อากาศร้อนอบอ้าวภายในรถเก๋งที่ต้องจอดดับเครื่องอยู่กลางแดดแง้มกระจกเพียงเล็กน้อยกลายเป็นอีก “ตำราเล่มเก่า” ที่นำมา “ปัดฝุ่นใหม่”
ว่ากันว่า “นักสืบหน้าขาว” หลายคนในยุคปัจจุบันแทบไม่ได้เคยสัมผัสบรรยากาศการเฝ้ารอเป้าหมายด้วยความกระหายอยากตะครุบตัวมัน
นานหลายชั่วโมงแล้วที่เหล่าตำรวจนอกเครื่องแบบอดทนรอคำสั่งของหัวหน้าทีม
บทเรียนนอกห้องของ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ภายหลังนำลูกน้องเข้า โครงการอบรมเสริมเขี้ยวเล็บนักสืบปากน้ำ เพิ่มองค์ความรู้ในการไล่ล่าโจรผู้ร้าย
มี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ สนับสนุนแนวความคิด และได้ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการเป็น “พี่เลี้ยง”
พวกเขาหยิบคดีลักทรัพย์ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ไปเป็นกรณีศึกษา วิชาไล่ล่าตีนแมว ที่ออกอาละวาดท้าทายมือกฎหมาย มี พ.ต.ท.ธนกฤต รวยอารี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ประสานข้อมูล พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพระประแดง
แฟ้มคดีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม บริษัท ไอ แอนด์ ยูเทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 35 หมู่ 1 ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดนคนร้ายงัดแงะเข้าไปยกเค้าทรัพย์สินหลายรายการมูลค่า 300,000 บาท เริ่มมีความหวัง
จากไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ เอาประสบการณ์ทำงานในนครบาลมา “สอนทักษะ” ตำรวจภูธรเรื่องการไล่กล้องวงจรปิดตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขยายพื้นที่รอบบริเวณเกิดเหตุกระทั่งไปสะดุดที่รถเก๋งคันหนึ่งสวมป้ายทะเบียนปลอม
ใช้วิชาเทคนิคผสมการเดินดินยังพบแผนประทุษกรรมลักษณะเดียวกันในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะ พิสูจน์ความมั่นใจว่า เป็นคนร้ายมืออาชีพ
เหลือเพียงพิสูจน์ทราบตัวบุคคล
มองเป็นแก๊งตีนแมวที่มีความสลับซับซ้อน เปลี่ยนทะเบียนรถ ใช้รถสลับแล้วทิ้งรถที่ก่อเหตุไว้ในจุดที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้คน แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตกันเป็นปกติ ก่อนจะมารวมตัวกันเป็นครั้งคราว มีการเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสาร เปลี่ยนการใช้ชีวิต
ดูแล้วคนร้ายกลุ่มนี้ต้องไม่ธรรมดาประวัติมาก
ทีมงานสืบสวนใช้ระยะเวลาในการสืบสวนนานเกือบ 1 เดือนเต็ม ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เฝ้าติดตามคนร้ายทั้งในวงจรปกติและในวงจรการก่อเหตุจนมั่นใจว่า พยานหลักฐานไม่สามารถดิ้นหลุดได้ และสามารถที่จะเชื่อมโยงได้ทั้งหมด
ประวัติของ นายสมคิด หรือ พร แจ่มจำรัส อายุ 50 ปี ชาวอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกขึ้นกระดานการสืบสวน เนื่องจากเคยถูกทีมสืบสวนนครบาลยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นแม่ทัพจับกุมดำเนินคดีไปติดคุกนานอยู่ 8 ปี
“จับยาก ออกง่าย” บางคนบ่นในที่ประชุม
เที่ยวนี้นายพันตำรวจเอกนักสืบปากน้ำยอมให้ลอยนวลอีกไม่ได้ เขาจัดแจงหารือ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย นักสืบรุ่นพี่ และปรึกษาศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ฝากข้อห่วงใยเรื่องของพยานหลักฐานเพื่อเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบทุกประเด็น
ตามแนวทางการสืบสวนยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มี นายมนตรี พวงถ้ำ อายุ 46 ปี เป็นลูกสมุนอีกคนกบดานอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นำไปสู่ฉากเริ่มต้นคว้า “ตัวอ่อน” มาเค้นปากคำสำเร็จ
แต่โชคยังไม่ดีเมื่อลูกสมุนยืนยันว่า ลูกพี่เป็นคนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ค่อนข้างระวังตัว มักอาศัยนอนอยู่ในรถ
กระทั่งได้คนใกล้ชิด นายสมคิด แจ่มจำรัส แจ้งความเคลื่อนไหวว่า มันจะแวะไปหาญาติที่จังหวัดนครปฐม กำลังตำรวจปากน้ำตัดสินใจยกทัพนอกเครื่องแบบไปเฝ้าจุดซุ่มนานหลายชั่วโมง สังเกตคนร้ายขับรถวนไปวนมาเพื่อดูความเรียบร้อยของสภาพแวดล้อม
สุดท้ายได้เวลา ดาวโจรร่วง
เจ้าฉายา “พร ทุ่งใหญ่” ตำนานตีนแมว 100 ล้านจนมุมพร้อมของกลางเป็นจำนวนมาก เปิดปากสารภาพติดคุกมาไม่ต่ำกว่า 15 รอบเข้า-ออกมากกว่าบ้านตัวเอง ก่อคดีมามากมายจนแทบจำสถานที่ไม่ได้
มีความชำนาญในการเลือกบ้านที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีลูกกรงเหล็กดัด ไม่มีสุนัข ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
การลงไปทำงานแต่ละครั้งจะไม่ลงจากรถ คอยขับรถวนหลายรอบเพื่อตรวจสอบความแน่ใจก่อนที่จะก่อเหตุ ถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่จะไปกันหลายคน ถ้าเป็นบ้านหลังเล็กจะไป 2-3 คน
ตระเวนในช่วงเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนจนถึงประมาณตี 4 ทุกครั้ง
ทรัพย์สินที่ได้หมดไปกับการพนัน และเที่ยวเตร่
“ถ้าออกจากคุกมาเที่ยวหน้ายังไม่เลิก ให้ระวังตัวไว้” นักสืบบางคนกระซิบข้างหู “อั๊วรู้ว่า ลื้อไม่ชอบนอนโรงแรม ชอบใช้ชีวิตลำพัง นอนในรถ” เขาย้ำเสียงดุ
ระวังจะไปนอนตายอยู่ข้างถนน !!!