“ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ฝึกได้เหมือนกัน มันอยู่ที่หัวใจกับมันสมอง ความคิดเป็นหลัก”

 

กองร้อยน้ำหวานรุ่นที่ 3 ในประวัติศาสตร์กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

“ปีใหม่” ส.ต.ต.หญิง ชุติมา กล่อมลอย ผู้บังคับหมู่กองร้อยที่ 1 กองกำกับการควบคุมฝูงชน 1 ตำรวจสาวมั่นมาดเข้ม ยิงปืนแม่น มีเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เต็มตัว แถมผ่านเวทีประกวด “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” ปี 2017

สร้างความฮือฮากันทั้งวงการนางงามระดับประเทศ เพราะเป็นตำรวจหญิงคนเดียวที่โผล่เข้าไปสมัครวัดขาอ่อน ทว่าน่าเสียดายเธอติดภารกิจสำคัญของหน้าที่ทางราชการจำเป็นต้องสละสิทธิก่อนจะประกวดในรอบสุดท้าย

นิตยสาร COP’S ขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักตัวจริงของเธอให้มากกว่านี้

ลูกนายตำรวจนักสืบภูธร ความคิดตกตะกอนรับใช้ประชาชน

สิบตำรวจตรีสาวสวยสังกัดหน่วยปราบจลาจลเป็นลูกสาวคนโตของ ร.ต.อ.ไกรฤกษ์ กล่อมลอย รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เกิดวันขึ้นปีใหม่พอดี วัยเด็กเรียนอยู่บ้านเกิดแม่ที่จังหวัดนครพนม ก่อนเข้ากรุงเทพฯ จบมัธยมโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ นนทบุรี แล้วไปเรียนต่อคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เจ้าตัวเล่าว่า ปกติเป็นคนชอบลุยๆ อยู่แล้ว และด้วยความที่ตั้งแต่เล็กจนโตเห็นพ่อเป็นตำรวจ ทำงานที่เสียสละรับใช้ประชาชนของพ่อ กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจสอบเข้ามาเป็นตำรวจ คิดว่า เราเกิดมาแล้ว อยากใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์กับสังคมมากกว่าหาประโยชน์ให้กับตัวเองจะดีกว่า แม้ว่า ตอนแรกไม่ได้สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพราะอยากใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยก่อน ประกอบกับตอนนั้นไม่พร้อมเท่าที่ควร โรงเรียนนายร้อยตำรวจเพิ่งเปิดรับนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นแรกพอดี

“ยอมรับว่า ความฝันตอนเด็กอยากเป็นอะไรหลายอย่างมาก ทั้งตำรวจ หมอ และอัยการ หลังจากจบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงหันมาสอบตำรวจอย่างจริงจัง เข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจนครบาล เพราะรู้สึกว่าเท่ดี ส่วนตัวแล้วมองว่า การที่เป็นผู้หญิงแล้วเป็นตำรวจด้วย มันเป็นลุคที่น้อยคนจะเห็นแบบนี้ ดูดี ทางบ้านก็พอใจที่ลูกสาวมาเป็นตำรวจ ด้วยความที่คุณพ่อก็เป็นตำรวจอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งปลื้มที่ลูกสาวสอบตำรวจติด มาเป็นตำรวจตามเขา”

 

สวมบทผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่สนคำสบประมาท

เธอเอาวุฒิการศึกษามัธยมปีที่ 6 มาสอบเป็นนายสิบตำรวจ แต่ยังหวังอนาคตอาจจะนำวุฒิปริญญาตรีใช้สอบแข่งขันเป็นชั้นสัญญาบัตรติดยศนายร้อยตำรวจหญิงเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานบนเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เหตุผลที่เลือกกองกำกับการควบคุมฝูงชน ส.ต.ต.หญิง ชุติมาบอกว่า  เพราะกองบัญชาการตำรวจนครบาลเปิดรับบุคคลภายนอกเข้าไปเป็นตำรวจสายปราบปราม ทำหน้าที่อารักขาและควบคุมฝูงชน ไม่ใช่สายอำนวยการ พอเข้ามาจริงๆ แล้ว รู้สึกว่าโหดมาก ฝึกเหมือนผู้ชายหมดตลอดระยะเวลา 1 ปี  ควบคู่กับการฝีกระเบียบวินัย ไม่ท้อนะ เพราะเป็นคนลุยๆ อยู่แล้ว เป็นคนแบบว่า ซนๆ เหมือนผู้ชาย

“แม้ภายนอกดูเหมือนผู้หญิงผิวพรรณดี เมื่อมาเจอแดด เจอการฝึกจนผิวเสียก็ยอม มันคือการฝึกระเบียบวินัยตามกระบวนการขั้นตอนของหน่วย ฝึกเพื่อให้เราอดทน เพื่อที่เราจะออกมาใช้ชีวิตข้างนอกได้ดีขึ้นเพราะว่า การเป็นตำรวจ ต้องทั้งเสียสละ และอดทนมากๆ แล้วก็ไม่ประมาทด้วย ถามว่า โดนสบประมาทบ้างหรือไม่จากตำรวจผู้ชายว่า เดี๋ยวก็ไปอยู่หน้าห้องนาย สำหรับปีใหม่ส่วนตัวจะเป็นคนที่ไม่ดูถูกคน อย่างใครจะมองเราว่าอย่างไร ถ้าเขาคิดก็ห้ามไม่ได้”

“ถ้ามีคนมาพูด ความรู้สึกก็คงไม่โกรธ มันอยู่ที่ความคิดของแต่ละคน บางทีเขาไม่ได้มาเห็นเรา ที่เราเป็นอยู่ เขาแค่เห็นภายนอก เหมือนชอบมองว่า ตำรวจไม่ดี เพราะบางที เขาอาจจะเจอคนที่ไม่ดีมาก่อน แล้วก็มองแบบเหมารวมไปหมดแบบนี้ บางที ถ้าเรามีผลประโยชน์กับเขา เขาก็มองว่า เราดี แต่ถ้าเขาเสียผลประโยชน์ เขาก็มองว่าเราไม่ดีว่า เราแย่” ตำรวจสาวแสดงความเห็น

 

เจ้าของเหรียญทองยิงปืน ยืนดวลเป้าแข่งขันระดับ ตร.

ส.ต.ต.หญิง ชุติมา เชื่อว่า อาจมีตำรวจชายบางคนเท่านั้นที่จะดูถูกเรา ว่าเราเป็นผู้หญิง เป็นเพศที่อ่อนแอกว่าเขา จะมาลุย มาบู๊ ดีกว่าเขาได้อย่างไร แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ในส่วนตัวเราเป็นคนลุยๆ สายบู๊ อยู่แล้ว อย่างเช่น เรื่องยิงปืน เราก็ไม่แพ้ใคร  ไปแข่งยิงปืน ได้เหรียญทองพิเศษประเภทปืนเล็กยาว เอ็ม 16 ยิงระยะไกล 200 เมตร และเหรียญเงิน ประเภทปืนลูกโม่ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประเภทรวมทั้งชาย-หญิง การวัดที่ได้เหรียญทองพิเศษเป็นสูงสุดของเหรียญแล้ว

“ คะแนนยิงปืนถือเป็นระดับที่ถึงเกณฑ์เมื่อเทียบเท่ากับผู้ชาย เพราะเป็นเกณฑ์เดียวกันหมด ไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชาย มีความสามารถเท่าเทียมกันได้ แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะอ่อนแอ หรือว่าผู้หญิงทุกคนจะบู๊ไม่ได้ โดนนั่นโดนนี่ไม่ได้ โดนแดดไม่ได้ คือ จริงๆ แล้ว ตอนนี้ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ฝึกได้เหมือนกัน มันอยู่ที่หัวใจกับมันสมอง ความคิดเป็นหลัก ตำรวจผู้หญิงกับผู้ชายอาจจะมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน จริงๆ แล้ว หน้าที่การเป็นตำรวจแบ่งหน้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำตรงนั้น ผู้หญิงกับผู้ชาย เราต่างหน้าที่กัน”

เธอขยายความว่า ผู้หญิงจะมีความละเอียด เหมือนดูซอฟต์กว่า ผู้หญิงที่เปิดรับสมัครมาเพื่อเป็นตำรวจในส่วนของปราบปราม อารักขาและควบคุมฝูงชน เพื่อจะให้ดูซอฟต์ลง เพราะผู้หญิงกับผู้ชายที่เข้ามาควบคุมฝูงชนจะมีมุมมองจากสังคมที่แตกต่างกัน อย่างเวลามีม็อบที่มีผู้หญิงและเด็กเยอะ ถ้าตำรวจผู้ชายไปอาจไม่ค่อยสมควร สังคมมักจะมองว่า เหมือนตำรวจไปทำร้ายประชาชน  แต่การที่พาตำรวจหญิงไปอยู่ข้างหน้าทุกอย่างซอฟต์ลงมาว่า เราก็เหมือนลูกหลานท่าน และจะดูไม่รุนแรง

 

เข้าร่วมสมาชิก Crazy Cops ออกรอบตระเวนเดินสายวัดฝีมือ

ความจริง ส.ต.ต.หญิง ชุติมา ผ่านหลักสูตรการฝึกแบบวีไอพีถวายความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ทำให้มีโอกาสฝึกฝนการยิงปืนทุกรูปแบบจนเกิดความชำนาญและค่อนข้างชอบมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่ม Crazy Cops ที่บรรดาตำรวจรุ่นพี่รวบรวมไว้เป็นกลุ่มยิงปืนตระเวนเดินสายแข่งขันวัดความแม่นบนเป้ากระดาษแทบทุกรายการ แม้หน้าที่ของกองกำกับการควบคุมฝูงชนจะไม่มีโอกาสพกปืนเป็นอันขาด มีเพียงกระบอง โล่ และมือเปล่าเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นทำฝูงชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

“จริงๆ แล้วปีใหม่ไม่เคยยิงปืนมาก่อน คุณพ่อไม่เคยให้หยิบปืน ไม่ให้แตะเลย คงกลัว และเห็นเราเป็นเด็กผู้หญิง กระทั่งมีอาจารย์คนหนึ่งตอนที่เข้าไปเป็นนายสิบตำรวจนี่แหละ ไปหยิบปืนมาให้ลองยิงดู ไม่รู้ว่าแกเห็นอะไรจากตัวเรา เพราะเวลายิงก็เฉยๆ แต่อาจารย์เห็นแวว ยิงไปยิงมาปีใหม่ก็ชอบ ทีนี้ก็ยิงปืนอย่างเดียวเลย ยิงได้ดี ทำให้ยิงมาเรื่อยๆ ยิงมาหลายขนาด ทั้งเอ็ม 16 ลูกโม่ ปืนกล็อก แต่ตัวที่ชอบที่สุดจะเป็นปืนยาวคิดซุปเปอร์วี สวย แต่แพงมาก

สาวสวยนักแม่นปืนเล่าถึงกลุ่ม Crazy Cops ด้วยว่า เป็นรุ่นพี่ตั้งขึ้นมา สมาชิกจะมีความชำนาญด้านการยิงปืน ชอบการยิงปืน ปรากฏว่า เขาติดต่อมาว่า น้องคนนี้ยิงปืนดี มีอะไรที่น่าสนใจ ชื่อแก๊งก็บอกอยู่แล้ว จะบ้าๆ หน่อย ชวนไปรวมกลุ่มกัน ไปยิงปืน สมาชิกของ Crazy Cops ไม่ใช่ตำรวจหญิงทั้งหมด มีผู้ชายด้วย มีทุกสายอาชีพ ทั้งตากล้อง คุณหมอ ทว่าส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอาชีพตำรวจ “พวกปีใหม่ไม่ใช่มือปืนรับจ้าง ไม่รับจ้างยิงคนนะบอกไว้ก่อน” เจ้าตัวหัวเราะ

 

ครบเครื่องทุกสถานการณ์ ก่อนเผชิญเหตุการณ์ซึ่งหน้า

ตำรวจกองร้อยน้ำหวานยังบอกอีกว่า ส่วนใหญ่ประชาชนจะมองตำรวจหญิงเท่  สวย มองตำรวจควบคุมฝูงชนที่เราอยู่มีแต่คนสวยๆ กัน ทั้งที่จริง ไม่ได้คัดหน้าตา แถมมีความสามารถระดับหนึ่ง หากจะเทียบกับเพื่อนอยู่ในสายอำนวยการ หรือทำงานในสำนักงาน อะไรอย่างนี้ แล้วแต่คนจะเลือก ส่วนตัวเป็นคนลุยๆ ชอบกิจกรรมแบบแอดแวนเจอร์อยู่แล้ว ไม่ชอบแบบนั่งอยู่กับที่ ชอบแบบลุยมากกว่า ถึงเลือกที่จะออกปฏิบัติ ไม่เลือกที่จะไปนั่งโต๊ะ ไม่เลือกที่จะไปทำเอกสาร

หากอยู่ในเหตุการณ์ผู้ชุมนุม หรือเหตุระเบิด ส.ต.ต.หญิง ชุติมารับว่า ยังไม่ได้เผชิญสถานการณ์รุนแรงขนาดนั้น แต่ด้วยความเป็นตำรวจเราต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่อบรมฝึกมา ครั้งหนึ่งเคยเจอแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้า ตอนไปเดินห้าง มีผู้ชายกับผู้หญิงทะเลาะกัน ฝ่ายชายเริ่มโมโหทำลายโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เริ่มอาการไม่ค่อยดีแล้ว เราก็กลัวว่าจะทำร้ายผู้หญิง บริเวณนั้นไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย เราตัดสินใจเดินเข้าไป

“ผู้ชายตัวใหญ่มาก ส่วนปีใหม่ตัวแค่นี้แถมไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีอะไรเลย ตัวเปล่าๆ  แต่ไม่ช่วยก็ไม่ได้แล้ว เหมือนเป็นจิตสำนึกของความเป็นตำรวจ ถ้าไม่ช่วยจะรู้สึกผิดไปตลอดแน่ เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เลยเดินเข้าไปถามฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้น ไปดึงแขนเขา เพราะแสดงท่าทีจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิง โชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยมาพอดี เขาสงบลงและยอมถอยออกไป ฝ่ายหญิงก็ขอบคุณ ดีที่ไม่เป็นอะไร เราก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ เหมือนเข้าไปช่วยเฉยๆ ใจมันอยากจะช่วย”

 

โผล่สมัครเวทีประกวดขาอ่อน ดังกระฉ่อนโลกโซเชียล

ด้วยความเป็นสาวอารมณ์ดี นิสัยง่าย ๆ ชอบแต่งตัวเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ สิบตำรวจตรีหญิงกองร้อยปราบจลาจลมองว่า ผู้หญิงทุกคนชอบแต่งตัวสวยๆ อยู่แล้ว แต่ต้องให้เกียรติสถานที่ด้วย คือ ถ้าเราแต่งตัวถูกกาลเทศะ ไปตรงไหน ใครคงมองว่า ดูดี ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะเราถูกฝึกมาด้วยส่วนหนึ่ง เรื่องการแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ เราเป็นตำรวจต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชน เพราะเด็ก ๆ คนเห็นเยอะแยะมากมาย ยิ่งออกสื่อโซเชียลด้วย คนมากมายก็เห็น ไม่ใช่แค่เราเห็น หรือแค่เพื่อนเราเห็น

ความรักสวยรักงามตรงนี้เอง ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปสมัครประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2017 กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ ส.ต.ต.หญิง ชุติมาเล่าว่า เคยมีความฝัน วันหนึ่งอยากจะไปอยู่บนเวทีสวยๆ เดินโบกมือแบบนางงาม อาจจะมีมงกุฎหรือไม่มีก็เป็นความฝันของเด็กๆ พอมีโอกาสก็ไปสมัคร ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่า คิดน้อยมาก ออกเวรปุ๊บ เวลาจะหมดแล้ว กำหนดเวลาปิดรับสมัคร 1 ทุ่ม ออกเวรเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว ไปถึง  6 โมงครึ่ง ไปเป็นแบบคนเกือบสุดท้าย

“เอาก็เอา เปลี่ยนชุดอย่างเดียว หน้าก็ไม่ได้แต่ง ไปหน้าสด ๆ  ทุกคนแบบงง ผมสั้น หน้าสด กองประกวดตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ พอตอนที่จะมีสัมภาษณ์ส่วนตัว กองประกวดถามว่าทำไมถึงหน้าสดมากเลยบอกว่า ออกเวรแล้วก็รีบมาเลย เขาเลยรู้ว่าเป็นตำรวจ แรงจูงใจจริง ๆ เกิดจากรุ่นพี่ดีไซเนอร์ที่รู้จักกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยคอยบอกข่าวว่า กองประกวดเปิดรับสมัครอายุถึง 27 เลยนะ ก็เลยตัดสินใจไป  เราจะไม่ทิ้งโอกาส อะไรที่ทำแล้วไม่ต้องเสียใจภายหลัง เราก็ทำ”

 

เสียดายติดภารกิจสำคัญ ทำความฝันชิงมงกุฎนางงามเป็นหมัน

เวทีประกวดขาอ่อนครั้งแรกในชีวิตของเธอเข้ารอบแรก ทว่าสุดท้ายต้องสละสิทธิ เนื่องจากวันที่นัดสัมภาษณ์อีกรอบก่อนที่จะเข้าไป 40 คน ติดภารกิจสำคัญไม่สามารถไปได้ เจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า ไม่เสียใจนะ เพราะทำเต็มที่แล้ว และด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เราต้องเลือกที่จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อน เราเป็นตำรวจต้องเลือกหน้าที่หลักของเรา ชีวิตที่ไม่ใช่นางงาม เราก็สามารถที่จะใช้ชีวิตที่เราชอบได้โดยที่ไม่เสียโอกาสจากการทำหน้าที่ตำรวจ ตอนเข้าไปประกวด ผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้ว่าอะไร พ่อแม่ก็สนับสนุน แล้วแต่เราจะเลือกจะไปประกวดต่อก็ได้ หรือจะทำหน้าที่ตำรวจของเราก็ได้

“คือคุณพ่อจะสนับสนุนแทบทุกอย่าง ตามใจลูก อันไหนที่ไม่เหมาะ ไม่ควรก็จะเตือนๆ ไว้ ส่วนผู้ใหญ่ส่วนมากจะส่งกำลังใจมาเชียร์ เหมือนบอกว่า ดี ไปประกวดเป็นหน้าเป็นตาของหน่วย แต่ด้วยความจำเป็นต้องสละสิทธิจริงๆ เพราะอันนี้เป็นภารกิจสำคัญ ไม่สามารถที่จะไปได้  วันแรกที่สมัครมีคนถามเยอะมาก ด้วยความที่เราเป็นตำรวจ และด้วยความที่ส่วนใหญ่จะแต่งหน้าทำผมสวยๆ ทุกคน แล้วเราไป เหมือนมีคำถามเลยว่า มาผิดงานหรือเปล่า หน้าสด ผมสั้น ทุกคนก็ตื่นเต้น” เธอจำวันนั้นไม่ลืม

“ เขาก็ถามว่า ทำไมถึงตัดผมสั้น ด้วยความที่เราก็แบบสบายๆ ไม่ได้เตรียมคำตอบหรืออะไรมาเลย เขาบอกว่า เพราะเป็นตำรวจหรือเปล่าถึงตัดผมสั้น จริงๆ ตำรวจหญิงไว้ผมยาวได้ แต่ต้องเก็บให้เรียบร้อย  โดยส่วนตัวคิดว่า ผมสั้นมันสบายดี อีกอย่างคือ ปีใหม่เคยไว้ผมยาวแล้วตัดผมไปบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ในกองประกวดก็ไม่มีคำถามที่ตอบไม่ได้นะ เพราะว่าไม่ได้แบบเฟค หรือปั้นคำตอบให้ดูดี มันก็เลยเป็นอะไรที่ พอเขาถามอะไรมา เราก็ตอบไป รู้อะไรก็ตอบไป อันไหนตอบไม่ได้ก็บอกว่าตอบไม่ได้ อะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นคำถามเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ถ้าโดยทั่วไปก็ถามได้ แต่ถ้าลงลึกก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะบางอย่างเป็นความลับทางราชการ หากเผยแพร่ออกไปจะเกิดความเสียหาย”

 

ยอมรับได้พ่อเป็นต้นแบบ แอบหวังอนาคตจะติดดาวบนบ่า

ต้นแบบในการดำเนินชีวิต ส.ต.ต.หญิง ชุติมา ตอบแบบไม่ลังเลเลยคือ พ่อ เพราะพ่อเป็นตำรวจเป็นแบบอย่างการดำรงชีวิตในหน้าที่การงานได้ดี รักษาภาพลักษณ์ที่เป็นตำรวจ ทำหน้าที่ตำรวจได้ดี โดยที่เราไม่ต้องรู้สึกอะไรไม่ดีเลย แม้ส่วนตัวเราจะต่างจากพ่อไม่น้อย ตรงที่เป็นคนลุย ๆ ชอบเที่ยว มักมีวิถีชีวิตของตัวเอง แต่หลัก ๆ จะได้พ่อเป็นต้นแบบ ทำให้เรากล้าสัญญาว่า จะไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรตำรวจ หรือชื่อเสียงของครอบครัว ทำอะไรต้องคิดก่อนเสมอ คิดเยอะๆ

หากย้อนกลับไปไม่ได้เป็นตำรวจะทำอะไร เธอบอกว่า มีความฝันเยอะมาก ตั้งแต่เด็กๆ ถ้าไล่มา เคยอยากเป็นหมอ เดี๋ยวอยากเป็นครู เดี๋ยวอยากเป็นแอร์โฮสเตส หรือว่าอยากเป็นตลกก็มี ตอนนี้ก็เป็นตลกสมใจในวงการตำรวจแล้ว ตรงที่เป็นคนฮาๆ ตลกๆ ในกลุ่มเพื่อน ทำอะไรตลกๆ แล้วรู้สึกว่า ไม่เครียดดี เพราะหน้าที่เราก็เครียดอยู่แล้ว เป็นสีสันให้เพื่อนๆ บ้าบอไปตามเรื่อง

ส่วนอนาคต เธอก็ยังมุ่งมั่นอยากสอบเลื่อนเป็นสัญญาบัตร “คงต้องอ่านหนังสือให้หนัก และดูว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเปิดสอบอะไรบ้าง อยากเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว เพราะชอบภาษา ชอบเที่ยว ถ้าต้องไปจับผู้ร้าย ใจก็สู้ คิดว่า เป็นไงเป็นกัน เวลาเจอสถานการณ์จริงอย่างกรณีที่เคยเจอเหตุการณ์ ถ้าปีใหม่ไม่ช่วย มันคงจะติดอยู่ในใจ ถึงเขาจะไม่เป็นอะไร ปีใหม่จะคิดว่า ทำไมไม่ช่วยเขา ทั้งที่ปีใหม่ช่วยได้ เรามีกำลังจะช่วยเขาได้ ถ้าโดนมาก็ยังดีกว่าเขาโดน”

 

มั่นใจในความสามารถพิเศษ ปฏิเสธที่จะปรุงแต่งชีวิตอะไรมาก

“ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก เราอาจจะไปเป็นสไนเปอร์หญิง หรืออาจจะไปเป็นแบบนั่งหน้าห้องนายก็ได้” ผู้หมู่สาวคิดแบบนั้นและขยายความว่า ตำรวจหญิงพลซุ่มยิงไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่ ไม่แน่ใจว่า ไว้ใจให้ผู้หญิงเป็นได้หรือไม่ แต่เราก็วาดฝันว่า อาจจะเป็นนักแม่นปืนหญิงคนหนึ่งที่สามารถเรียกไปใช้งานได้ มั่นใจว่า มีความสามารถพิเศษอยู่ในตัวเรา เช่นเดียวกับงานบอดี้การ์ด ดูแลคุ้มกันบุคคลสำคัญ หรือแขกต่างประเทศ

ส.ต.ต.หญิง ชุติมา ยังเปรียบตัวเองเป็นดาร์กช็อกโกแลต ไม่ต้องปรุงแต่ง เพราะช็อกโกแลตจะมีความขมในตัวมันเอง มีหวานนิดหน่อย ขมแต่ก็มีความกลมกล่อมในตัวมันเอง ทำให้คนที่กินเข้าไปมีความสุข คือเราเป็นคนที่ไม่ค่อยปรุงแต่งชีวิตอะไรมาก เป็นตัวของตัวเอง แต่เป็นอะไรที่ทำให้ทุกคนมีความสุข คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข สบายใจ ไม่เครียด

“ถ้าเป็นเครื่องปรุง คิดว่า ตัวเองเป็นทุกอย่างเลยมากกว่า ใส่ทุกอย่าง เพราะเป็นคนหลายรสชาติ เป็นคนที่จะเปรี้ยวก็ได้ เผ็ดก็ได้ หวานก็ได้ เป็นคนที่มีกิจกรรมเยอะ มีกลุ่มเพื่อนหลายแบบ ส่วนตัวก็จะมีหลายสไตล์ แล้วแต่ว่าเราอยู่กับใคร”

 

ยอมรับภาพพจน์องค์กรติดลบ อยากให้ทบทวนไม่ใช่เหมารวมไปหมด

เธอมีความคิดด้วยว่า  ปัจจุบันภาพลักษณ์ของตำรวจในสายตาชาวบ้านอาจติดลบ แต่อยากให้เปลี่ยนคิดมองตำรวจเหมือนพี่น้อง เหมือนลูกหลาน มองตำรวจเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว เพราะในความเป็นจริงหลายคนก็มีลูกหลานตำรวจมากมาย ทุกอาชีพก็มีทั้งคนดีและไม่ดี เชื่อว่า ชาวบ้านก็มอบตำรวจทั้งดีและไม่ดี แต่สำหรับเรามั่นใจได้เลยว่า ตำรวจมีดีมากกว่าไม่ดี อย่างน้อยก็เราคนหนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ มีพ่อที่ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบมาตลอดทั้งชีวิต มีตำรวจรุ่นใหม่อีกมากมายที่ตั้งใจทำงาน

“บางทีชาวบ้านอาจมองไม่เห็นพวกเขา ก็อยากให้พี่ๆ น้อง ๆ ทุกคน ป้าๆ ลุงๆ คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยมองตำรวจดีๆ ที่เขาเป็น อย่าไปมองภาพรวมเหมารวมไปหมดว่า ไม่ดีทุกคน มีตำรวจมากมายตั้งใจทำงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย อยากให้เป็นกำลังใจแก่พวกเขาด้วย ปีใหม่การันตีได้ โดยเฉพาะคุณพ่อของปีใหม่เอง”

เจ้าตัวฝากอีกว่า สำหรับน้องๆ ที่อยากจะเป็นตำรวจ แล้วยังอาจจะมีความกลัว หรือรู้สึกจะเป็นดีหรือไม่ จะโหดไหม จะทนได้หรือไม่ “จริงๆ แล้ว ปีใหม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยังผ่านมาได้ อยากให้ใจสู้ การเข้ามาเป็นตำรวจไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด แล้วมันก็จะผ่านไปได้ อะไรที่ผ่านมาได้แล้ว เราก็จะมองว่ามันง่าย อะไรที่เราอาจจะยังไม่ผ่าน เราก็อาจจะกลัวไปก่อน ข้างหน้ามันเป็นอนาคต ไม่ต้องไปกลัว ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด การฝึกตำรวจไม่ได้โหดร้ายที่ทำใครถึงตาย หรือทำให้บาดเจ็บสาหัส มันเป็นการฝึกฝน ให้เราเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้น”

 

 

RELATED ARTICLES