เที่ยว “อู่ทอง” ชมขบวนแห่หัวโตมากที่สุดในโลก

 

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง นำโดย ฉัฐพนิต มยูขโชติ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง นำพวกเราเที่ยวชมเมืองอู่ทอง ดินแดนสุวรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรี แหล่งท่องเที่ยวโบราณที่สำคัญที่น่าสนใจ และร่วมงานเฉลิมฉลองวันเสด็จอู่ทองครบรอบ 47 ปี

พวกเราเดินทางสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทองเป็นจุดแรก เพื่อทราบประวัติความเป็นมา และชมของเก่าของโบราณที่ขุดพบ สัมผัสอารยะธรรมเมืองอู่ทองสมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคทวารวดี มีโบราณวัตถุจัดแสดงไว้มากมาย ทั้งแผ่นดินเผารูปพระภิกษุ 3 รูปอุ้มบาตรอิทธิพลศิลปะอมราวดี สิงห์สำริด พระพุทธรูปปั้นนาคปรกศิลปะแบบอมราวดี พระพุทธรูปปางประทานธรรมจักร เศียรพระพุทธรูปทองคำ สร้อยทองคำ เครื่องประดับทองคำรูปกินรี พระพุทธรูปดินเผาปางสมาธิ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เหรียญกษาปณ์โรมัน เหรียญกษาปณ์สมัยทวารวดี สร้อยลูกปัดทวารวดี แผ่นทองแดงจารึกด้วยอักษรอินเดียแบบปัลลวะ

เมื่อเดินเข้าไปอีกห้องเราจะเห็นธรรมจักรศิลาพร้อมแท่นและเสาตั้งศิลปะทวารวดีที่ถือว่าเป็นโบราณวัตถุที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงชิ้นเดียวในประเทศไทย พระพุทธรูปสำริดปางแสดงธรรม พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา พระพิมพ์แสดงภาพพุทธประวัติตอนมหาปาฏิหาริย์ แท่งจุกดินเผารูปคชลักษมี ตุ๊กตาดินเผารูปคนจูงลิง แผ่นดินเผารูปคนสวมสร้อยคอและตุ้มหู รูปปั้นพ่อค้าชาวเปอร์เซีย เมื่อเดินไปอีกอาคารที่เชื่อมต่อกันจะเป็นห้องจัดแสดงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์บนผืนแผ่นดินสุวรรณภูมิและห้องจัดแสดงสุวรรณภูมิการค้าของโลกยุคโบราณ จำลองเหตุการณ์การค้าทางทะเลจากคาบสมุทรอินเดียสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ แสดงถึงการเดินเรือของพ่อค้าชาวต่างชาติ เส้นทางการค้า และเมืองท่าในสมัยนั้น เมื่อเดินลงบันไดมาชั้นล่างจะเป็นห้องจัดแสดงอู่ทองศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา แสดงเหตุการณ์ในอดีตประมาณ 1,600-1,800 ปีที่ผ่านมา จัดแสดงโดยใช้โบราณวัตถุสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แบบจำลองเจดีย์ธรรมจักร และการขุดค้นทางโบราณคดีที่เป็นเมืองโบราณอู่ทอง จากนั้นก็เดินสู่ด้านอกเพื่อชมสถาปัตยกรรมเรือนลาวโซ่ง ที่จัดแสดงขนบธรรมเนียมประเพณี เครื่องมือเครื่องใช้ รวมทั้งการทอผ้า

ออกจากพิพิธภัณฑ์ เราก็เดินทางไปสักการะเจ้าพ่อพระยาจักร ที่ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร ศาลนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางชาวบ้านร้านตลาดอู่ทอง คุณสมเกียรติ ตั้งพัฒนาสมบุญ คณะกรรมการศาลเจ้าพ่อพระยาจักร หนึ่งในผู้รวมรวมประวัติและรูปถ่ายเก่าของชาวตลาดอู่ทองเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 ชาวอู่ทองได้พบเทวรูปลอยน้ำมาทางแม่น้ำจระเข้สามพัน แล้วมาติดกับพงหญ้าบริเวณตลาดอู่ทอง จึงได้อัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้วสร้างศาลประดิษฐานเอาไว้เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชา เหตุที่เรียกว่าเจ้าพ่อพระยาจักรคงมาจากชาวบ้านสังเกตเห็นรูปร่างของพระวิษณุ มี 4 กร แล้วถือจักรอยู่ในพระกร ลักษณะของศาลที่สร้างเป็นศาลเจ้าแบบจีน นั่นก็เพราะในตลาดอู่ทองมีชาวจีนอาศัยอยู่มาก

สักการะขอพรแล้ว ก็เดินทางไปชมสวนหินธรรมชาติพุหางนาค วนอุทยานพุม่วง โดยมีพระมหาสมชาติ เทวธมโม เจ้าสำนักสงฆ์พุหางนาค ได้ร่วมมือกับชาวชุมชนในพื้นที่จัดเส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติของสวนหินแห่งนี้  ไปกราบสักการะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ ก่อนชมความสวยงามสวนหินธรรมชาติดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นพุทธสถานเชิงนิเวศตามเส้นทางไหว้พระ 5 ขุนเขา หรือ 5 ขุนเขาปุษยคีรี ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นอย่างมหัศจรรย์ นับว่าเป็น Unseen Destination and Unseen Tree สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง

จากนั้นเข้าสู่วัดเขาทำเทียม วัดเก่าแก่แห่งแรกในประเทศไทย ตามหลักฐานจากบันทึกของนักโบราณคดีอินเดียที่พบจารึกสันสกฤตบนแผ่นศิลาปรากฏคำว่า “ปุษยคีรี” เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเผยแพร่พุทธศาสนาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแผ่ขยายมาถึงบริเวณเมืองเก่าอู่ทอง และกรมศิลปากรได้เก็บรักษาจารึกหินก้อนนี้ไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง และปัจจุบันนี้กำลังแกะพระพุทธรูปบนภูผาใหญ่ที่สุดในโลกนามว่า “สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” ขนาดหน้าตัก 65 เมตร สูง 84 เมตร

เหนื่อยมาทั้งวัน คณะนักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ที่พักบ้านนาลาวรีสอร์ต และโรงแรมคงทองทิพย์ รับประทานอาหารมื้อค่ำแบบพื้นบ้าน มี นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านตลาดในประเทศ นายสุพล ศรีพันธุ์ อธิบดีกรมท่องเที่ยว นายไพฑูรย์ รักประเทศ นายอำเภออู่ทอง และนายสุเทพ เกื้อสังข์ ผอ.สำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน อพท. มาร่วมสำรับคลุกเคล้าบรรยากาศเสียงเพลงอีแซว เพลงฉ่อย และเพลงมาลัย

รุ่งขึ้นตื่นเช้าทำบุญตักบาตรวัดเขากำแพง ฟังธรรมเทศนาจากพระครูสุวรรณประชานุกูล เจ้าอาวาสก่อนกราบสักการะหลวงปู่ขาว พระพุทธรูปหินหยกขาวปางสมาธิที่แกะสลักจากหินหยกขาวก้อนเดียวน้ำหนักประมาณ 18 ตัน  ภายในวัดยังมี พระสังฆจายน์ ศาลเปาบุ้นจิ้น ไซใหญ่ กลองยักษ์ ฆ้องยักษ์ และเจดีย์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ตามด้วยการเดินทางสู่มณฑปวัดเขาดีสลักบนยอดเขากราบสักการะรอยพระพุทธบาทนูนต่ำศิลปะสมัยทวารวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 พร้อมชมทิวทัศน์สวยงามของอำเภออู่ทองบนยอดเขา

เต็มอิ่มแล้วคณะนักเที่ยวได้ลงไปเยี่ยมวิถีชีวิตดั้งเดิม ณ บ้านหนองเสือ ชมชุมชนบ้านสินสอด เป็นเรือนไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยโบราณราคา 80 บาท เพื่อเป็นสินสอดเจ้าสาว ต่อด้วยวัดเขาพระศรีสรรเพชญราม เดิมชื่อ “วัดเขาพระ” เป็นวัดเก่าแก่สมัยทวารวดี แล้วไปกราบนมัสการหลวงพ่อสังฆ์ ศรีสรรเพชญ์ พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอู่ทอง สักการะเทวรูปเจ้าพ่อจักรนารายณ์ เป็นภาพสลักนูนสูงจากแผ่นหินรูปทิพยบุคคลมี 4 กร พระหัตถ์ขวาบนถือจักร พระหัตถ์ขวาล่างถือตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายบนไม่ทราบแน่ชัดว่าถือสิ่งใด ส่วนพระหัตถ์ซ้ายล่างถือคฑา อายุสมัยประมาณพุทธศตวรรษที่ 13–14

ปิดท้ายด้วยการร่วมงานเฉลิมฉลอง “วันเสด็จอู่ทอง ครบรอบ 47 ปี” ชมขบวนแห่เทิดพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่ และสวยงามจำนวน 16 ขบวน เริ่มจากขบวนมังกร ขบวนAEC ขบวนชาติพันธุ์ทั้งไทย จีน ลาวโซ่ง ลาวเวียง ลาวครั่ง ไทยทรงดำ สลับกับขบวนกลองยาว และหัวโตที่มีมากที่สุดในประเทศไทย หรือมากที่สุดในโลกถึง 160 หัวจากฝีมือการประดิษฐ์ของ คุณพิสิทธิ์ ลีรัตนนุรัตน์ (พลอย อู่ทอง) มีทั้งหัวโตทวารวดี หัวโตพื้นบ้านตลกขบขัน หัวโตการ์ตูน หัวโตฮีโร่ หัวโตเฟอร์บี้ และหัวโตการเมือง จบด้วยขบวนจักรยานเสือภูเขาแห่บนถนนวินยานุโยค ถนนจักรนารายณ์ ไปจนถึงบริเวณศาลเจ้าพ่อพระยาจักร โดยมี นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานของงาน

RELATED ARTICLES