ล้อมระทึกก่อนล็อกอดีตทหารพรานเตรียมชิงทรัพย์ร้านทอง

 

กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผู้บังคับการปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 บังคับการปราบปราม แถลงผลการจับกุม ส.อ.เขมฤทธิ์ นวลแก้ว อายุ 34 ปี อดีตทหารพรานฉายา “กรด ชุมพร” ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1941/2564 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป  หลังจับกุมตัวได้ที่ภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ริมถนนเพชรเกษมหมู่ 9 ตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2564  มีการติดต่อธุรกิจซื้ออาวุธสงครามกับผู้เสียหายรายหนึ่ง ก่อนนัดหมายให้นำเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทไปชำระค่าสินค้ากันที่ย่านดอนเมือง เมื่อผู้เสียหายมาถึงผู้ต้องหาพร้อมพวกอีก 2 คนทำทีขอดูเงินในกระเป๋าสะพายเพื่อตรวจสอบว่าครบถ้วนตามที่ตกลงหรือไม่ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายเผลอ คว้ากระเป๋าเงินวิ่งไปขึ้นรถยนต์เก๋งที่จอดรออยู่บริเวณใกล้เคียงขับหลบหนีไป หลังเกิดเหตุผู้เสียหายนำเรื่องเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ

ต่อมา พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม นำกำลัง พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ต.ศรัณย์ ศรีพักตร์ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ร.ต.ท.นิติธร ประชันกาญจนา รองสารวัตรกองกำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม ช่วยราชการกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม สืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร จึงประสานกำลัง พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม และกองกำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน เข้าปิดล้อม

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะตามแนวทางการสืบสวนพบผู้ต้องหาเคยรับราชการเป็นทหารพราน มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ จบหลักสูตรการใช้อาวุธและการฝึกอบรมทางการทหาร เช่น หลักสูตรเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หลักสูตรสงครามทุ่นระเบิด มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงยังมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง มักจะพกพปืนติดตัว และมีการโพสต์ข้อความท้าทายขอยิงต่อสู้กับผู้เสียหาย อ้างยอมตาย แต่ไม่ยอมให้ถูกจับ การแกะรอยติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบครอบตามคำสั่งของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่เน้นกำชับ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปรามให้ควบคุมแผนปฏิบัติ

ก่อนถึงวันดีเดย์ปิดล้อมรวบตัวตามการสืบสวนยังทราบเบาะแสด้วยว่า อดีตทหารพรานรายนี้กำลังเตรียมก่อเหตุบุกชิงทรัพย์ร้านทองภายในพื้นที่เมืองชุมพร ตำรวจกองปราบปรามถึงต้องเร่งเข้าปฏิบัติการก่อนล็อกตัวผู้ต้องหาได้สำเร็จ ยึดปืนพก 11 มิลลิเมตร 1 กระบอก แมกกาซีนจำนวน 2 อัน บรรจุกระสุนปืนพร้อมใช้งาน กระสุนปืนรวม 49 นัด  วัตถุคล้ายลูกระเบิด   1 ลูก รวมถึงเสื้อคลุม หมวกกันน็อก กล่องส่งอาหารของไรเดอร์บริษัทแห่งหนึ่ง  1 ชุดอยู่ภายในห้องพัก สอดคล้องกับข้อมูลสืบสวนที่ทราบว่าผู้ต้องหาเตรียมลงมือก่อเหตุใหม่อีกรอบ

ด้าน พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ยืนยันประวัติสิบเอกทหารพรานเก่าออกจากราชการเมื่อปี 2564 สาเหตุเพราะขาดราชการเกินกว่ากำหนด พื้นเพเดิมเป็นเด็กกำพร้า แต่ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ความมุมานะ ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรี มีความรู้รอบตัวสูง ผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆหลายหลักสูตร กลายเป็นเสาหลักท่ามกลางความคาดหวังของคนรอบตัว กระทั่งเมื่อวันหนึ่งประสบความล้มเหลวในชีวิต หมดหนทาง พร้อมที่จะตายเพื่อหลีกหนีปัญหา ผู้ต้องหายังยอมรับว่า อาวุธต่างๆที่มีอยู่นั้นเตรียมไว้ใช้ก่อเหตุใหม่ และต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หากถูกจับกุม เพราะต้องการให้ถูกวิสามัญ สุดท้ายเจอตำรวจกองปราบในยุทธวิธีที่เหนือกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

RELATED ARTICLES