สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการในกรุรวดเดียว 2 คำสั่ง
พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ยังให้ พล.ต.ต.วิบูลย์ วงศ์ก้อม ผู้บังคับการอำรวยการตำรวจภูธรภาค 4 เป็นผู้มอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติ ควบคุม กำกับ ดูแล ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการตำรวจดังกล่าว
พ.ต.ท.สุริยา บุญสิทธิ์ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรนางิ้ว จังหวัดหนองคาย ร.ต.อ.พนมไพร เสลานนท์ รองสารวัตรสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ร.ต.ท.พลายงาม สิงห์ประเสริฐ รองสารวัตร(ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ถึงรองสารวัตร)งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ด.ต.รัฐวิชญ์ ทวีเฉลิมดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่สืบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ถูกให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 4
ขาดจากตำแหน่งและหน้าที่ทางสังกัดเดิม
อ้างจากเหตุคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ปรากฏข้อความร้องเรียนใน สื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหา ข้าราชการตำรวจกระทำผิดวินัย หรือประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
“เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และหากให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหาย” พล.ต.ท.ยรรยงให้เหตุผลต้องใช้อำนาจระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งเด้ง
ส่วนจะเกี่ยวกับข้อมูลอะไรอย่างไรชาวเมืองหนองคายย่อมรู้ลึกกันดี
โดยเฉพาะพฤติกรรม “ตำรวจนักบิน” บางกลุ่ม ออกนอกแถวไปรีดเงินพ่อค้าแม่ค้าชาวลาว สวมรอยชุดเฉพาะกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับผัวเมียคู่หนึ่งคอย “ชี้เป้า” โฉบเข้าไปเก็บผลประโยชน์รายเดือน
ข่มขู่ยัดข้อหา
หลายรายเกรงกลัวภัยจากมือกฎหมายต้องยอมจ่ายตามข้อตกลง
ก่อนหายเงียบไปพักใหญ่ กระทั่ง “นายเก่า” กลับมากุมอำนาจ เฉพาะกิจ-เฉพาะเก็บ เริ่มออกอาละวาดบินอีกรอบ
สร้างความเดือดร้อนทั่วเมืองหนองคาย
ทว่าระลอกนี้กลุ่มผู้เสียหายชาวลาว มีพยานหลักฐานเป็นคลิปภาพและเสียงเป็นเครื่องยืนยันพฤติกรรมนอกแถว
รอเวลากระชากหน้ากากเอาผิด
