“เขาเป็นตำรวจมาตั้งแต่ต้น เมื่อตัดสินใจเป็นแฟนกับเขา ดังนั้นต้องรับให้ได้”

 

านสายใยรักความอบอุ่นของครอบครัวในอย่างลงตัวไร้รอยตำหนิ

คุณนิ้นสลิลาทิพย์ ทิพยไกรศร รองนางสาวไทยอันดับ 1 ประจำปี 2549 อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ และอดีตผู้ประกาศสาวสถานีโทรทัศน์ช่อง TNN24 ภรรยาคนเก่ง ...เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 55

เธอมีดีกรีระดับด็อกเตอร์ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาเอง คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโท เกียรตินิยมเหรียญทอง คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นนักศึกษาโครงการเรียนดีในระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยคณบดีฝ่ายแผนงานและประกันคุณภาพหลักสูตร ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมโลจิสติกส์ คณะการจัดการโลจิสติกส์และคมนาคมขนสงและสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

โปรไฟล์การทำงานมากมาย แต่ยังมีใจจิตอาสาในการริเริ่มโครงการส่งรักปันสุขให้กับตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้เสียสละที่ปลายด้ามขวานแทนคำขอบคุณจากคนแนวหลังที่มองเห็นคุณค่าความสำคัญของพวกเขา

มีนายตำรวจหนุ่มผู้กุมหัวใจของเธอช่วยเป็นแรงผลักดันเคียงข้างกัน

ทั้งคู่พบรักกันเมื่อครั้งฝ่ายชายเป็นสารวัตรประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ติดตามผลงานเธอจากจอแก้วสมัยยังเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง TNN24 เป็นเหตุให้เตะตาอยากทำความรู้จัก กระทั่งมีโอกาสได้มาเจอกัน หลังจากมีกลุ่มนักข่าวแนะนำ

ทุกคนการันตีว่าพี่เขาเป็นคนดี คุณนิ้นเล่าจุดเริ่มต้นของความรัก ฝากมาบอกด้วยว่า ถ้าไม่คิดจริงจังกับผู้ชายคนนี้ อย่ามายุ่งเลย ทำให้นิ้นรู้สึกว่า โอ้โหขนาดนั้นเชียวหรือ แสดงว่า ผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา พี่นักข่าวที่ทำงานร่วมกันต้องออกมาพูดขนาดนี้ 

เธอยอมรับว่า ปกติไม่ชอบตำรวจ แต่พอได้มาคุยกับเขา เห็นเขาเป็นคนใส่ใจ เราทำงานเยอะ เวลาเจอคนอื่นมักจะถามแต่เรื่องงาน เรื่องเศรษฐกิจ เรารู้สึกว่า ทำงานเหนื่อยแล้ว แต่สำหรับเขาจะใส่ใจรายละเอียด ดูแล เอาใจ เหมือนเติมเต็มส่วนที่เราขาด คุยกันได้ อาจเพราะครอบครัวเราคล้ายกัน พื้นฐานมาจากความอบอุ่น เป้าหมายในชีวิตเราก็คือ อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น น่าจะเข้ากันได้

จีบกันแค่ 3 เดือน รู้สึกว่า คนนี้แหละใช่ คนที่จะเป็นคู่ครองด้วย ใช้เวลา 3 ปีก็แต่งงานกัน  ตอนแต่งงานเคยบอกเขาว่า ถ้าชีวิตนี้นิ้นไม่ได้แต่งงานกับพี่เขา นิ้นคงไม่แต่งงาน พูดแบบนั้นเลย เพราะรู้สึกว่า โอ้โห มันแบบใช่หมดเลย แล้วถ้ามันมีเหตุที่จะไม่ได้แต่งกัน มันคงไม่มีคนที่ใช่กว่านี้แล้ว 

เธอและเขาสร้างนิยายรักด้วยการลงไปในสมรภูมิร้อน 3 จังหวัดภาคใต้ตั้งแต่ยังคบหาเป็นแฟนกัน เริ่มต้นจากอีเมล์ฉบับเดียวที่ต้องให้ส่งกำลังใจไปถึงตำรวจทหารในพื้นที่ คุณนิ้นบอกว่า ก่อนหน้าไม่ชอบตำรวจ พอมารู้จักเขา เป็นคนเปลี่ยนมุมมองเรา ในการมองชีวิตตำรวจ สัมผัสได้ถึงอาชีพที่เสียสละในการทำงานเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับ ถึงรู้สึกดีกับตำรวจ ยิ่งได้เห็นสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ เราเป็นผู้ประกาศข่าว เราอ่านข่าวความสูญเสีย เศร้ามากทุกครั้ง รู้สึกแย่ คิดว่า อ่านข่าวจบแล้ว ชีวิตคนจะจบแค่นั้นหรือ

อดีตผู้ประกาศข่าวช่องดังถึงเริ่มโครงการส่งรักปันสุข มีนายตำรวจหนุ่มเป็นที่ปรึกษา เธอเล่าว่า ตอนแรกอยากหาเงินบริจาคผ่านมูลนิธิ แต่คนที่บริจาคร่วมกับเรามักจะมีคำถามตามมาว่า จะไปถึงหรือไม่ สุดท้ายจบตรงที่ถ้าให้ร้อยบาท ให้ไปถึงร้อยบาท เราอยากเอาไปให้เอง เราอยากไปเห็น อยากขอบคุณ ทว่าตอนแรกแฟนไม่ให้ไป เพราะกลัวอันตราย คุยไปคุยมาคิดว่า ถ้าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น ไปด้วยกันเลยดีกว่า

โครงการส่งรักปันสุขของทั้งคู่ทำกันมาต่อเนื่อง 6 ปีแล้ว ด้วยการรวบรวมเงินลงไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารในพื้นที่ แม้จะมียอดไม่มาก แต่ถือเป็นการขอบคุณส่งต่อกำลังใจให้พวกเขา มีระยะหลังเท่านั้นที่ใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีแทน เนื่องจากติดกระบวนการที่เอาเงินไปส่งมอบให้ถึงปลายทางที่ต้องเผชิญความเสี่ยง ต้องประสานงานหลายหน่วย

หลังแต่งงานมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน คุณนิ้นมีความรู้สึกว่า สำหรับผู้หญิงเปลี่ยนไปในการมองชีวิต วิธีการดูแลครอบครัวไปในแนวทางเดียวกัน เดิมที่วางแผนการทำงานหลายอย่างเยอะมาก แต่ต้องเลือกแขวนงาน จะได้ว่า วันที่แต่งงานเคยบอกสามี วันหนึ่งข้างหน้า ถ้ามีลูก เราจะเป็นคนเสียสละวางงานเองเพื่อเลี้ยงลูก เพราะงานราชการของสามีวางไม่ได้

 ในวันนี้ นิ้นทำตามเป้าหมายตัวเองจนครบหมดแล้ว มีลูกก็อยากดูแลลูกเอง พอลูกเริ่มโตก็ต้องให้เวลาเยอะขึ้นมาก ส่วนสามีมีการเปลี่ยนแปลงตามวิถีของงาน สมัยก่อนจะมีปัจจัยมากระทบน้อย แต่พอตำแหน่งสูงขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น งานก็เครียดตามมา บางทีนิ้นต้องเตือน ไม่ใช่อยู่หลังบ้านแล้วดันอย่างเดียว เพราะนิ้นคือ คนที่รักเขาที่สุด แบบไม่ต้องสงสัย จริงใจที่สุด อยากเห็นเขาดีที่สุด เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่นิ้นตัดสินใจเตือน แปลว่า นั่นคือ ซีเรียสแล้ว คุณนิ้นว่า

ภรรยาสาวคนเก่งนายตำรวจคนขยันถ่ายทอดอีกว่า ด้วยเราเป็นครู เราจะมีจิตวิทยาในการบอกสามีว่าอะไรที่ต้องปรับ โชคดีที่เขาเป็นคนฟังเรา เรื่องนี้ต้องประคับประคองกันไป คงไม่มีอะไรที่ราบรื่น ถึงกระนั้นปัญหาครอบครัวไม่ค่อยมี เช่น เรื่องเวลา คือ ไม่ได้มีให้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ตอนแรกที่เป็นแฟนกันมีปัญหาเหมือนผู้หญิงทั่วไป ยิ่งไม่เคยคบกับตำรวจ มักไม่ค่อยเข้าใจ จนพ่อเราต้องเรียกไปคุย

พ่อสอนว่า จะมาแบบงี่เง่าจะมาแบบเรียกร้องอะไรแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าก่อนที่จะมาเจอ เขาเป็นตำรวจแล้ว รับเงื่อนไขนั้นไปแล้ว เขาไม่ได้เพิ่งมาเป็นตำรวจ เขาเป็นตำรวจมาตั้งแต่ต้น เมื่อตัดสินใจเป็นแฟนกับเขา ดังนั้นต้องรับให้ได้ ต้องเข้าใจ โทษเขาไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง

ตั้งแต่นั้นมา คุณนิ้นเข้าใจชัดว่า ไม่ใช่เงื่อนไขที่เราจะไปขอจากเขา เพราะนี่คือ ธรรมชาติของอาชีพตำรวจ เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดตอนเป็นแฟนกัน ไปถึงแล้ววางกระเป๋าก็ต้องกลับ บางทีไปดินเนอร์กัน กินข้าว อาหารเพิ่งวาง ต้องลุกแล้ว  แรกๆ เขาก็รู้สึกอึดอัดว่า ไม่มีเวลา บริหารเวลาไม่ได้ เราต้องบอกว่า ไม่เป็นไร เราก็นั่งกินไป เราอยากมากินข้าว เถ้าเขากลับมาทันก็ทัน ถ้าไม่ทันเราก็กลับบ้าน  ไม่ได้มีความน้อยใจ

“นิ้นว่า ต่างคนต่างพยายามที่จะลดความต้องการของตัวเองเพื่ออีกคน ปัญหาจะน้อยมาก เป็นการประคองชีวิตครอบครัว  นิ้นไม่รู้นะว่า วันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้นิ้นคิดว่า นิ้นเชื่อในตัวเขาตั้งแต่ต้นที่แต่งงานกันเลยว่า เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว นิ้นไม่ได้อยากขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เวลาที่มันมีความคิดเห็นอะไรที่มันต้องตัดสินใจในชีวิต อย่างทุกครั้งที่เขาจะต้องตัดสินใจเรื่องงานในชีวิตตัวเอง เขาจะแชร์ความรู้สึก ให้เกียรตินิ้น แต่นิ้นจะไม่ยุ่งเรื่องงาน คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจอยู่เบื้องหลังดีกว่า”

เธอยังรับว่า ธรรมชาติของผู้หญิง บางทีอยากได้เวลา อยากให้มากินข้าวด้วยกันบ้าง เขาก็คิดแทนว่าเราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งถึงพยายามหาเวลาว่าง สำหรับผู้หญิง ส่วนตัวเรามองเหมือนกันว่า อย่าไปเก็บรายละเอียด อยากให้มองปลายทาง  สุดท้ายเราต้องแก่ไปด้วยกันอยู่ดี อยู่สองคนแบบปู่ย่าตายาย ดังนั้น ระหว่างทาง เราจะทะเลาะกันไป หรือเราจะเดินกันไป ชมนก ชมไม้ เพราะสุดท้ายมันปลายทางเดียวกัน เราต้องเลือกกันเองจะทะเลาะกันไปทำไม ในเมื่อจะต้องแก่ไปด้วยกันอยู่ดี ครอบครัวเราถึงไม่กดดันกัน อยู่กันสบายๆ เป็นครอบครัวที่สามีพูดก่อนแต่งงานเลยว่า เป็นสิ่งที่เขาอยากได้

ทั้งสองมีพยานรักคนเดียว คือ น้องฟลิ้น-ณธรรม วงษ์กุหลาบ ที่ผู้เป็นแม่ตั้งชื่อให้เอง แปลว่า ผู้มีธรรมในทุกขณะจิต หวังในอนาคตทุกครั้งที่ลูกชายพูดชื่อตัวเอง เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองให้มีธรรมะนำทางชีวิต อย่างไรก็ตาม แม่บ้านสาวผู้กำกับกองปราบเล่าด้วยว่า สามีเป็นคนมีจิตวิทยาดีบอกเสมอว่า ผู้ชายชอบหนีความเจ็บปวดไปวิ่งหาความสุข ความสบายด้วยกันทุกคน บ้านก็เช่นกัน ครอบครัวก็เช่นกัน แค่ทำบ้านให้มีความสุข กลับมาแล้วมีเสียงหัวเราะ ทำให้เย็น แบบนี้ใครก็อยากกลับ ถ้าเมื่อใดทำให้บ้านเริ่มร้อน กลับมาแล้วไม่ผ่อนคลาย คงไม่มีใครอยากกลับมา

เจ้าตัวทิ้งท้ายว่า  คนที่สำคัญที่สุดคือ ผู้หญิง การทำบ้านให้ครอบครัวอบอุ่น หรือไม่อบอุ่น ผู้หญิงมีส่วนสำคัญเหมือนกัน แต่ผู้ชายต้องคิดแทนกัน  ไม่ใช่ผู้หญิงทำบ้านเย็น ผู้ชายไม่อยู่ในร่องในรอย เพราะครอบครัวคือ ความรับผิดชอบด้วยกันทั้งคู่

 

 

 

 

RELATED ARTICLES