“เป็นการกล่าวอ้างที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวของรัฐบาลในการสื่อสารกับประชาชน อันเป็นผลมาจากการบริหารราชการที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรีเองทั้งสิ้น”
แถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนยกเหตุผลตอกกลับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับการอ้างว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการจัดการกับปัญหาสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ข่าวปลอม” หรือ Fake News
สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย จับมือกันแสดงจุดยืน
ขอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน
หลังจากออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 (ฉบับที่ 27) เรื่อง มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้มาตรการในข้อกำหนดดังกล่าวอย่างจริงจังต่อ สื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง และผู้ใช้สื่อทั่วไป
อ้างส่งผลกระทบทำให้เกิดประชาชน “ตื่นกลัว” สังคมตื่นตระหนก
ทว่าฝ่ายที่ “หน้าตาตื่น” ก่อนใครเห็นจะเป็น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าประจำที่ออกมาเด้ง “รับลูก” สุดไวร่อนใบแถลงบอกเป็นคำสั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ขับเคลื่อนนโยบาย “ท่านนายก”
ในการปราบปราม “ข่าวปลอม(Fake News)” อย่างเด็ดขาด
ประสานการปฏิบัติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่ถูกบิดเบือน หรือข่าวปลอมอยู่เสมอ
ตามรอยเพื่อพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้วจับกุมดำเนินคดี
จำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อตัดโอกาสในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ทั้งนั้น พิษภัยของข่าวสาร กำลังทำรัฐบาลระส่ำระสายกระวนกระวายต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้าง
วิกฤติของ “วายร้ายไวรัสไข้หวัดโควิด” ไม่น่ากลัวอันตรายเท่าความคิดของ “ผู้กุมอำนาจ”
หวาดผวาสั่ง “ปิดปาก” พวกปล่อย “ข่าวรั่ว” ทำให้ประชาชนตื่นกลัว หรือกลัวชาวบ้าน “ตาสว่าง”
โลกของสงครามข่าวสารในปัจจุบันถึงเต็มไปด้วย “น้ำลาย” ของพวกชอบ “แก้ตัว” แต่ไม่คิด “แก้ไข” ไม่ใส่ใจ “แก้ปัญหา” จากเสียงสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น
“การพยายามจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนย่อมนำไปสู่ความล่มสลายของรัฐบาลในที่สุด” บททิ้งท้ายของแถลงการณ์ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนกระแทกโดนใจ
ในยามวิกฤติที่ประชาชนกำลังเผชิญความเดือดร้อนอย่างหนักหน้าสาหัส