ใช้ฤกษ์วันครบรอบสถาปนาหน่วยจัดทำบุญเปิดบ้านหลังใหม่
เป็นเวลานาน 81 ปีแล้วที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สร้างเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่อเนื่องมากมาย
เสมือน “กองทัพน้อย” ของผู้นำตำรวจไม่ต่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล
กองทัพที่มีขุมกำลัง “ติดอาร์ม” ท่ามกลาง “เขี้ยวเล็บ” ครบเครื่องเพื่อลุยกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบทั่วราชอาณาจักร
ภายใต้ยุค พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช นายพลหนุ่มกุมบังเหียนนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เวลาขยับขยายรังโยกมาตั้งรกรากวางฐานปฏิบัติการบนอาคารใหญ่ที่สูงตระหง่าน 30 ชั้น ริมถนนพหลโยธิน หลังตึกกองบังคับการปราบปราม ข้างส่วนสนุกแดนเนรมิตเก่า เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ยังคงชูมอตโต “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
ทุกหน่วยงานในสังกัดต้องเสมือน “ที่พึ่งสุดท้าย” ของชาวบ้าน ไม่ใช่แค่ กองบังคับการปราบปราม แบกรับภารกิจปัดเป่าทุกข์เพียงหน่วยเดียว
อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแห่งใหม่เต็มไปด้วยหน่วยงานในสังกัด 6 กองบังคับการปฏิบัติหน้าที่รวมกัน ขาดเพียง กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจรถไฟ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ยังอยู่สถานที่ตั้งเดิม
มีศูนย์บริหารจัดการเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือสถานการณ์วิกฤติ ( Real-Time Crime Center ) พร้อมด้วยศูนย์ควบคุมสั่งการ หรือ Command Control Operations Center (CCOC) ปฏิบัติการอย่างมืออาชีพ
ด้านหน้ายังทำเป็น “ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” จัดพนักงานสอบสวนจากกองบังคับการปราบปราม กองบังคับการปราบปรามการกระทำเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
พร้อมให้บริการประชาชนในการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีตลอด 24 ชั่วโมงในจุดเดียว
“กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานสำคัญรับผิดชอบงานแต่ละด้านที่ส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อยของและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าไว้ในวันที่ไปร่วมงานสถาปนาครบรอบปีที่ 81 ของหน่วย
เจ้าสำนักปทุมวันเปิดโอกาสให้ แม่ทัพคนหนุ่ม คัดเลือกบุคลากรตามใจชอบ เพราะมั่นใจในสายตาและประสบการณ์เจียระไน “เพชรติดอาร์ม” มาร่วมสังกัดที่เต็มไปด้วยคนดี คนเก่ง พร้อมไปด้วยความสามารถรับภารกิจสำคัญที่เกิดขึ้นข้างหน้า
พล.ต.อ.สุวัฒน์เชื่อประสบการณ์ของพวกเขาเหล่านี้จะมาขับเคลื่อนองค์กรบังคับใช้กฎหมายให้ปรับยุคเข้ากับสมัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล
ยกระดับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา
“ที่ผ่านมาถือว่า ทุกคนปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความดีเยี่ยม” พล.ต.อ.สุวัฒน์ยอมรับ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังคาดหวังไว้ว่า ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์มักไม่ปรากฏท้องที่เกิดเหตุในด้านกายภาพ ดังนั้นต้องมีการปรับกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดิมเหตุเกิดที่ไหนให้ไปแจ้งความที่ท้องที่เกิดเหตุนั้น ต้องกลับไปรีเซตตั้งระบบใหม่พัฒนาระบบการรับแจ้งความออนไลน์
“มันเกิดด้วยหลักคิดสำคัญ หากประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคดีทางออนไลน์ ต้องแจ้งความผ่านทางออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน ผู้เสียหายสามารถระบุท้องที่เกิดเหตุมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ผ่านแอปพลิเคชันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำไว้รองรับ”
ส่วนกระบวนการต่อไปสำคัญยิ่งกว่า เมื่อต้องนำข้อมูลของผู้เสียหายไปวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของคนร้ายให้เป็นระบบว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เครือข่ายเดียวกันมากน้อยแค่ไหน ก่อนส่งทีมสืบสวนออกติดตามจับกุม
“ผมถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคมโลก หากประเทศไทยทำสำเร็จจะเป็นประเทศในกลุ่มอันดับ 1-10 ที่มีระบบในการจัดการคดีอาชญากรรมทางออนไลน์แบบนี้” พล.ต.อ.สุวัฒน์ว่า
เจ้าตัวเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเล็งเห็นเทคโนโลยีทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานสากลที่น่าจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ได้อย่างดีในอนาคต
เหลือแค่ดึงศักยภาพของกำลังพล ตลอดจนฝึกฝนให้เกิดความชำนาญเพื่อกวาดล้างอาชญากรยุค 5 G