รถไฟชีวิต

 

งานเลี้ยงอำลาชีวิตราชการ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีลูกศิษย์ลูกหาคับคั่งเต็มร้านโอยั๊วะ ริเวอร์เทอร์เรส สะพานพระราม7 ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

จากใจถึงใจ แด่ “ครูใหญ่ปิยะ”

ตำนานนายตำรวจสายอำนวยการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนดีเด่นอันดับ 1 ของนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 เริ่มต้นชีวิตราชการตำแหน่งรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม

ผ่านมาถึงสถานีสุดท้ายในอาชีพเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เจ้าตัวแจกหนังสือ 38 ข้อคิดจากชีวิตครูใหญ่ปิยะ เป็นที่ระลึกให้แขกที่ไปร่วมงาน

ก่อนควงคู่ ราชิรัช อุทาโย ศรีภรรยา คู่ทุกข์คู่ยากขึ้นเวทีระบายความรู้สึก

ในตรีมเสื้อเชิ้ตสีขาว พล.ต.อ.ปิยะบอกให้เห็นตรงกัน คุยในเรื่องเดียวกัน เสื้อขาวที่มองเห็น พวกเราใส่ทุกคน ยอมรับตรง ๆ ว่า คุยเรื่องนี้ให้ฟัง พวกเราเคยได้ยินเรื่องของรถไฟชีวิต

ชีวิตคนก็เหมือนรถไฟแล่นอยู่บนราง เราขึ้นบนขบวนรถไฟ เรามาเจอกัน

“ผมเองก็ขึ้นมาบนรถไฟชีวิตนี้ ตั้งแต่ค่ายดารารัศมี บ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่ ถามว่าวันนั้น เกิดมา จะมีวันนี้หรือเปล่า ตอบว่า ไม่ รถไฟชีวิตคันนี้ก็เริ่มเดินตั้งแต่วันนั้น ผ่านอะไรมาเยอะแยะมาก แล้วพวกเราทุกคนในที่นี่ก็จะขึ้นรถไฟขบวนเดียวกับที่ผมขึ้น”

บางคนขึ้นแล้วลง บางคนขึ้นแล้วยาว บางคนขึ้นแล้วตกหายไป บางคนกลับขึ้นมาใหม่

“ผมเองใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่จนถึงอายุ 13 หลังจากนั้นก็มาใช้ชีวิตจนอายุ 16 แล้วก็ไม่ได้กลับเชียงใหม่อีกเลยจนถึงวันนี้ รถไฟขบวนนี้วิ่งมาเรื่อยจนมาเจอภรรยาเป็นรถไฟอีกขบวนหนึ่งที่ผมได้พบ”

พล.ต.อ.ปิยะบอกว่า รถไฟชนิดนี้วิ่งมาเรื่อยเจอทั้งร้อน ทั้งหนาว ผ่านสถานการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน

บางครั้งก็สุข บางครั้งก็ทุกข์

 “แต่ผมก็มีความสุขทุกครั้ง เมื่อพวกเราได้อยู่ใกล้กัน วันที่ม็อบตัดสินใจจะบุกตำรวจนครบาล ผมถามนายตำรวจติดตามว่า เราพร้อมจะตายกันอยู่ตรงนี้ไหม พวกเขาก็ว่า พร้อมจะตายครับนาย แต่ก่อนจะตาย ขอยิงก่อน ผมก็บอกว่า ผมอยู่ที่นี่นะ แต่จะได้กลับหรือเปล่า ยังไม่รู้เลย”  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้อนความทรงจำ 

“มีอีกหลายอย่าง ที่น้อง ๆ ขึ้นรถไฟบางสถานี อาจจะไม่เจอผม แต่บางสถานีเจอ บางคำถามที่ถาม ผมเองก็ตอบไม่ถูก ต้องทบทวนความทรงจำ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของขบวนรถไฟนี้ วันนี้อาจจะเป็นเวลาที่ถึงหัวลำโพงแล้วต้องลง

แต่รถไฟชีวิตยังต้องวิ่งต่อ

“ มันจะต่อจากหัวลำโพง มาสถานีกลางบางซื่อ แล้วอาจจะวิ่งต่อไปยังสถานีนครปฐม ราชบุรี เพราะผมเองมาจากเชียงใหม่จนถึงกรุงเทพฯ ตรงนี้ มีความสุขมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปไหมจะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ตอบได้เลยครับ ไม่เปลี่ยน ถือว่า ชีวิตทุกวันนี้ มีความสุขที่สุด ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีภรรยาที่อยู่เคียงข้าง มีหลายๆ อย่าง ให้พวกเราคิดว่า เรามีความทุกข์ แต่เราสู้ ทุกชีวิต มีการต่อสู้มีผู้เคียงข้างเสมอ”

พล.ต.อ.ปิยะทิ้งท้ายขอบคุณทุกคน ฝากไว้ด้วยว่าจงมีความภาคภูมิใจในการตื่นนอนตอนเช้าแล้วมีลมหายใจอยู่ เก็บที่นอนได้ มัน คือ การเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องสำคัญ

ชีวิตต้องมีความหวัง  ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ ถ้าเรามีพลังกาย พลังใจที่เข้มแข็งจะทำให้ชีวิตเราเดินต่อไปได้ การมีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง มีความภาคภูมิใจในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

แล้วสร้างสรรค์อนาคตที่สวยงาม เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องมีความสุขกับมัน มีความสุขแบบนี้ดีที่สุด

 อย่าตายไปกับการทำงาน ต้องพาลูกกับเมียไปเที่ยวบ้าง

“ส่วนรถไฟขบวนนี้ลงที่หัวลำโพงแล้ว ผมจะไปไหนต่อคงต้องยืนยันว่า อาจจะต้องขึ้นรถไปอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ เพราะการเกษียณอายุราชการไม่จำเป็นจะต้องนอนอยู่บ้านดูทีวี ต้องเรียนพวกเราว่า ผมเองกับลูกคงจะต้องเดินทางต่อ แต่เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เราเลือกแล้ว เตรียมใจไว้แล้ว” พล.ต.อ.ปิยะว่า

เราอาจจะเปลี่ยนขบวนรถไฟเป็นรถคันอื่น แต่ขบวนของทุกคนยังวิ่งตามปกติ

 

 

 

RELATED ARTICLES