เลือกเป็นตำรวจตามตระกูล

กิดในครอบครัวตำรวจมือปราบตระกูล “พันธุ์คงชื่น”

ทำเอา “ผู้กองเอม” ร.ต.อ.อภิชัย พันธุ์คงชื่น ซึมซับความเป็นตำรวจมาจากคุณปู่ พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้เป็นพ่อ

เจ้าตัวยอมรับว่า สมัยเด็กอยากเจริญรอยตามปู่กับพ่อ ทว่าถูกพ่อติดเบรกวางเส้นทางอยากให้เดินในสายธุรกิจมากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ตำรวจยุคนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ทำงานลำบาก ประกอบกับชีวิตเสี่ยงอันตราย มีพี่ชาย คือ “สารวัตรแอนดี้” พ.ต.ต.อุกฤษ พันธุ์คงชื่น เป็นนายตำรวจอยู่สายสืบสวนเสี่ยงคนเดียวพอแล้ว

ทั้งที่เขาอยากเป็นตำรวจมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ

ทำให้ทายาทคนเล็กของบ้านพันธุ์คงชื่นรู้สึกหมดหวังคิดว่าเส้นทางการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เฉกเช่น ปู่และพ่อคงถึงเส้นทางตัน เมื่อเรียนจบโรงเรียนนานาชาติย่านเอกมัยจึงเบนเข็มไปสอบเข้าคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม พอจบปี 4 มีปริญญาตรีเป็นดีกรีติดตัวเข้าเป็นพนักงานธนาคารเอสเอ็มปีกินเงินเดือนหลายหมื่นบาท

“ปรากฏว่า คุณปู่ ถามย้ำเสมอ ทำไมไม่เป็นตำรวจ ทำให้ผมต้องลองอ่านหนังสือสอบสักครั้ง ไปสอบชั้นประทวนวุฒิปริญญาตรี ไม่สนคำค้านของพ่อ ตอนนั้น พ่อก็บ่นจะมาเป็นทำไม อยู่ที่แบงก์เงินเดือนสูงแล้วมากกว่าข้าราชการอีก ทำไมถึงจะมาเป็น ดูลู่ทางแล้วไม่น่าจะดี แต่ผมอยากเป็น และสอบติดบรรจุสังกัดกองการต่างประเทศ ติดยศ ส.ต.ต. เมื่อปี 2552” ผู้กองหนุ่มเล่าถึงความภาคภูมิใจที่ทำให้ “พันธุ์คงชื่น”มือชื่อติดทำเนียบวงการสีกากีอีกคน

แต่อีกสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จสร้างชื่อให้แก่ตระกูลคือการลงสนามประลองความเร็วชนิดนักแข่งรุ่นพี่ต้องยอมสยบและยกนิ้วให้ หลังสวมบทนักซิ่งคว้าแชมป์แข่งรถมาได้หลายสนามทั้งเด็กอายุเพียงสิบกว่าขวบ

          ชีวิตนักซิ่งของเด็กหนุ่มทายาทนายพลคนนี้เริ่มต้นตอนอายุ 10 ขวบ เขาเล่าว่า พ่อซื้อรถโกคาร์ทให้ เพราะพ่อมีความฝันอยากแข่งรถ แต่สมัยเด็กปู่ไม่ให้โอกาสพ่อ พอโตขึ้นพ่อเลยอยากให้ลูกชายได้ลองขับดู  “เด็ก ๆ ผมก็ไม่ชอบ ยังเล่นวีดีโอเกมส์อยู่ ลองขับแรก ๆ ไม่ชอบ ขับไปได้ประมาณปีนึง เริ่มรู้สึกว่า เป็นอะไรที่ไม่อยากหยุดแล้ว พยายามพัฒนาฝีมือตัวเอง อาจเป็นเพราะแรก ๆ ก็ไม่ค่อยชอบความเร็วเท่าไหร่ เพียงแต่สมัยเด็ก ๆ พี่ชายชอบพาไปนั่งรถเล่น ขับรถเร็ว เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ผมนั่งจนชิน ไม่กลัว กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน”

“เล่น ๆ ไป คิดว่า ขับรถประลองความเร็วในสนามแข่งมันจะปลอดภัยกว่าไปขับในถนน ซึ่งมันผิดกฎหมาย มันเหมือนเป็นทักษะ ผมค่อนข้างได้อาจารย์ดี ประสบความสำเร็จเร็ว อายุ 14ปี ได้แชมป์ทัวริง รายการไทยแลนด์ทัวริง สนามพีระเซอร์กิต พัทยา”

ก่อนหน้า ผู้กองเอมขับโกคาร์ทพัฒนาฝีมือตัวเองที่สนามเคอาร์ พัทยา โกลคาร์ท ตระเวนแข่งไปทั่วประเทศ กระทั่งขยับขึ้นไปขับรถใหญ่ครั้งแรกเมื่ออายุ 13 ปี เป็นรถฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู มี วรพจน์ บุญช่วยเหลือ เป็นครูคอยฝึกปรนแบกอายุไปแข่งกับผู้ใหญ่รุ่นพี่ อาทิ พระเอก “อ่ำ” อัมรินทร์ นิติพน ที่ตอนนั้นมีฝีมือไม่ใช่ย่อย

ปีแรกที่ลงประลองความเร็ว เอมได้รองอันดับ 2 พอปีที่ 2 คว้าแชมป์คลาส ซี นำประสบการ์จากรถโกคาร์ทที่เรียนรู้มาก่อนหน้าไปปรับสไตล์การขับขี่ เป็นจุดเด่นของเอมตรงนี้ใช้ทักษะมาขับแข่งมากกว่าการปรับจูนเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น  “ผมได้เปรียบตรงนี้ ยิ่งได้รถดียิ่งได้เปรียบ ขับสม่ำเสมอตลอด แม้ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่ด้วยขับที่เราขับสม่ำเสมอ รถไม่พัง รถไม่ช้ำ ถึงคว้าแชมป์แรกอายุ 14 ปี ทั้งบุคคล และทีมในนาม KPS สิงห์ พอปีต่อมา ได้แชมป์คลาสบี เริ่มมีชื่อติดหูในวงการนักแข่งรถ กลายเป็นนักซิ่งดาวรุ่งอายุน้อยที่สุด”

ทำให้ทีม KPS ที่ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้พ่อเป็นผู้ก่อตั้งกับความเต็มที่ว่า “Krissda Pankongchuen and Son” โด่งดังในวงการนักซิ่งมือใหม่  “ผมขับคันเดียว ขณะที่คนอื่นขับ 2 คัน ได้ทั้งแชมป์บุคคลและทีม เริ่มถูกจับตามองว่า มาได้ยังไง เสร็จแล้วเปลี่ยนรายการไปขับพวกวันเมคเรซ เป็นรถสแตนดาร์ต ได้แชมป์วีออส วันเมคเรซ ตระเวนแข่งไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ”

เขายังลงสนามในรายการ “ยาริส วันเมคเรซ” ช่วงปลายก่อนอำลาสนามซิ่ง ประชัน ประชันกับนักแข่งดัง เช่น ตรัยธนิษฐ์ ฉิมตะวัน กิตติพงษ์ กิตติพงษ์พัฒนา อัมรินทร์ นิติพน กฤตัชญ์ วสุรัตน์ และพระเอก“เรย์ แม็คโดนัลด์” แต่ทำได้เพียงอันดับ 3 ของคลาสบี

จะว่าไปแล้วชีวิตนักแข่งรถของ  ร.ต.อ.อภิชัย พันธุ์คงชื่น ขึ้นชั้นมีชื่อเสียงติดวงการประลองความเร็วในเวลารวดเร็วด้วยอายุน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องจบเส้นทางแข่งรถก่อนวัยอันควรเช่นกัน ทำเจ้าตัวเสียใจมาจวบทุกวันนี้ เขาบอกว่า ต้องอำลาวงการตอนอายุ 18-19 ปี เพราะผ่าหมอนรองกระดูก หลังเจ็บมากจนต้องหยุด ทั้งที่ก่อนหน้าเคยเกิดอุบัติเหตุหนักสุด ตอนขับโกคาร์ทอายุ 11 ขวบ รถบินลอยตกกระแทกสนาม แต่ไม่เข็ด ไม่คิดจะเลิก มันมีความกระหายอยู่ในตัว

“ทุกวันนี้ เลิกแล้ว แต่ความรู้สึกได้ขับรถเร็ว ๆสักครั้งยังสนุกกับมัน เหมือนทบทวนวิชาของตัวเอง ดีที่ได้ผันตัวเองเป็นอาจารย์สอนในโครงการของบริดสโตร์ เป็นวิทยากรสอนขับขี่ในเชิงสปอร์ต ขับขี่ปลอดภัย ตระเวนสอนตามต่างจังหวัด อาศัยเวลาว่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เสียดายเหมือนกัน ชอบอยู่ แต่ติดเรื่องหน้าที่การงาน ไม่ได้ทำงานขอได้ไปขับแข่งอีกก็ยังดี” ทายาทนายพลนักสืบเผยความรู้สึก

เป็นโครงการสอนขับขี่รถแบบสปอร์ตบนพื้นฐานของความปลอดภัยโดยใช้หลักสูตร ของ

Mr.Stefano Modena นักแข่ง F1 ชาวอิตาลีที่ทำให้เอมไม่ทิ้งสนามซิ่ง

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า อนาคตคงต้องมุ่งการงานให้ดีที่สุด พยายามเดินตามรอยปู่ พ่อและพี่ชาย ส่วนจะไปไกลขนาดไหนขึ้นอยู่กับวาสนา แต่การเป็นตำรวจเป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ มาจนถึงพี่ชายแล้ว

ปัจจุบันเขาถึงเป็นนายตำรวจหนุ่มที่มุ่งมั่นอยู่เมืองเหนือจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากก่อนหน้าสอบเป็นชั้นสัญญาบัตรลงไปใช้ชีวิตนักรบสมรภูมิจังหวัดชายแดนใต้ท่ามกลางไฟขัดแย้งยอมเสี่ยงตายแม้จะเป็นทายาทนายพลใหญ่เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่หลายปี

 

 

 

RELATED ARTICLES