีเหตุก็ออกไป ไม่ว่าจะมีเหตุปล้นชิงทรัพย์ในพื้นที่ภูธร ถึงแม้อยู่ทางหลวง พ่อจะออกไปช่วยสกัดจับผู้ร้าย เห็นชีวิตพ่อ ทำไมไม่ค่อยมีเวลา แต่สิ่งที่เห็น คือ เวลาพ่อหมดจากงานจะเข้ามากินข้าวกับลูก เดินห้าง จะไม่ไปที่อื่น ให้เวลากับครอบครัว พ่อจะสอนทุกอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของความจริงใจ ความกตัญญู พ่อจะเน้นมาก ถือว่า พ่อเป็นครูในชีวิตตำรวจ พี่น้องทั้ง 4 คนสัมผัสกันมาหมด พวกเราถึงมีความสุขกับการเป็นตำรวจ

“ผมยังมานั่งย้อนเหมือนที่เราสัมผัสมาตรงนี้ ณ เวลานี้รุ่นลูกของพวกผมอาจไม่ได้มองพ่อ เหมือนที่พวกผมมอง เพราะสมัยก่อนตำรวจไปอีกแนว พ่อทำงานปราบปราม และงานบริการ ลูก ๆ เห็นว่า มันบู๊ดี แต่ถ้าสมัยนี้ลูกโตมาเห็นพ่อเป็นพนักงานสอบสวน อาจไม่อยากเป็นตำรวจเหมือนกับสมัยผมก็ได้ มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว พี่น้องผมทุกคนจะเริ่มต้นสายงานปราบปราม ก่อนจะแยกไปตามแนวถนัดของแต่ละคน”

สำหรับเขาได้มาทำงานสืบสวนในยุค พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลชวนไปเป็นสารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน มี พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น เป็นครูคอยสอนหลังบ่มเพาะซึมซับความตำรวจมาเต็ม ๆ จากพ่อ แม้อาจยังไม่ติดทำเนียบมือปราบประดับกรมตำรวจเฉกเช่น ฉอ้อน คล้ายคลึง ผู้พ่อ แต่เขาสามารถผลิตผลงานสืบสวนจับกุมคดีสำคัญมากมายในสมัยเป็นนักสืบอยู่ฝั่งธนบุรี  “บางครั้งงานสืบสวนต้องได้จากความละเอียด และโชควาสนาด้วย แต่ผมจะมีความสุขหลังจับคนร้ายสำเร็จเรียบร้อย ไม่ต้องการแอ็กชั่นออกหน้าแถลงข่าวมาก” พ.ต.อ.พงศ์อานันต์เผยฉากการทำงาน

“ใครจะเกลียดตำรวจ แต่ผมก็ภูมิใจ เราเติบโตในตระกูลของตำรวจ แม้ว่าตำรวจจะถูกดูหมิ่นดูแคลนมาตลอด ก็จะสอนให้ลูกรู้ว่า อาชีพของตำรวจมันใกล้ชิดกับประชาชน พอแตะไป หรือไปจับใครก็ต้องมีทั้งคนรัก หรือเกลียดเรา เป็นธรรมชาติ แต่เราต้องทำงานในหน้าที่โดยคำนึงถึงระบบคุณธรรม ช่วยได้ก็ช่วย อันไหนช่วยไม่ได้ก็ไม่ช่วย ผมจะปลูกฝังกับลูกเสมอในภาพรวม เช่น คดียาเสพติด ช่วยไม่ได้นะ อย่าไปช่วยเด็ดขาด คดีข่มขืน คดีปล้นทรัพย์ อย่าไปช่วย แต่ถ้าอันไหนไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็ช่วยไป คนเรามันต้องมีพรรคพวก ผมสอนลูกแบบธรรมชาติมากกว่า ไม่ได้สอนตามทฤษฎี ผมก็เอาหลักการของพ่อผมไปสอนเขา โดยมีประสบการณ์ของนายหลายคนมาเสริม”

ทายาทอดีตรองผู้กำกับทางหลวงชื่อดังยิ้มภูมิใจรำลึกถึงพ่อด้วยว่า พ่อเป็นคนที่ผู้ใหญ่รัก ส่วนเราเกษียณไปในชีวิตตำรวจ คงไม่ได้ครึ่งของพ่อ คนในแวดวงของตำรวจรู้จักพ่อหมด เป็นตำรวจระดับล่าง ขณะที่เราความรู้ความสามารถที่ทำให้ทุกคนยอมรับอาจไม่ได่ครึ่งของพ่อ สมัยก่อนพ่อกว้างขวางมาก เราถึงภูมิใจในตัวพ่อ และเลือกที่จะเป็นตำรวจอย่างพ่อ

ขณะเดียวกัน อีกแรงใจสำคัญที่เจ้าตัวไม่เคยลืมนั่นคือ ผู้เป็นแม่ พ.ต.อ.พงศ์อานันต์บอกว่า หากมองย้อนไปในอดีตตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่ยังจำได้ไม่ลืมเลือนก็คือ แม่จะเลี้ยงดูแลลูกๆทั้งสี่คนด้วยตัวเอง ไม่มีคนรับใช้  พวกเราพักอาศัยอยู่บ้านพักหลวงที่พ่อรับราชการ กิจวัตรของแม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดมาหุงหาอาหารให้ลูกทาน และใส่กล่องให้ไปทานตอนกลางวัน แม่สอนให้ประหยัดอดออม เมื่อกลับจากโรงเรียนในตอนเย็นทุกคนต้องมีหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน หุงข้าว ช่วยแม่ก่อนจะไปวิ่งเล่น ขี่จักรยาน

“พ่อแม่จะสอนให้พี่น้องรักกัน น้องต้องเคารพพี่ พี่ต้องดูแลน้อง หากทะเลาะกันจะถูกตีทุกคน โดยเฉพาะคนเป็นพี่ที่ไม่ดูแลน้อง ทำให้พวกเรารักและดูแลกันมาจนถึงทุกวันนี้ วันที่แม่อายุมากขึ้น แต่ยังพักอาศัยอยู่ที่บ้านสามพรานที่พ่อแม่ช่วยกันปลูกสร้างมา ถึงแม่เราสี่พี่น้องจะมีภาระหน้าที่การงานกันมาก แต่สิ่งที่ผมยึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอด เมื่อมีเวลาว่างผมจะมาหาแม่ มานั่งคุย ทานข้าวทานขนมนอนเล่นกับแม่ แม่ผูกพันบ้านหลังนี้มาก” นายตำรวจหนุ่มว่า

“ผมภูมิใจและดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อฉอ้อน แม่สมจิตต์ ถึงแม้พ่อจะจากผมไปแล้ว แต่คำสั่งสอนของพ่อและแม่ยังคงอยู่ในจิตใจ และผมยึดเป็นแนวทางปฏิบัติตัวมาทุกวันนี้ รวมทั้งยังนำคำสั่งสอนไปปลูกฝังให้ลูกทั้งสามของผมยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติทั้งการดำรงชีวิตและการทำงานต่อไป รักและเทิดทูนแม่เสมอ”

 

ปัจจุบัน พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง สร้างครอบครัวที่อบอุ่น สมรสกับพิมพ์วรัชญ์ คล้ายคลึง  กำเนิดทายาท 3 คน ประกอบด้วย “ส้มโอ” นันท์ธิรัตน์ คล้ายคลึง นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ “เฟี๊ยต” ร.ต.อ.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง รองสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และ “อ๋อง”พิสิษฐ์พล คล้ายคลึง กำลังศึกษาหลักสูตร Bachelor of Applied management สาขา Business transformation and change Ara institute of Canterbury ประเทศนิวซีแลนด์

“คุณแม่เป็นเสาหลักปักแน่นให้ผมพิงยามอ่อนล้า”   

ลูกชายคนที่สาม แฝดผู้พี่ของบ้านสี่ชายคล้ายคลึง

พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองตรวจราชการ  9 จเรตำรวจ เป็นลูกที่ผู้พ่อฉอ้อน คล้ายคลึง ระบุอุปนิสัยว่า

“กตัญญูรักพ่อ รักแม่เป็นเลิศ เป็นคนซื่อสัตย์ ขยันจริงใจ เป็นคนทำงานรวดเร็วมาก ลงไปคลุกคลีกกับประชาชนด้วยตนเองไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ สมองความคิดอ่านใช้ได้ การทำงานเฉพาะหน้ารวดเร็วมาก คบคนทุกชั้น เป็นคนโอภาปราศรัยดี เป็นประชาสัมพันธ์ดีที่สุดคนหนึ่ง คบแม้กระทั่งสามล้อถีบ ไม่ถือตัว เป็นได้ทั้งนายและขี้ข้า รักงาน ไม่เกี่ยงงาน แม้จะถูกเอาเปรียบจากเพื่อนร่วมงานสารพัดก็ไม่พูดไม่วิจารณ์ใคร มองคนในแง่ดีทุกคน บางครั้งทนไม่ไหวก็จะระบายให้พ่อฟัง การอ่านจิตใจคนยังไม่ทะลุ ต้องคอยปรึกษาพี่ ๆ แล้วจะดี การใช้จ่ายมัธยัสถ์เป็นคนมีระเบียบเมือนแม่ แต่ถ้าโมโหแล้วนิสัยคล้ายคลึงจะออกทันที และรุนแรงมากจึงควรแก้ไข เป็นข้าราชการที่มีคนรักมาก เป็นที่ภูมิใจของพ่อและแม่ เป็นอภิชาตบุตร”

พยายามเดินตามรอยพี่ชายเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่พลาดหวังถึง 2 ครั้งกว่าจะสำเร็จเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่  27 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 43 เริ่มต้นชีวิตราชการตำแหน่งผู้บังคับหมวดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแบบพ่อ ก่อนขยับเป็นนายเวรผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 นายเวรผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ

หลังจากนั้นย้ายลงสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง สารวัตรป้องกันปราบปราม  สถานีตำรวจภูธรตำบลแสนสุขจังหวัดชลบุรี รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 2 รองผู้กำกับการถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัย ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

ปี 2549 รักษาการในตำแหน่ง รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองราชบุรี ร่วมสางคดียิงถล่มนางกอบกุล นพอมรบดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี พรรคไทยรักไทย แล้วโยกเป็นรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ขึ้นผู้กำกับการถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัย ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7  เป็นผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว จังหวัดนครปฐม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรสามพราน จังหวัดนครปฐม และรองผู้บังคับการกองตรวจ 9 จเรตำรวจ

เคยรับใบประกาศเกียรติคุณในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดดีเด่นประจำปี 2551 รับรางวัลบุคคลตัวอย่างแห่งปีประจำปี 2555 สาขา ปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดนครปฐม รางวัลพระกินรี  “คนดี คิดดี สังคมดี ตามรอยพระยุคลบาท ” โล่รางวัล ( สิงห์ทอง ผู้บริหารและนักพัฒนาองค์การดีเด่นแห่งปี 2557 รางวัล “ ระฆังทอง ” บุคคลแห่งปี 2557 เป็นต้น

พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ มีโอกาสฝึกงานกับพ่อที่ตำรวจทางหลวงอุบลราชธานี ออกตรวจและเห็นภาพชาวบ้าน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา เขาแอบถามตำรวจทางหลวงว่า พ่อเป็นอย่างไร ได้รับคำตอบว่า เป็นคนดุ โมโหร้าย โกรธง่าย หายเร็ว และจริงจังกับการทำงานมาก แต่แปลกตรงที่ลูกน้องรักทุกคน เรื่องราวของคล้ายคลึงผู้พ่อยังโด่งดังในการจับกุมคนร้ายจนหนังสือพิมพ์ตั้งฉายาว่า สิงห์ร้ายไฮเวย์ วารสารตำรวจยกเป็นพ่อดีเด่น มติชนลงสกู๊ปใหญ่ในเรื่องตระกูลคล้ายคลึงหลงกลิ่นสีกากี

เขาบอกว่า พ่อจะทำงานหนัก แต่ก็มีเวลาให้ลูกทุก ๆ คนตั้งแต่เล็กจนโตเป็นนายตำรวจ พ่อพูดเสมอว่า แม่เลี้ยงพวกเราลำบาก ต้องรักแม่มาก ๆ เพราะพ่อเองไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดู เนื่องจากงานตำรวจมีมาก พ่อพยายามปลูกฝังให้มีความรักและผูกผันกับวงการตำรวจ ห่วงใยลูกตั้งแต่เรียนหนังสือจนทำงาน เมื่อเป็นนายตำรวจที่ใด พ่อจะหมั่นไปเยี่ยมสถานที่ทำงานลูก ๆ และจะแอบสอบถามตำรวจที่ลูก ๆ ปกครองว่าเป็นอย่างไร นี่แหละพ่อตัวอย่างของประเทศไทยเมื่อปี 2542

 

ส่วนแม่สมจิตต์ คล้ายคลึงผู้ให้กำเนิด ลูกชายคนที่3 ของบ้านสี่ชายคล้ายคลึง ยอมรับว่า  ตัวเขามีน้องชายฝาแฝดที่แตกต่างกันมาตั้งแต่เล็ก แต่แม่เลี้ยงดูพวกเรามาด้วยความรักที่ไม่เคยแตกต่าง “อาจรักผมมากกว่าเป็นบางครั้ง เพราะผมตัวเล็กกว่าน้อง คุณแม่เป็นเสาหลักปักแน่นให้ผมพิงยามอ่อนล้า เมื่อครั้งที่ผมสอบนักเรียนนายร้อยตำรวจไม่ผ่านถึง 2 ครั้ง คุณแม่เป็นกำลังใจ ดูแลผมคอยสร้างพลังกายพลังใจให้ผมสู้ จนความฝันของผมเป็นจริงมาจนถึงทุกวันนี้”

“ผู้หญิงที่ชื่อคุณแม่สมจิตต์ จึงเป็นทุกอย่างในชีวิตของผม คุณแม่ให้ชีวิต ให้พลังใจดีๆ เป็นของขวัญให้ผมเสมอมา คุณแม่ คือ ดวงแก้วอันสูงค่าที่ผมและครอบครัวรักและบูชา ผมจะดูแลแก้วตาดวงใจของพวกเราไว้อย่างดีที่สุดในชีวิตผม” พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ว่า

พร้อมแต่งบททวีรำลึกพระคุณแม่..

กราบแม่ด้วย              หัวใจ                       ที่ยิ่งใหญ่

กราบแม่ด้วย              กายใจ                      ที่แม่สร้าง

กราบแม่ด้วย              เกียรติศักดิ์                จากความพยายาม

กราบแม่ด้วย              ความรัก                    จากลูกหลานบ้านแจ้

ทั้งครอบครัวครับแม่

 

ด้านชีวิตครอบครัวพ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง สมรสกับสายหยุด คล้ายคลึง มีบุตรชาย 2 คน คือ “ไอซ์” นรต.สุรชัช คล้ายคลึง เลือกเดินตามรอยปู่ ลุงและพ่อ เรียนอยู่ชั้นปี 1 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ส่วน “เจมส์” ชยางกูร คล้ายคลึง อยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนยอแซฟอุปถัมป์ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

“คุณแม่เลี้ยงลูกทั้งสี่ด้วยสองมือของคนเป็นแม่”

ฝดผู้น้องลูกคนสุดท้องของบ้านสี่ชายคล้ายคลึง

พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ตำนานมือปราบทางหลวงบรรยายอุปนิสัยใจคอไว้เหมือนพี่ชายทั้งสาม

“กตัญญู รักพ่อรักแม่เป็นเลิศ เป็นคนที่อยู่ใกล้พ่อมากที่สุด ถูกด่ามากที่สุด เพราะพ่อเป็นคนโมโหร้าย แต่เข้าใจไม่ได้เถียง ทำให้พ่อหายโกรธได้เร็วมาก เข้าใจว่าพ่อรักมากจึงด่ามาก ปัญญาดีมาก พูดค่อนข้างน้อย แต่ถ้าพูดแล้วจะมีหลักวิชาการ มีสิ่งอ้างอิงตัวอย่างทำให้คนอื่นเชื่อถือ ขยันทำงานในหน้าที่ ซื่อสัตย์ แต่เมื่อเข้าในบ้านแล้วจะไม่ทำอะไรเลย ใช้จ่ายไม่ค่อยมัธยัสถ์เท่าที่ควร เวลานอกหน้าที่ราชการจะเป็นคนรื่นเริง ชอบพูดตลกให้คนหัวเราะ ได้เข้ากลุ่มไหน หรืออบรมที่ไหน เป็นนักพูด  เป็นโฆษกได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ไหนผู้บังคับบัญชาที่เข้าใจในตัวจะรักใคร่ ลูกน้องรัก ประชาชนรัก เป็นอภิชาตบุตร ทำให้พ่อและแม่ภาคภูมิใจ”

ทันทีที่เรียนจบ ภปร.ราชวิทยาลัย เขามุ่งเจริญรอยตามพี่ชายเข้าสู่รั้วเตรียมทหารและเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 ประเดิมชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตำแหน่งรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ก่อนโยกมาอยู่โรงพักนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ขึ้นเป็นสารวัตรในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แล้วออกมาเป็นสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ขึ้นรองผู้กำกับป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภออัมพวา สมุทรสงคราม

ข้ามห้วยเป็นรองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้กำกับการ 6 กองตำรวจน้ำ แล้วย้ายเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองผู้บังคับการปราบปราม กระทั่งก้าวติดยศนายพลก่อนพี่ชายทั้งสามตำแหน่งผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

พล.ต.ต.กรไชยเล่าว่า เป็นลูกที่ค่อนข้างจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดพ่อและแม่มากกว่าพี่น้องทุกคน อาจเพราะเป็นลูกคนสุดท้อง บอกได้เลยว่า มีความสุขในส่วนลึกของหัวใจมาก แม้บางครั้งจะน้อยใจเวลาถูกตักเตือนจากพ่อ แต่ก็เข้าใจว่า พ่อหวังดี กล้าพูดได้เลยว่า ครอบครัวคล้ายคลึงเป็นครอบครัวที่มีความสุขมาก พวกเราทั้ง 6 ชีวิตอยู่กันเป็นครอบครัวจริง ๆ มีความรักความห่วงใยกันมาโดยตลอด

“คุณพ่อได้สร้างบ้านของครอบครัวเราเรียกว่าบ้านสี่ชายคล้ายคลึง เป็นบ้านที่คุณพ่อรักและภูมิใจที่ได้มาด้วยความวิริยะอุตสาหะ เก็บหอมรอมริบด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อเรามาอยู่ที่บ้าน คุณพ่อจะอบรมสั่งสอนให้เราทั้ง 4 คนภาคภูมิใจในวงศ์ตระกูลคล้ายคลึง เพราะเราเป็นนักเลงเพชรบุรี ไม่รังแกใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครรังแก ต้องมีความซื่อสัตย์ กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ มีความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ภาคภูมิใจในเครื่องแบบตำรวจที่เราสวมใส่อยู่ ไม่ดูถูกผู้อื่น เห็นผู้สูงอายุเสมือนญาติผู้ใหญ่”

ช่วงที่เรียนเตรียมทหาร 1 ปี พล.ต.ต.กรไชยยังเล่าว่า พ่อจะขับรถมารับแทบทุกครั้งที่ได้ออกจากโรงเรียนกลับบ้าน มีบางครั้งที่กลับเอง ไม่ใช่เพราะเป็นลูกแหง แต่พ่อบอกว่า ว่างจึงมารับ แม้ทราบว่าสามารถกลับเองได้ พออยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจกลายเป็นสบายที่สุดในรุ่น เพราะบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนมากประมาณ 5 กิโลเมตร เวลากลับบ้านก็จะมีเพื่อนฝูงกลับมาด้วย

เขาย้อนความหลังไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพของพ่อว่า เพื่อนบางคนมานอนที่บ้าน บางคนก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไปรเวท เวลาเพื่อน ๆ ไปที่บ้านทั้งพ่อและแม่จะจัดให้คนที่บ้านจัดอาหารไว้รับรองอย่างเต็มที่ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ การคุยกับเพื่อนลูกในความภูมิใจของพ่อที่มีต่อลูกทั้ง 4 คน และเกียรติประวัติของพ่อที่ทำงานมาตลอดชีวิต โดยจะมีแฟ้มที่ติดคำชมเชย ผลการจับกุมจากหนังสือพิมพ์ ประกาศนียบัตรของหน่วยงานที่แสดงให้เห็นความภาคภูมิใจที่พ่อได้รับจากการเป็นตำรวจทางหลวง

สำหรับแม่สมจิตต์ คล้ายคลึง ลูกชายคนเล็กของบ้านบอกว่า ตั้งแต่ลืมตาดูโลก สามารถรับรู้ได้เลยว่า แม่ คือ สุดยอดคุณแม่ของโลกนี้ เป็นทั้งแบบอย่างในการดำรงชีวิต การกระทำตนให้เป็นคนดี รับผิดชอบในหน้าที่ของตนและครอบครัว “คุณแม่ เลี้ยงลูกทั้งสี่ด้วยสองมือของคนเป็นแม่ ทำให้พวกเรารอดพ้นจากภยันตราย มีแต่ความสุข ความเจริญ แม่ คือ บุคคลที่สำคัญที่สุดของชีวิตผม ผมได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อแม่จิตต์ ให้ภรรยา และหลาน ๆ ทั้งสาม คือ พี่น็อต พี่จีโน่ และน้องจินนี่ สามารถใช้คำว่า เข้าไปในสายเลือดของทุกคนก็ว่าได้ เพราะพวกเราคือลูกหลานของคุณพ่อฉอ้อน – คุณแม่สมจิตต์ พระอรหันต์ที่ดีที่สุดของพวกเรา”

เจ้าตัวย้ำด้วยว่า คล้ายคลึง ไม่ใช่ตระกูลใหญ่โต แต่เป็นตระกูลที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ความรัก ความผูกพัน ความกตัญญูรู้คุณ ลูกหลานร่วมกันสร้างสรรค์คุณงามความดี เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง พ่อของลูกทั้งสี่ ปู่ของหลาน ๆ ต้นแบบของพวกเรา

พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง สมรสกับ ณสุดา คล้ายคลึง มีบุตร-ธิดา 3 คน ประกอบด้วย “น็อต” ร.ต.ท.พีรพัฒน์ คล้ายคลึง รองสารวัตรกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ “จีโน่” ทัชชกร คล้ายคลึง กำลังเรียนอยู่วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และ “จินนี่” บวรลักษณ์ เรียนอยู่วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

 

 

 

RELATED ARTICLES