“บิ๊กป๋อ” บินด่วนไปพม่าถกการแก้ปัญหายานรกเชิงรุก

 

ด้วยปัญหายาเสพติดในประเทศไทยมีสถานการณ์หน้าที่เป็นห่วง สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องการให้แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บินไปพบปะหารือกับพลตำรวจจัตวา วิน หน่าย เลขาธิการร่วมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด และผู้บัญชาการสำนักปราบปรามยาเสพติด ประเทศเมียนมา พร้อมคณะ
ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา

ประเด็นในการหารือ ว่าด้วยเรื่องสารตั้งต้น เนื่องจากมีการส่งสารตั้งต้นจำนวนมากที่ทางไทยได้รวบรวมสถิติไว้ ผ่านจากประเทศไทยเข้าประเทศเมียนมาสามารถนำไปผลิตยาเสพติดประเภทยาไอซ์ และยาบ้า มีการอ้างอิงว่า สารตั้งต้นนี้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ ข้อมูลแน่ชัดว่าสารตั้งต้นนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในการผลิตยาเสพติด เช่น สารตั้งต้นชื่อ โซเดียม ไซยาไนด์ น้ำหนัก 1 ตัน สามารถผลิตยาบ้าได้ 20 ล้านเม็ด หรือยาบ้าได้ 600 กิโลกรัม ระยะ 4 ปี ที่ผ่านมามีการเก็บสถิติการส่งออกสารตั้งต้นประเภทนี้ผ่านประเทศไทยปลายทางประเทศเมียนมาพบว่ามีจำนวนหลายเมตริกตัน

ทางคณะเจรจาหารือทางฝ่ายเมียนมาขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ข้อมูล ถ้าไม่มีสารตั้งต้นก็ไม่สามารถผลิตยาเสพติดได้ นอกจากสารโซเดียม ไซยาไนด์ สารตั้งต้นที่น่าสนใจอีกประเภทใช้เกี่ยวกับยาเสพติดคือ คาเฟอีน หน่วยปราบปรามยาเสพติดได้ให้ความสำคัญในการติดตามการใช้สารตั้งต้นทุกประเภทเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ปัจจุบันมีการควบคุมสารเคมีประมาณ 39 ประเภท และทางเมียนมาได้มีการควบคุม ให้มีการขออนุญาตก่อนนำเข้า มีการควบคุมจำนวนการใช้ของสารตั้งต้นและจำนวนคงเหลือ จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลบริษัทที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าสารตั้งต้นเป็นข้อมูลเดียวกันระหว่างไทยและเมียนมาจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อการป้องกันปราบปรามการนำสารตั้งต้นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ต่อไป

อีกเด็นเป็นการขอความร่วมมือจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับคดียาเสพติดของทางการไทย ที่กระทำผิดกฎหมายยาเสพติดฝั่งไทยแล้วหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในฝั่งเมียนมา ปรากฏว่า ทางการเมียนมายินดีให้ความร่วมมือได้ส่งหมายจับและตำหนิรูปพรรณผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่สืบทราบว่ามาซุกซ่อนตัวเพื่อให้ทางการเมียนมาดำเนินการจับกุมส่งทางการไทยรับตัวไปดำเนินคดี

กระนั้นก็ตามมีข้อจำกัดของฝ่ายเมียนมา พบผู้ต้องหาส่วนใหญ่กระทำผิดทั้งสองฝั่ง ต้องดำเนินคดีฝั่งพม่าก่อนส่งให้ทางการไทย และมีการหลบหนีไปซุกซ่อนตัวกับชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน ยืนยันที่ผ่านมา ทางการเมียนมาเคยจับกุมให้ทางการไทยมาโดยตลอด และจะทำการจับกุมให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อมีกระทำความผิดแล้วหลบหนีข้ามแดน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งเชิงรุก และเชิงรับ ตลอดจนการประสานความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง และนโยบาย 10 ข้อของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นรูปธรรม

RELATED ARTICLES