ถึงเวลาบอกลาเครื่องแบบ

วันสุดท้ายการทำงานของข้าราชการหลายคน

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา อยู่ที่ว่าจะทำใจกับการที่ต้อง “ถอดหัวโขน” มากน้อยแค่ไหน

แต่สำหรับ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยิ้มร่าเมื่อกำลังจะยกภูเขาออกจากอกที่หนักมาตลอด 40 กว่าปี ในเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เจ้าตัวนัดลูกน้องเก่าสมัยอยู่โรงพักปทุมวันมาสังสรรค์ก่อนปิดฉากชีวิตตำรวจเคียงข้างเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 อาทิ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.นพรัตน์ รินทพล พล.ต.ต.สาธิต เจริญพิภพ พล.ต.ต.ปกรณ์ เสริมสุวรรณ

มีนักข่าวประจำกองปราบปรามไปร่วมแจมที่ภัตตาคารเลี่ยมเซ้ง ย่านรองเมือง

บรรยากาศเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง

พล.ต.อ.วินัยบอกว่า เตรียมตัวเกษียณมา 2 เดือนแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล ไปตรวจร่างกายมา ทุกอย่างดีหมด เพราะไม่ต้องมาเครียดแล้ว

“ผมมันลูกชาวบ้าน นามสกุลไม่เข้าสเปก รับราชการมาถึงยศพลตำรวจเอกนับว่าคุ้มค่าแล้ว” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหัวเราะ

ชีวิตราชการของเขาผ่านอะไรมามากมาย ประเดิมตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เจอ “ปรีชา ธิมามนตรี” นักเรียนนายร้อยรุ่นพี่เป็นหัวหน้าสายสืบ ช่วยบ่มวิชาสืบสวนเคียงข้าง “ดาบชุบ” นายดาบตำรวจรุ่นเก่า

ขยับเป็นหัวหน้าสายสืบคุมทีมกวาดคดีสารพัดด้วยสมุดไดอารี่ประจำตัว มีรูปผู้ต้องหาเปิดดูก่อนนอนทุกวันจนจำหน้าได้ พร้อมเปิดตำรา “จดหมายจับโจร” เป็นที่ฮือฮากันทั้งวงการ

สร้างผลงานจับกุมคนร้ายในเขตพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้แข่งกับโรงพักวัดพระยาไกร และทองหล่อ วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายไปหลายศพจนถูกจับตาเป็นนักสืบดาวรุ่งที่ “สมคิด บุญถนอม” ขณะนั้นลงจากตำแหน่งนายเวร พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันท์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ไปนั่งสารวัตรสืบสวนใต้ทาบทามไปร่วมทีม

แต่เขาปฏิเสธ เพราะเลือกไปเป็นนายเวรผู้บังคับการเขต 12 ดูแลพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ แค่ “อยากติดสายขาว อยากเท่”

เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ วินัย ทองสอง ออกนอกสังกัดนครบาลไปเริ่มต้นชีวิตตำรวจภูธร

ลงตำแหน่งสารวัตรสืบสวนสอบสวนโรงพักเมืองชัยภูมิ เป็นสารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา จังหวัดชลบุรี และขึ้นรองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการอำนวยการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จากนั้นเป็นหัวหน้าโรงพักคูคต จังหวัดปทุมธานี

ถูกมอบหมายบท หัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตามแก๊งลักรถทั้งจับเป็นจับตายหลายราย กระทั่งขึ้นเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

มีผลงานเข้าตาได้ไปเป็นผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม ขึ้นรองผู้บังคับการปราบปราม และเป็น “ผู้บังคับการกองปราบปราม” คลี่คลายคดีสำคัญระดับชาตินับไปถ้วน

แถมด้วยปฏิบัติการ “ปิดประตูตีแมว” ทลายบ่อนพนันเตาปูนครั้งประวัติศาสตร์

ก่อนโดน “ป้ายสีเสื้อ” เกี่ยวดอง อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เพียงเพราะแต่งงานกับหลานสาวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เมื่อเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 เขาเลยถูกกระเด็นกระดอนพ้นเก้าอี้ “ผู้การกองปราบ”

กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งตอนนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แล้วสลับไปแทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เด้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ทว่าคุมทัพเมืองหลวงได้ไม่นานก็ต้องย้ายข้ามเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2

มาถึงตำแหน่งสุดท้ายรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำลังจะโบกมือลาในเวลาหลังเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ พล.ต.อ.วินัย ยังสร้างศูนย์ตรวจสอบข้อมูลอาชญากรรมผ่านโปรแกรม PDC หรือ Police Data Center  หรือ “กูเกิลตำรวจ” อัดแน่นข้อมูลหมายจับคนร้ายไว้มากมาย

ไล่ตามยัดผู้กระทำผิดตามหมายจับเข้าคุกไปหลายหมื่นคนในเวลาแค่ปีเดียว

อีกทั้งเป็นคนเดียวที่กล้า “ขวางลำ” กลางวงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจไม่เห็นด้วยกับการ “สอดไส้” โผนายพลก่อนหน้า

ถูกบันทึกเป็นตำรวจอีกคนที่ลูกน้องรัก แต่นายมักเกลียดขี้หน้า !!!

 

RELATED ARTICLES