เส้นทางมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ” ตอนที่ 2 เริ่มต้นชีวิตนักสืบ

ระหว่างฝึกงานอยู่ที่สถานีตำรวจนครบาล นางเลิ้ง ช่วงที่หัวใจของนายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ เกิดเทศ ยังไม่มีใคร

เมื่อไม่มีอะไรต้องดูแล ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง “สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร” นายร้อยตำรวจฝึกงานหนุ่มคนนี้ เลยเอามันครบทุกอย่าง ตามประสาวัยรุ่น

เสาร์-อาทิตย์ หากไม่มีคิวซ้อมรักบี้ กีฬาสุดรัก เป็นอันต้องแวบเข้าสนามม้านางเลิ้ง หรือสมัยก่อนเรียกว่า “กรมอัศวรักษ์” โดยมี “เล็ก”นักเรียนนายร้อยตำรวจ อัยยรัช เวสสะโกศล น้องรักสามพรานรุ่น 16 ที่สนิทชิดเชื้อ เพราะเล่นรักบี้ด้วยกันไปเป็นคู่หู

บางวันเสียเงินเลี้ยงหญ้าม้าจนหมดตัว ต้องเดินหน้าแห้งตัวเบาหวิวจากสนามม้ามากินข้าวแกงหลังโรงพักกันทั้งคู่

ถึงกระนั้น เส้นทางสายบู๊ของนายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ เร่ิมปรากฏ เมื่อนายร้อยตำรวจฝึกงาน ประสาน ธนสุกาญจน์ เพื่อนร่วมรุ่น พาไปเที่ยวบ้านผู้เป็นอา“พันตำรวจตรี เชาวน์​ ธนสุกาญจน์” 1 ในอัศวินแหวนเพชร นายเวรเก่าพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย

ถึงแม้อธิบดีเผ่า จะหนีวิกฤติการเมืองลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ในวงการนักเลงเมืองไทยขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเลงเก้ายอด ที่เขาว่า เดินเข้าออกกองปราบปรามสามยอด ได้อย่างสะดวกโยธิน หรือเจ้าพ่อหัวลำโพง เกชา เกเตอร์ นักเลงซอยสวนมะลิ  อย่าง เหลา สวนมะลิ นักบู๊อย่าง โส ธนวิสุทธิ์ นักเลงเยาวราชใหญ่น้อย ฯลฯ ล้วนซูฮกนับถือ พันตำรวจตรี เชาวน์ อดีตอัศวินแหวนเพชรคนน้ี เป็นพี่เบิ้ม

จัดว่า เป็นศูนย์รวมผู้กว้างขวางเจ้ายุทธจักรในสมัยนั้น

ถือเป็นจุดแรกในการก้าวเข้าสู่วงการนักเลง วิชามาร วิชาโจร สารพัดกลโกงในวงการพนัน นายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ ได้มาจากบ้านของอาเชาวน์ คนนี้อย่างถึงไส้ถึงกึ๋น

“กูอยากเก่งเหมือน ท่านเยื้อน (พลตำรวจตรี เยื้อน ประภาวัตร อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม) วันไหนเอาผ้าดำมาพันคอ แสดงว่าวันนั้น มีวิสามัญฆาตกรรมแน่ ส่วนรองเหน่ (พลตำรวจเอก เสน่ห์ สิทธิพันธ์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ) กูชอบคดีที่แกเข้าไปจับคนร้าย แต่ถูกคนร้ายเอามีดปังตอฟันคอ  โชคดีไม่เป็นอะไร เพราะคมมีดไปติดสายสร้อยเส้นโตที่ท่านคล้องไปด้วย ใจถึงจริงๆ….”

นายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ บอกความในให้กับเพื่อนผู้มีศักดิ์เป็นหลานอาเชาวน์  ขณะเดินออกจากบ้านเจ้าพ่อเมืองกรุง หลังสถานีตำรวจนครบาล บางซื่อ ขึ้นรถกลับ สถานีตำรวจนครบาล นางเลิ้ง

———————————————–

สนามกีฬาศุภชลาศัย

กลางปีพุทธศักราช 2503

ระหว่างเดินกลับเข้าห้องพักนักกีฬา หลังจบการแข่งขันระหว่างโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  และทีมคู่แข่งในกีฬา 4 เหล่า

นายร้อยตำรวจฝึกงานชลอ ในชุดแข่งกีฬารักบี้ เนื้อตัวมอมแมม เหงื่อไหลไคลย้อย เหลือบไปเห็นสาวน้อยตัวเล็กคนหน่ึง หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา ยืนอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่บนอัฒจันทน์ ใกล้กับกองเชียร์ของนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน

ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าใครในกลุ่ม แต่นักรักบี้หนุ่ม กลับมองเห็นสาวน้อยคนนี้เด่นกว่าใคร

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ฮุกเกอร์หนุ่ม สังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตัดสินใจแย๊บคำพูดใส่สาวน้อยตัวเล็กทันที

“สวัสดีครับ…ขอบคุณนะที่มาเชียร์….”

นักกีฬารักบี้หนุ่มโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ยิงหมัดตรงซ้ำอีกครั้ง ทันทีที่เห็นสาวน้อยอมยิ้มแก้มแดงระเรื่อ

“วันหน้ามาใหม่นะครับ….”

ท่ามกลางเสียงแซวกันเองของกลุ่มสาวๆ และกลุ่มนักกีฬารักบี้ โรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยกัน

“ไอ้ลอ…เร็วจริงนะมึง!!!”

ไม่มีเสียงตอบจากฮุกเกอร์ร่างเล็ก ถึงแม้รอยยิ้มในชัยชนะที่มีเหนือทีมคู่แข่งในวันนี้ จะทำให้เขาและเพื่อนๆร่วมทีม มีความสุขแค่ไหน

แต่ในใจลึกๆแล้ว ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดถึงหน้าสาวน้อยที่เห็นเมื่อครู่ จะทำอย่างไรหนอ ถึงจะได้พบได้เจออีกสักครั้ง

นายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ เดินแถวลงสนามพร้อมเพื่อนร่วมทีม ท่ามกลางเสียงเชียร์จากกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายอย่างสนุกสนาน

ระหว่างเดินลงสนาม สายตาของนักกีฬาหนุ่ม ลอบชำเลืองไปจุดที่เห็นสาวน้อยหน้าเหมือนตุ๊กตายืนอยู่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนหันกลับมาเตรียมทำหน้าที่ในสนาม

ฉับพลันทันใด ใบหน้าของชายหนุ่มเด้งกลับเหมือนติดสปริง มือขวายกขึ้นมาขยี้ตา 2-3 ครั้งเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง พร้อมเพ่งมองไปจุดเมื่อกี้นี้อีกครั้ง…

ใช่จริงๆ….นักกีฬาหนุ่มพูดกับตัวเอง หลังมองเห็นสาวน้อยหน้าแฉล้ม เธอยืนอยู่ตรงนั้น อยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่กลุ่มเดิม ตาไม่ฝาดแน่ เพราะสาวน้อยผู้น่ารักคนนี้ เธอโบกมือให้เขาด้วย

เท่านั้นเอง ฮุกเกอร์หนุ่ม หมายเลข 9 ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ทุ่มเทเล่นแบบลืมตัว หวังโชว์สาวด้วยกีฬาที่ถนัด

รักบี้ กีฬาลูกผู้ชาย

——————————————————

หลังจากวันนั้น นายร้อยตำรวจฝึกงาน ชลอ ไม่ทิ้งโอกาสทอง นัดสาวน้อยตัวเล็กน่ารักไปทานข้าว และขออาสาไปส่งที่บ้านพักย่านตรอกจันทร์ ยานนาวา ในโอกาสต่อมา

“นันทวัน แพทย์สมาน” หรือ ตุ๊กตา คือสาวน้อยน่ารักจากรั้วโรงเรียนเบญจมบพิตร ที่ทำให้หัวใจนายตำรวจหนุ่มผู้น้ี อิ่มเอิบขึ้นมาได้อีกครั้ง

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น เหมือนคู่รักทั่วไป…..

กระทั่งปี พุทธศักราช 2504  นักเรียนนายร้อยตำรวจ ชลอ เรียนจบ รับพระราชทานกระบี่ ติดยศ นายร้อยตำรวจตรี

ท่ามกลางความปลิ้มปิติของ พันโท แช่ม หัวหน้ากองทะเบียนสัตว์ จันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รับขวััญลูกชายคนโต ด้วยการซื้อปืนพกรีวอลเวอร์ .38 ให้เป็นรางวัล เช่นเดียวกับนางทองคำ ที่เจียดเงินซื้อสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท ให้กับลูกชายคนโตด้วย

ขณะเดียวกัน กรมตำรวจ มีคำสั่งให้นายร้อยตำรวจตรี ชลอ เกิดเทศ เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณครั้งแรก เป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาล นางเลิ้ง

อย่างไรก็ตาม ใน 2-3 เดือนต่อมา พิธีแต่งงานของผู้หมวดหนุ่ม ชลอ และสาวน้อยนันทวัน ถูกจัดขึ้นที่ภัตตาคารยมราช บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีนายพันตำรวจเอก ไพฑูรย์ ปิ่นประยงค์ จปร.5 โค้ชรักบี้ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสโมสรตำรวจ ที่นายร้อยตำรวจตรี ชลอ ให้ความเคารพนับถือมาเป็นประธาน

แต่งงานได้ไม่ถึงปี กรมตำรวจมีคำสั่งให้ นายร้อยตำรวจตรี ชลอ เกิดเทศ ไปเป็นรองสารวัตรที่ สถานีตำรวจภูธร อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นเวลาเดียวกับที่ นันทวัน ให้กำเนิดบุตรชายคนแรก ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้องทั้ง 2 ฝ่าย

ผู้หมวดชลอ ตั้งชื่อจริงให้ลูกชายคนโตว่า “ชอบรบ”ส่วนแม่ตุ๊กตา ตั้งชื่อเล่นให้ว่า “กุ้ง”

เกือบ 20 ปีต่อมา“ชอบรบ”คนนี้แหละ ทำให้กลุ่ม “ไบคาน”ที่สร้างอิทธิพลรังแกชาวบ้านใน จังหวัดลพบุรี และ จังหวัดใกล้เคียง ได้รู้จักตัวตนแท้จริงของ “ชลอ เกิดเทศ”ว่าไม่ได้แตกต่างจากพระกาฬหรือยมบาลเท่าไหร่นัก!!!

——————————————-

ไปอยู่จังหวัดพังงา เหมือนไม่ได้อยู่ เพราะนายร้อยตำรวจตรีชลอ ต้องขึ้นๆล่องๆกรุงเทพฯอยู่ตลอด เพราะ โค้ชไพฑูรย์ โทรเลขเรียกให้กลับมาแข่งขันกีฬารักบี้ให้กับสโมสรตำรวจอยู่เป็นประจำ

กระทั่งพุทธศักราช 2506 กรมตำรวจจึงมีคำสั่งให้มาเป็น รองสารวัตร ติดยศร้อยตำรวจโท อยู่ที่สถานีตำรวจภูธร อำเภอพระนครศรีอยุธยา

“ชลอ …ออกเวรสอบสวนแล้ว น้องไปทำหน้าที่หัวหน้าสายสืบด้วยนะ”

นายร้อยตำรวจเอก บุญทรง ศรีวรวิทย์ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธร อำเภอพระนครศรีอยุธยา มอบหมายหน้าที่ให้ หลังจากนายร้อยตำรวจโทชลอ เข้ารายงานตัว พร้อมแนะนำให้รู้จักชายร่างสูงใหญ่ เหมือนนักรบโบราณ วัย 40 ต้นๆ แต่งกายด้วยชุดลำลองยืนอยู่ข้างๆ

“พี่จะให้ จ่าเจิม จ่าผู้ใหญ่กองเมือง ไปเป็นผู้ช่วยน้อง….”

“เจิม ภู่สุดแสวง” ยกมือไหว้ผู้บังคับบัญชาหนุ่มรุ่นน้อง เช่นเดียวกับ นายร้อยตำรวจโท ชลอ ยกมือไหว้กลับ

หลังทั้งคู่ได้ร่วมงานกัน นายร้อยตำรวจโทชลอ ยอมรับว่า จ่าผู้ใหญ่กองเมืองคนนี้ ถือเป็นครูคนแรกๆในชีวิตนักสืบของเขาอีกคน ประสบการณ์ที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในการสืบสวนติดตามคนร้าย การสะกดรอย การใช้สาย หรือการอดทนนั่งเฝ้ากันเป็นวันๆ

ส่งผลให้ทีมของผู้หมวดชลอ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 7 นาย มีผลจับกุมได้แทบทุกวัน คดีเล็กคดีน้อย ลัก วิ่ง ชิง ปล้นในพื้นที่ คดียาเสพติด หรือคดีฆ่ากันตาย

จนมีหนังสือ และโล่ชมเชยจากกองกำกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกองบังคับการเขต 1 มอบให้กับนายร้อยตำรวจโทชลอ ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

 

RELATED ARTICLES