ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.ภาณุ บุรณศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 สั่งการให้ พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำกำลัง พ.ต.ท.ไทรัฐ สมฤทธิ์ รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.ท.แผน สวาสดิ์นา รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พ.ต.ท.อภิศาล แก้วดู รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และ พ.ต.ท.ทวินันท์ นามวิเศษ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 กับพวก จับกุม น.ส.มยุรา สุ่มมาตย์ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 62 หมู่ที่ 1 ตำบลบัวงาม อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ต้องหาในคดีโกงเงินเทศบาลตำบลบุณฑริก อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
สืบเนื่องจากตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว “สาวใหญ่โกงเงินเทศบาล 31ล้านแล้วหลบหนีไป” เหตุเกิดเทศบาลตำบลบุณฑริก อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบุณฑริกได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และศาลจังหวัดเดชอุดมออกหมายจับผู้ต้องหาเลขที่ที่ จ.55/2565 ลง 24 มิถุนายน 2565 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้สั่งการเร่งสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว มีกำลังกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ตามรอยสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต จึงจัดชุดสืบสวนลงไปควบคุมตัว
สอบสวนรับว่า เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี เทศบาลตำบลบุณฑริก อาศัยเหตุที่มีตำแหน่งหน้าที่สามารถเข้าถึงระบบการเบิกจ่ายเงินของเทศบาลจึงได้ทำกา ถึงแอบโอนเงินจากบัญชีธนาคารของเทศบาลไปยังบัญชีธนาคารของตัวเอง จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 31.7 ล้านบา แล้วหลบหนีไปสมัครทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต