“เหมือนมานับหนึ่งใหม่กับการทำข่าวอาชญากรรม”

 

บินเปลี่ยนรังใหม่เข้าสู่วงการในสังกัดช่อง 8

“ลูกปัทม์” ณัฐชยา สงวนสุข ลูกสาว พ.ต.อ.อภิวุฒิ สงวนสุข อดีตผู้กำกับการ(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี จบโรงเรียนราชินีบน แล้วไปต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะมนุษย ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ แต่ไม่เคยมีความฝันจะเป็นอะไรในอนาคต กระทั่งมีโอกาสได้ไปฝึกงานสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นรายการเกี่ยวกับด้านภาษารู้สึกสนุก

เจ้าตัวยอมรับว่า เห็นในสถานีมีงานเกี่ยวกับข่าว อยากรู้ว่า เขาทำข่าวกันอย่างไร แต่เราต้องหาประสบการณ์ทำข่าวก่อน ประกอบกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยถามเหมือนกันว่า อยากเป็นอะไร ตอบไปตรง ๆ ว่า อยากเป็นนักข่าวทั้งที่ไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง เข้าใจแค่ว่า ออกไปหาข่าว ถ้าเป็นนักข่าวต่างประเทศคงนั่งแปลข่าวธรรมดา ไม่รู้เรื่องพื้นฐานอะไร ไม่เหมือนคนอื่นที่เรียนนิเทศศาสตร์โดยตรง

ต่อมาเธอได้ไปฝึกงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อยู่โต๊ะสตรี ได้ลงสนามหข่าวข้างนอกบ้าง ทั้งที่ใจอยากฝึกหน้าข่าวต่างประเทศ แต่โดนปฏิเสธเพราะต้องทำงานกะดึก ไม่เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิงนักศึกษาฝึกงาน พอไปอยู่หน้าสตรีได้ฝึกเขียนคอลัมน์ ตามงานอีเว้นท์ ยังรู้สึกสนุกเหมือนเดิม พอจบออกมารับปริญญา ช่อง 7 เปิดรับนักข่าวต่างประเทศ เธอตัดสินใจไปสมัครไม่คิดว่าจะได้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านการทำข่าว สุดท้ายไปทำงานเข้าเวรกะดึกออกเช้า แปลข่าวต่างประเทศ มีออกภาคสนามบ้าง

เธอคิดว่า เป็นเรื่องท้าทายด้วยความที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์ ทำงานนาน 4 ปี ได้อ่านข่าวรายการข่าวโลก ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เขียนข่าว แปลข่าว อ่านข่าว เข้าเวรดึก ตีสี่ต้องตื่นมาอ่านข่าวเช้าช่วงข่าวต่างประเทศเปิดประสบการณ์ใหม่ “โดนด่าจนแบบร้องไห้ก็มี เวลาออกจอรู้สึกว่า เฮ้ย อ่านไม่ดีเลย แต่มันก็เหมือนพัฒนามาเรื่อย ๆ พี่ที่เป็นผู้ประกาศช่อง 7 จะแนะนำตลอดในการลงเสียง จนเห็นว่า ทำได้แล้ว แค่ยังต้องการชั่วโมงบิน เพราะแต่ละคนมีไม่เท่ากัน”

ทำงานตอนกลางคืน อดีตคนข่าวสาวค่ายหมอชิตสารภาพว่า ถึงจะสนุก แต่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ  ป่วยจนนอนโรงพยาบาล แถมแพ้ยาอีก เป็นเหตุผลที่ต้องขยับไปอยู่ช่องทรูโฟร์ยูในเครือของทรู ทำข่าวต่างประเทศ และข่าวในประเทศด้วย ทำหน้าที่เรียบเรียงข่าวเป็นประสบการณ์อีกแบบ กระทั่งทรูโฟร์ยูมารวมกับทีเอ็นเอ็นเป็นกองข่าว ต้องปรับเปลี่ยนจากอ่านข่าวมาทำรายการวาไรตี้ชื่อลุยกองข่าว “มันเป็นวาไรตี้แบบไม่มีสคริปต์ ต้องไปด้นสนอยู่หน้างาน แล้วด้วยความที่เราเป็นคนข่าว เรายังนึกภาพไม่ออกว่าจะกลายเป็นวาไรตี้ได้ยังไง สัมผัสบุคลิกมาอีกแบบ ไม่เป็นข่าวจ๋าเกินไป”

ทำรายการวาไรตี้อยู่ราว 4 ปีได้เวลาย้ายค่ายมาสังกัดข่าวออนไลน์ของช่อง 8  “ที่นี่ให้โอกาสที่ท้าทายเขาบอกว่า ขาดคนไลฟ์ ขาดคนทำคอนเทนต์ครีเอเตอร์ แล้วมันเป็นฟิวข่าวนะ ตัวเราก็อยากทำ เพราะเราไม่เคยรู้ว่า มันเป็นฟิวยังไง เพราะสัมผัสแต่ข่าวต่างประเทศ ในประเทศ แทบจะแค่รีไรเตอร์ ยังไม่รู้ในเชิงลึก อะไรอย่างนี้ มาทำตอนแรกๆ ยากนะ ไลฟ์คนเดียว ยืนพูด 2-3 ชั่วโมง” เธอว่า

“หนูบอกหลายๆ คนว่า อาชญากรรมเป็นเรื่องไกลตัวมาก ไม่เคยคิดเลยจะมาไลฟ์ข่าวอาชญากรรม คิดว่ามันยากสำหรับเรา แม้ว่าเราจะมีพื้นฐานที่แบบคุณพ่อเป็นข้าราชการ แต่เราก็ไม่รู้สึกว่า มันจะเอามาเกี่ยวข้องได้เลย แล้วคุณพ่อเองก็เป็นคนที่บอกเสมอว่า การทำงานของเขา คือพาสของเขา เราเป็นสื่อมวลชน ต้องทำหน้าที่ ไม่เคยมีอะไรที่คุณพ่อจะบอกเลย”

ลูกสาวนายตำรวจวัยเกษียณบอกอีกว่า พ่อจะให้ไปทำเอง ไปหาคนเอง หาแหล่งข่าวเอง เขามี เขารู้ แต่เขาจะบอกว่า หน้าที่ยู ยูก็ทำไปสิ นี่ คือพ่อเป็นคนที่ทำงานเก่ง แต่จะรู้สึกว่า หน้าที่ลูกจะให้ทำเต็มที่ ขอแค่อย่างเดียว ทำอะไรแล้วต้องยึดมั่นในความที่ตัวเราเป็นสื่อ เป็นสิ่งที่พ่อสอน แล้วพอมาเดินทางนี้เต็มๆ เราก็ได้เรียนรู้ ส่วนเรื่องอาชญากรรมยอมรับว่า เรายังใหม่มากๆ กับการที่เราไปเจอตำรวจชั้นผู้ใหญ่ บางทีไม่รู้ว่า พูดแล้วท่านโอเคไหม หรือว่าท่านจะไม่ชอบอะไรอย่างนี้ กระนั้นก็ตาม เราไปตามสไตล์เรา เป็นความถ่อมตัวของเราที่เราจะเข้าไปหาแหล่งข่าว ทำให้เต็มที่ที่สุด

เรายังคิดว่า เหมือนมานับหนึ่งใหม่กับการทำข่าวอาชญากรรม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านักข่าวอาชญากรรมต้องปูพื้นฐานมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า สำหรับเรามาเริ่มตอนนี้ทำให้รู้สึกว่า ช้าไปไหม แต่รุ่นพี่บางคนบอกว่า ไม่เกี่ยวหรอก  ทำได้เลย ยูแค่คิดว่า วันนี้มันมีเหตุอะไร วันที่เราไปไลฟ์ เราต้องหาข้อมูลคดีเพิ่มเติม ทำการบ้านมากกว่าเดิม” ลูกปัทม์ถ่ายทอดความคิด “ปัจจุบันยังสนุกกับงานที่ทำเป็นนักข่าวออนไลน์ควบตำแหน่งผู้ประกาศข่าวของช่อง 8

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES