รวบนักต้มตุ๋นมืออาชีพ หลอกนักธุรกิจอัญมณี สูญเงินกว่า 22 ล้านบาท พบประวัติโชกโชน

รวบนักต้มตุ๋นมืออาชีพ หลอกนักธุรกิจอัญมณี สูญเงินกว่า 22 ล้านบาท มิหนำซ้ำหลังถูกจับกุมพ้นโทษออกมา กลับมาหลอกระดมเงินลงทุนรถไฟความเร็วสูง

 

วันที่8ธ.ค.67 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผู้กำกับการ1กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี ,  พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ , พ.ต.ท.อภิชน ขันกา , พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รองผู้กำกับการ1กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.เผ่าภูมิ สมหมาย รองผู้กำกับสอบสวน กองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม  พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร สารวัตรกองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายรวีโรจน์ฯ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ. 794/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” ได้ที่ห้องพัก โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงและเขต วังทองหลาง กรุงเทพฯ

พฤติการณ์  สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2558 นายรวีโรจน์ฯ ผู้ต้องหา ได้ร่วมกับพวก หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีให้มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีแบบครบวงจร โดยผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าตนเองเป็นกลุ่มนายทุนเจ้าของบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง มีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศคิดเป็นเงินไทยประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะให้เงินสนับสนุนกับผู้เสียหายเป็นเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยผู้เสียหายจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการนำเงินเข้ามาในประเทศไทยให้กับกลุ่มผู้ต้องหาก่อน ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการปลอมหนังสือค้ำประกันของธนาคาร HSBC (The Hongkong and Shanghai Bank) สาขานิวยอร์ก นำมาแสดงให้ผู้เสียหายเห็นว่า มีเงินยอดเงินในบัญชี จำนวน 8,775,105,000 ดอลล่าร์ ภายหลังผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ รวมเป็นเงิน 22,480,000 บาท ไปให้กับกลุ่มผู้ต้องหา เมื่อถึงกำหนดนัดจ่ายเงินทุนสนับสนุนดังกล่าว ผู้ต้องหากลับไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ พร้อมกับบ่ายเบี่ยง และหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

​จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2560 นายรวีโรจน์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และภายหลังได้ถูกทางการ ประเทศแองโกลาจับกุมในข้อหา “ปลอมแปลงเอกสารเช็คและฟอกเงิน” เนื่องจากบริษัทฯ ของผู้ต้องหาได้มีการเซ็นสัญญาลงทุนกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา และได้มีการนำเช็คจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ เข้าเปิดบัญชีในนามของบริษัทฯ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา เพื่อเป็นเงินลงทุนในประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเตรียมเข้าเซ็นสัญญากับรัฐบาลของทางแองโกลา แต่ภายหลังรัฐบาลของประเทศเเองโกลาตรวจพบการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อนายรวีโรจน์ฯ ผู้ต้องหา พ้นโทษจำคุกที่ประเทศแองโกลาแล้ว ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยได้กลับมาก่อเหตุหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิม ซึ่งจากการสืบสวน ทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการหลอกระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนในธุรกิจรถไฟความเร็วสูงที่ผู้ต้องหาจะสร้างขึ้นในประเทศไทย โดยผู้ที่สามารถระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาได้ จะได้รับผลตอบเเทนเป็นเงินจำนวน 5–10 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการนัดกลุ่มนักการเมืองพรรคดังพรรคหนึ่งมาประชุมหารือที่โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิม โดยอ้างว่าตนเองมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายรวีโรจน์ฯ ได้พักอยู่ที่ที่โรงเเรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงและเขต วังทองหลาง กรุงเทพฯจึติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว  สอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป​

​ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากประชาชนท่านใดถูกคนร้ายหลอกลวงด้วยพฤติการณ์ในลักษณะข้างต้นนี้ ขอให้อย่าหลงเชื่อ อย่านำเงินไปร่วมลงทุนตามโครงการต่างๆ ตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวง ทำให้ท่านได้รับความเสียหาย ขอให้ท่านเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ กองกำกับการ ๑ กองบังคับการปราบปราม

RELATED ARTICLES