ตม.บูรณาการกำลังบุกเขมรทลายคอลเซ็นเตอร์

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  นำกำลังประกอบด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 8 พ.ต.อ.ธัชพงษ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผู้กำกับการ (สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเพื่อสังคม เข้าประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ประเทศกัมพูชา บุกเข้าตรวจค้นอาคารกาสิโนบนชั้น 10 กลางเมืองสีหนุวิลล์ จังหวัดกำปงโสม พบชาวไทยกำลังติดต่อใช้อุปกรณ์คอลเซ็นเตอร์ติดต่อสื่อสารจึงเข้าดำเนินการควบคุมตัวคนไทยทั้งหมด 32 คน มีต่างชาติอื่นๆปะปนอยู่ด้วย ขณะที่กำลังอีกชุดบุกจู่โจรเข้าอาคารที่พักใกล้สนามบินแห่งชาติกัมพูชา กรุงพนมเปญ ควบคุมคนจีน  5 คน และคนไทย  7 คน มี นายพยัคฆพล ชิงหลู่ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงต้นเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฟอกเงินอยู่ด้วย

ปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายชัยวุฒิ ธนาคมสนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลองลวงคนไทยให้โอนเงินจนเกิดความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ก่อนหน้านี้ สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย กรณีถูกคนร้ายแอบอ้างเป็นพนักงานคอลเซนเตอร์ บริษัทส่งสินค้าจากต่างประเทศแจ้งว่า พบสินค้าเป็นยาเสพติด มีคนร้ายอ้างว่าเป็นตํารวจไทยข่มขู่ผู้เสียหายจะดำเนินคดีฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติดและให้ผู้เสียหายโอนเงินในธนาคารที่มีท้ังหมดเพื่อตรวจสอบจนตกเป็นเหยื่อ

ชุดสืบสวนตรวจสอบพบบัญชีธนาคารที่คนร้ายใช้กระทําความผิด มีการทําธุรกรรมทางการเงินที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา  เชื่อว่า เป็นสถานที่ที่ใช้ในการกระทําความผิด มีร้ัวล้อมรอบสูงประมาณ 3 เมตร ล้อมรอบบนกําแพงทุกด้าน มีประตูเข้าออกช่องทางเดียวหากมีรถเข้าจะมีเจ้าหน้ําที่รักษาความปลอดภัยตืดกล้องวงจรปิดควบคุม จากการสืบสวนพบว่าคนร้ายโทรศัพท์หลอกลวงคนไทยในสถานที่ดังกล่าว ใช้สคริปต์ข้อความหลอกเหยื่อคนไทยจากการรับแจ้ง ต้ังแต่เดือนกันยายน 2564 ถึงปัจจุบัน พบกลุ่มคนร้ายกระทําความผิดในลักษณะเดียวกัน หลอกลวงผู้เสียหายชาวไทย 60 ราย มูลค่าความเสียหายรวมท้ัง 73 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังพบบัญชีธนาคารที่ใช้ทําความผิด รวมความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท  เชื่อว่ายังมีผู้ที่ยังไม่ได้แจ้งความอีกหลายราย  อาจมีความเสียหายถึง 200-300 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ออกหมายจับผู้กระทําความผิดชาวไทย   15 ราย โ บางส่วนทํางานอยู่ในสองจังหวัดดังกล่าว สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ขอประสานความร่วมมือกับทางการกัมพชูาเข้าตรวจค้นทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ

 

RELATED ARTICLES