ประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ว่าด้วยการปรับโอนย้ายข้าราชการทหารชั้นประทวนไปเป็นข้าราชการตำรวจติดยศ ด.ต.สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต้องเปิดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง
ยืนยันรับโอนทหารเรือมาเป็นตำรวจในสังกัด
เอามาประจำเรือ ไม่ได้ประจำด่าน
เท้าความเดิมเมื่อปี 2561 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการสนับเรือยนต์ตรวจการณ์ 27 ลำ เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บในการเพิ่มประสิทธิภาพงานสกัดกั้นป้องกันปราบปราม รวมถึงภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3-6 ที่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำ
ที่ประชุมมีมติอนุมัติการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำเรือยนต์ตรวจการณ์ระดับตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่-รองสารวัตรปฏิบัติการป้องกันปราบปรามทางน้ำ ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดและด่านตรวจเข้าเมือง
ก่อนทำบันทึกเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติขออนุมัติรับโอนข้าราชการทหารสังกัด “กองทัพเรือ” มารับราชการตำรวจในสังกัด “สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง”
เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขาดแคลนกำลังพลที่มีความชำนาญการขับเรือและซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่าง ๆ
หากได้รับสนับสนุนกำลังพลที่มีประสบการณ์การทำงานทางน้ำและทะเลพื้นที่ต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีใบอนุญาต “นายท้ายเรือ” ตามกฎหมายกำหนดจะช่วยประหยัดงบประมาณการฝึกอบรมและจัดทำใบอนุญาตนายท้ายเรือเพิ่มเติมแก่ข้าราชการตำรวจ
แม้จะมีตำรวจน้ำ แต่ยังต้องฝากเรียนที่โรงเรียนนายเรือ จำเป็นต้องสอบถามความสมัครใจทหารเรือผู้มีประสบการณ์ที่มีหน้าที่เฉพาะในการขับเรือ
“ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของราชการและประเทศชาติ ต้องเลือกคนมีความรู้ความสามารถ ที่รับเข้ามาทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียงบเสียเวลา” พล.ต.ท.สมพงษ์ว่า “ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะเป็นการรับเฉพาะทาง ไม่ได้แอบรับโอน รวมถึงมีการสอบถาม และคัดเลือกมาประจำเรือ ไม่ใช่ประจำด่าน”
ทั้งนี้ ทหารเรือที่รับโอนมามีจำนวน 41 นาย มีเพียงชุดเดียว ไม่ได้ทำหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง
“หากผู้ใต้บังคับบัญชามีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามได้” ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแสดงความชัดเจน
เป็นการโอนย้ายตามขั้นตอนที่กำหนดลำดับชั้นยศจะข้ามขั้นไม่ได้