ตำรวจไซเบอร์ตัดวงจรเครือข่ายระดมทุนตุ๋นเหยื่อนับพันล้าน

 

ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาญชากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  4 ร่วมแถลงข่าวจับกุม น.ส.ดารารัตน์ ธนเลิศไพศาล อายุ 46 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท และน.ส.เกรินทร์ วิจิตรักษ์ อายุ 56 ปี ทำหน้าที่เป็นวิทยากร และชักชวนหาสมาชิกมาร่วมลงทุน หลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 5 จุด มี ยึดทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่า 32.27 ล้านบาท ได้แก่ โฉนดที่ดิน 7 แปลง รถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ 2 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม กว่า 10 ใบ  เงินในบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา 16.74 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 49 ล้านบาท

พฤติกรรมของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า บริษัท นอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์ จำกัดของ น.ส.ดารารัตน์ กับพวก ได้โฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปทางสื่อสังคมออนไลน์ให้มาสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะการระดมทุน อ้างว่าจะนำเงินลงทุนของสมาชิกไปลงทุนต่างๆ เช่น ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัล ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ  ซื้อขายทองคำ ธุรกิจค้าขายอสังหาริมทรัพย์ ซื้อขายรถยนต์มือสอง และค้าอัญมณี แลกผลตอบแทนแก่สมาชิกในอัตราสูงสุดถึง 180 % ต่อปี การลงทุนจะแบ่งเป็น 5 แพ็กเกจ เช่น แพ็กเกจแรก เริ่มต้นลงทุนที่ 4,000 บาท ครบ 10 เดือน รับผลตอบแทน 6,000 บาท ไล่เรียงไปตามเงินลงทุน ไปจนถึงแพ็กเกจสุดท้าย ลงทุนสูงสุดที่ 400,000 บาท ครบ 10 เดือน รับผลตอบแทนถึง 600,000 บาท  มีผู้สนใจสมัครสมาชิกเข้าร่วมลงทุนในแพ็กเกจต่างๆ กว่า 90,000 รายการ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,400 ล้านบาท ไม่ได้มีการนำเงินลงทุนของสมาชิกไปลงทุน หรือทำธุรกิจตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด  เป็นการหลอกลวงลงทุนในลักษณะของแซร์ลูกโซ่ อันเป็นความผิดตามกฎหมาย

หลังสืบทราบจนแน่ชัด พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสั่งให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 เปิดยุทธการตัดวงจรความเสียหายหลอกระดมทุน เข้าตรวจค้นเป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป

RELATED ARTICLES