“การที่เราทำงานก็ได้ประสบการณ์กับตัวเอง”

นักข่าวภาคสนามอดีตน้องใหม่ดิจิตอลของ “ไบรท์ ทีวี” ปัจจุบันย้ายวิกไปอยู่ค่าย “เนชั่น”

“ปุ๊บปั๊บ”ญาดา จักรไชย  หน้าตาคม ผิวเข้ม ได้เลือดพ่อที่เป็นช่างภาพข่าวทีวีค่ายพระราม 4 มาเต็มตัว ทำให้เกิดแรงบันดาลอยากลองเดินตามเส้นทางผู้บังเกิดเกล้า เป็นสาวอีสานจังหวัดสกลนคร เริ่มวัยเรียนที่มหาสารคาม กระทั่งเข้ามาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ไปจบมัธยมปลายโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย เข้าต่อคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตามเป้าหมายที่ครอบครัววางไว้

เธอเล่าว่า ตอนนั้นเห็นพ่อทำงานก็ชอบ เคยตามไปกับพ่อบ่อยๆ พ่อจะอยู่ฝ่ายข่าวเฉพาะกิจ จะออกตระเวนต่างจังหวัด เราก็ได้ตามไป ได้เห็นว่า พ่อทำอะไรบ้าง ก็สนุกดี ได้ไปในที่ที่คนอื่นๆ ไม่ได้ไป ช่วงนั้นก็ชอบเลยเลือกเรียนทางนี้จนจบ ตอนแรกจะทำงาน จะเป็นผู้สื่อข่าว ต่อมา เริ่มเปลี่ยนใจ เพราะเราสนใจเรื่องภาษา อยากเป็นแอร์โฮสเตส ไปสมัครกาตาร์แอร์เวย์ส แต่ที่บ้านไม่อยากให้ทำ เพราะมีข่าวเครื่องบินตกบ่อย แม่ก็เป็นห่วง

ระหว่างรอลุ้นเป็นนางฟ้าสายการบินต่างแดน ญาดาว่า เขาก็เรียกให้มาลองทำข่าวดูก่อนไหม มีพ่อช่วยผลักดันให้มาทำงานด้านนี้ แต่ไม่ได้เลือกไปทำช่อง 3 เพราะพ่ออยากให้มีประสบการณ์ด้วยความที่เราไม่เคยฝึกงานที่ไหนมาก่อน หากจะเข้าไปทำที่ช่อง 3 เลย มันยาก มันก็เหมือนเรามาเรียนรู้ใหม่ ถ้าเรามาเริ่มที่นี่ประสบการณ์จะแน่นกว่า พ่อเป็นคนแนะนำให้มา เพราะพ่อรู้จักกับรุ่นพี่เลยให้เรามาลองดู พี่เขาก็ให้โอกาส ตอนแรกเลือกสมัครข่าวต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็นั่งแปลข่าวอยู่ในออฟฟิศ

“ตอนหลังเขาก็ให้ไปทำข่าวพักหนึ่ง ทำเศรษฐกิจด้วย พอไม่มีคนคุมเศรษฐกิจเลยไปสายสังคม การเมือง อาชญากรรม เวียนกันไป ทำมาได้ 4 เดือนกว่าแล้ว หนูชอบสายสังคมนะ มองว่า มันหลากหลายดี ที่นี่จะเน้นสกู๊ปข่าว มันก็จะลึกกว่า ทำข่าวสังคม หมายมันหลากหลายกว่า หนูก็ไปมาเกือบครบหมดแล้ว ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือที่ไหนก็ไปมาหมดแล้ว ไปเรียนรู้ทุกอย่าง แต่ชอบสังคมมากกกว่า ไม่ชอบการเมือง”

สาวเนชั่นทีวีบอกอีกว่า ส่วนข่าวอาชญากรรมก็ชอบ แต่ต้นสังกัดไม่ค่อยเน้น นานๆ จะมีหมายข่าวอาชญากรรมที่ต้องไปทำ เลยไม่ค่อยได้ทำ จะเล่นเป็นคดีใหญ่มากกว่า ที่รู้สึกชอบอีกอย่างคือได้ออกไปทำงานต่างจังหวัด ก็ต้องยอมรับว่าอย่างช่องไบรท์ทีวีเพิ่งเริ่มใหม่เลยยังไม่มีหมายที่ได้ไปแบบนั้น ถ้าได้ออกสังคมก็ดีที่ได้ไปเจออะไรใหม่ ไปเจอแหล่งข่าว มีความรู้ในหลายๆ ด้าน ด้วยความที่ตัวเองไม่ชอบทำงานออฟฟิศ เห็นว่า น่าเบื่อ การที่เราได้ออกมาข้างนอก สนุก ตื่นเต้นกว่า ถือเป็นงานที่ดี ที่ไม่น่าเบื่อ และเราก็ได้ความรู้ใหม่มาเรื่อยๆ

เจ้าตัวมองอนาคตแล้วคิดว่า น่าจะมาทางนี้ คงจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะอิ่มตัว แต่จะเปลี่ยนช่องหรือไม่ คงแล้วแต่โอกาส คงดูไปเรื่อยๆ “คุณพ่อก็สอน และเตือน แต่เขาก็เป็นคนไม่ค่อยพูด คือ คุณพ่อจะสอนแบบว่า เวลาทำงาน เวลามีหมาย ก็ทำให้เห็น แม้ว่า ที่นี่เปิดใหม่ อะไรหลายอย่างยังไม่ลงตัว เวลาต้องไปทำงานก็อย่าบ่นมาก เขาสั่งอะไรมาก็ทำไป มันเป็นเหมือนกับว่า การที่เราทำ เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว และการที่เราทำงานก็ได้ประสบการณ์กับตัวเอง การที่เราทำอย่าไปบ่น อย่าไปพูดอะไร เก็บเอาเป็นประสบการณ์ของเรา”

ญาดาสัมผัสชีวิตในสนามข่าวตั้งแต่วัยเด็ก มีโอกาสนั่งรถตามผู้พ่อไปทำข่าวตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยมในหมายข่าวที่สามารถพาเธอไปได้ ทำให้เธอซึมซับนับจากนั้นเป็นต้นมา คนข่าวสาวทิ้งท้ายระบายความรู้สึกว่า  ตอนแรกที่จบมหาวิทยาลัยออกมามีความคิดไปสมัครเข้าช่อง 3 แต่เราไม่ค่อยชอบสังคมที่มีการแข่งขันสูง ประกอบกับที่เรายังเด็ก สังคมแบบนั้นอาจจะเข้ากับเราไม่ค่อยได้จึงขอเก็บประสบการณ์ ปรับตัวก่อน เวลานี้ถือว่า ปรับตัวได้ระดับหนึ่งกับงานที่นี่ เข้ากับรุ่นพี่ๆ ได้มีเพื่อน ทำให้สบายใจขึ้น

 

RELATED ARTICLES