ใกล้สู่หายนะ

 

“ไม่มีหายนะใดยิ่งใหญ่กว่าความไม่รู้จักพอ ไม่มีภัยพิบัติใด ยิ่งใหญ่กว่าความโลภ”  พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเตือนสติลูกน้องเสมอ

วิบัติของระบบการแต่งตั้งโยกย้าย ซื้อขายเก้าอี้ตำแหน่ง หมักหมมจมปลักอยู่เป็นโคลนตมท่วมทุ่งปทุมวัน

วีรกรรม มารขาว-มารดำ หาใช่ “ปฐมบทตำนาน” สร้างผลผลิตของ “พิษปลาเน่า” ลอยเหม็นเกลื่อนสำนัก

แก๊ง จ-อ-ก อาศัยการลอกเลียนแบบจาก “รุ่นสู่รุ่น” ที่วุ่นอยู่กับการจัดทำบัญชีรายชื่อ ถือเอา “ตั๋ว” สลับสับโยก “สอดไส้” ตามชอบ

แบบทดสอบที่สร้างความเสียหายแก่ “ผู้เป็นนายบางคน” อับจนไม่รู้เท่าทันเกมของ “วิชามาร”

มี “ม้าใช้” เดินรับ “ตั๋วฝาก” ของผู้หลักผู้ใหญ่ จริงมาก เท็จบ้าง ตกเบ็ดบ้าง กันจนมือระวิง

ปัจจุบันยังเป็น “เงาซาตาน” สิงสถิตอยู่ในโครงสร้างของอาณาจักรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่อาจสลัดตัดขาดจากระบบ

เมื่อ “อำนาจนอกรั้ว” กับ “ม้าใช้เดินตั๋ว”  เกลือกกลั้วหากินกับตัวเลขอัตราต่อรองค่าเก้าอี้ “ทำเลทอง” ของกองทัพสีกากี

เหตุเพราะนักการเมืองบางจำพวกต้องการ “เรืองอำนาจ” ด้วยวิธีหาตำรวจเป็น “ทาสรับใช้” ในฐานบัญชาการคุมเกมสนามการเลือกตั้ง รวมทั้งกอบโกยก้อนผลประโยชน์ไว้เข้ากระเป๋าตัวเอง

เหล่านี้คือ ตัวบ่อนทำลายความเสื่อมของระบบการแต่งตั้งโยกย้ายที่ ฝังรากลึก มานานหลายยุคหลายสมัย

แถมนับวันยิ่ง “หายนะ” มากขึ้นจากความโลภที่ไม่รู้จักพอ

คนทำงานสร้างผลงานเต็มหน้าตัก บางทีจำเป็นต้องมี “ตั๋ว” ต้องมี “ขั้ว” และมี “ค่าย” หากจะวาดหวังความเจริญก้าวหน้า

นับประสาอะไรกับระดับนายพล นายพัน แม่ทัพ-นายกอง แค่ลูกน้อง “ชั้นมดงาน” ยศ นายสิบ จ่า และนายดาบ ยังต้องสวม “ปลอกคอ” ป้องกันตัว

บางคน “ปลอกคอ” ติดค่ายสำนักใหญ่กว่า “ผู้เป็นนาย” พาเกิดปัญหา “การสั่งทัพ” ขยับอาการดื้อดึงดัน

เอาแต่ลอยชายเดินสาย “เก็บส่วย” ไปบรรณาการลูกพี่

ย้อนมาถึงบรรยากาศใกล้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย “เก้าอี้นายพล” ทำให้หลายคนสาละวนวิ่งเต้นกัน “ฝุ่นตลบ”

“มารขาว” ไม่มา แต่ “มารดำ” ยังทำหน้าที่ตามถนัด รับจัด “ตั๋ว” ให้บรรดา “นักการเมืองขี้ฉ้อ” บางจำพวก บวกพลัง “อดีตนายทหารคนดัง” ที่กำลังสร้างบารมี กระทั่งเป็นที่ “โจษจัน” กันทั้งบ้านทั้งเมือง

ราคาค่าเก้าอี้ถึงสูงเป็นระดับหลักร้อย

รองผู้บังคับการบางจังหวัดกล้าทุ่มเม็ดเงินจาก 75 ขึ้นเป็น 100 เลือกลงผู้บังคับการจังหวัดในภาคอีสาน

คือตัวอย่างเป็นจังหวัดเดียวที่ยอดหลักทะลุไปไกลขนาดนี้

หลายคนอาจถามว่า จริงหรือ

แน่นอนการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยระบบ “ซื้อขายเก้าอี้” ย่อมไม่มีใบเสร็จเป็นหลักฐาน

ทว่าพยานร่วมรู้เห็นมี อยู่ที่จะยอมเปิดปากแค่ไหน

เช่นเดียวกับเสียงลือสนั่นกันหนาหูว่า บางคนเลือกยอมจ่าย “หลักร้อย” เพื่อแลกเก้าอี้ไปนั่งบท “แม่ทัพ” คุมหน่วยหลัก

น่าเห็นใจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่อาจกำจัด “หมู่มาร” ที่ตะกละตะกลาม “รุมทึ้งบัญชี” แต่งตั้งโยกย้าย มี “ม้าใช้” กับนายตำรวจหลายคนเลือกจำนนโยน “ก้อนเงิน” หว่านแลก “ตั๋ว”

“อนาคตตำรวจไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”

การบ้านข้อใหญ่ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เห็นคำตอบแล้วเลือนรางเต็มที

หาก “เหลือบไร” และ “ม้าใช้” อำนาจนอกรั้ว หอบ “สันดานชั่ว” ยื่นเสนอขาย “ตั๋ว” แลกเก้าอี้ยังไม่อันตรธานไป

อย่าคิดพึ่งพา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่หาญทำขึงขังเสียงดังอาสามาคุมกิจการงานตำรวจ

อวดรู้ อวดดี อวดเก่ง แต่ “ลุงตู่” จะรู้แค่ไหนว่า บริวารข้างกายอาจเป็น “อรพิษร้าย” หากินกับการ ซื้อขายเก้าอี้ แต่งตั้งโยกย้ายเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

“ไม่มีหายนะใดยิ่งใหญ่กว่าความไม่รู้จักพอ ไม่มีภัยพิบัติใด ยิ่งใหญ่กว่าความโลภ”   

วาทกรรมของอดีตนายพลนครบาลเจ้าฉายา “มือปราบหน้าหยก” ย่อมใช้ได้เสมอ  

RELATED ARTICLES