ไม่มีนายตำรวจคนไหนรีบหยิบ “โทรโข่ง” มาแจงเอาผิด “เลือดสีเดียวกัน”
ไม่เร่งรีบรวดเร็ว “รับลูก” เหมือนในทันทีที่ นายกรัฐมนตรีคำราม จะจัดการกับขบวนการ “ข่าวปลอม” เอาให้ถึงที่สุด
กลายเป็นงานชาวบ้านเดือดร้อนหมดที่พึ่งถูกดึงความสำคัญน้อยกว่าไปตามล่า “ผี” บนกระดานไซเบอร์ รวมถึงผู้ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
ปั่นประสาท “ผู้นำ” แล้วทำเอา “ตำรวจหัวปั่น”ไปด้วย
ขู่เช้า ขู่เย็นจะเล่นงานเอาผิดให้จั๋งหนับ
กรณีข่าวฉาวของ “ตำรวจบางปู” เป็นเรื่องสะท้อน “ยุทธจักรสีกากี” ยังมีพวกนอกรีตเป็น “ปลาเน่า”ให้เห็นแทบรายวัน
หลังจาก ผศ.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความอาสาพาผู้เสียหาย 3 คน เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วีระพงศ์ อะภัยวงศ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ระบุถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน อ้างตัวเป็นตำรวจบุกห้องพักขโมยทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย รีดทรัพย์
บังคับให้เป็นเด็กเดินยาเสพติด
ผู้เสียหายสุดทนพฤติกรรมของ “ดาบตำรวจคนหนึ่ง” กับพวก ข่มขู่ทำร้ายร่างกายไม่หยุด
แถมเป็นตำรวจคนเดียวกับที่ก่อเรื่องฉาวพา “นิ้วติดโควิด” ที่มีหมายจับขับรถไล่ล่า เหยื่อพัวพันยานรก ถึงขั้นขับกระบะเบียดแล้วลงไปทุบรถเก๋งคู่กรณีจนเป็นข่าวดังกระฉ่อนโลกออนไลน์ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ
กลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความโรงพักบางพลีเพื่อดำเนินคดี ดาบตำรวจนายนี้กับพวก ในข้อหา รีดเอาทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ลักทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อุ้มเหยื่อไปทำร้ายร่างกายบริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ถนนสุขุมวิท อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ อย่างอุกอาจ หลังจากบุกเข้าไปในหอพักโดยไม่มีหมายค้น แล้วชักปืนรื้อค้นสิ่งของทำร่างกายคนอยู่ในห้อง จับทั้งหมดใส่กุญแจมือไพล่หลังขึ้นรถกระบะไปชายป่าริมทะเล
รุมซ้อมผู้เสียหายกับพ่อไม่สนสายตาชาวบ้านที่เดินมาดู
พวกเขาร้องวอนขอชีวิต
ดาบตำรวจนอกแถวยื่นข้อเสนอให้หาเงินมา 5 หมื่นบาทเพื่อแลกกับอิสรภาพ
ผู้เสียหาโทรศัพท์ติดต่อญาติรวบรวมเงินได้ 15,000 บาท และลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หมู่บ้านสวนเก้าแสน ถนนเทพารักษ์ ถึงถูกปล่อยตัวที่หน้าตลาดสดบางพลีซิตี้ ถนนเทพารักษ์
แต่ยังข่มขู่ให้เป็น สายเดินยาเสพติด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้เสียหายยังถูกขู่มาตลอด กระทั่งสุดทนไปร้องทนายความขอความช่วยเหลือ
พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรสมุทรปราการ ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแบ่งออกเป็นกรณีถูกแจ้งข้อหาในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศจากเหตุขับรถกระบะป้ายแดงเบียดกับรถเก๋งซีวิค
ส่วนนี้เซ็นคำสั่งให้ไป ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ขาดจากตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564
ทว่ายังไม่สามารถเดินทางมารายงานตัว เนื่องจากอยู่ในระหว่างการกักตัวตามมาตรการควบคุมโรค
ส่วนกรณีพาพวกบุกห้องพักผู้เสียหาย ขโมยทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายและรีดทรัพย์
พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด เนื่องจากมีเยาวชนที่ต้องรอสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพอย่างละเอียดอีกครั้ง
สรุปแล้วพฤติกรรม “ฉาวซ้ำซาก” น่าเอือมระอา ไม่ควรปล่อยคาราคาซัง
ผิดวินัย ไล่ออกจากราชการยังน้อยไป ต้องสอบสวนเอาผิด “ติดคุกยาว”
ถ้าปล่อยมาเดินถนนแบบไม่ได้เป็นตำรวจแล้วคงไม่แคล้วเป็น “หัวหน้าโจร” เต็มตัว