“ใบเฟิร์นเน็ตไอดอลดังถ่ายแบบเป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG มีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน โพสต์ภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีชื่อเสียงอีกหลายๆคน สร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนตุ๋นเหยื่อหลอกลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” เหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ก่อนหายเข้ากลีบเมฆ ผู้เสียหายขอความช่วยเหลือ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เกรงว่าจะมีประชาชนเดือดร้อนเพิ่ม ก่อนสั่งการให้สืบนครบาลเร่งรัดสืบสวนหาตัว จนกระทั่งทราบเบาะแสว่าหนีมาเข้าถ้ำเสือนครบาลใจกลางกรุง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลวางแผนให้ทีมนักสืบปลอมตัวเป็นเอเจนซี่แฝงตัวตามคอนโดหรูย่านทองหล่อ กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ เน็ตไอดอลสาวคอตกรับว่า “ตอนนี้พยายามหา ซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่า ถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสียหาย”
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผู้กำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล และ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ผัดก๋า รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ กับพวกออกติดตามสาวเน็ตไอดอลผู้ต้องหารายนี้
กระทั่งจับกุม น.ส.มณฑิรา หรือใบเฟิร์น อินทร์สุวรรณ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/2 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง ลำพูน ได้ที่ห้างยูเนียนมอลล์ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตามพฤติกรรมตระเวนก่อเหตุ หลอกลวงให้ลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” มีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท อาศัยเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดีและยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ออกรายการทีวีต่างๆ ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG ผู้ติดตามกว่า 120,000 คน และในเฟซบุ๊กยังมีการโพสต์ภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีเชื่อเสียงอีกหลายๆคน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้มาสอดส่องโปรไฟล์ กระทั่งช่วงต้นปี 2566 เริ่มโพสต์เชิญชวนให้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ เสนอเป็นแพ็กเกจต่างๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน เหยื่อหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินไปร่วมลงทุนแล้วไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างงานเยอะ ติดงานต่างๆ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิดๆ ถูกๆ หลายครั้ง เมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลเธอก็จะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน จนถึงช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 อ้างกับเหยื่อว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้ผู้ร่วมลงทุน ก่อนหนีหายเข้ากลีบเมฆไป กระทั่งบรรดาเหยื่อที่ร่วมลงทุนกับเธอได้ทยอยเข้าแจ้งความออกหมายจับ 2 หมายจับ ซึ่งล่าสุดเหยื่อได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวได้หลบหนีมากบดาลในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ เรียกได้ว่าหนีมาเข้าถ้ำเสือนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT5 ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ควานเบาะแสจากสายลับว่า สาวผู้ต้องหาควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ส่งทีมกระจายกำลังตามห้างดังทั่วกรุงนานกว่า 5 วัน กระทั่งพบตัวขณะกำลังเดินหาซื้อชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ ตำรวจได้เข้าแสดงตัวจับกุม สารภาพตลอดข้อกล่าวหาให้การว่า จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เปิดร้านทำเล็บอยู่เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพมหานครมาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี ในทางคดีเปิดร้านทำผมและเล็บอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เห็นว่ามีรายได้ดีได้มาร่วมลงทุนร่วมกัน ร้านกู๊ดคัด ลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ จากนั้นนำไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน ช่วงหลังกำไรน้อ ซื้อสินค้ามาขายไม่ค่อยได้ ทำไห้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยใผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมเนื่องจากหาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายไ พยายามหาซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่า ถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสียหาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลระบุว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา และจะมีการขยายผลการจับกุมโดยละเอียด จากข้อมูลที่ได้วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวงเริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่รถหรู หรือดาราผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆใช้หลอกลวงจึงทำได้ไม่ยากนัก ขอเตือนไปยังประชาชนยุคใหม่ว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์มีความเสี่ยง เพราะในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากโปรไฟล์ในโลกออนไลน์ยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ทางด้านการลงทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ และขอเตือนไปยังเหล่ามิจฉาชีพทางออนไลน์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง
