ก้าวที่  35 น้ำป่าวังตะไคร้

ปิดฉากอิสรภาพของนายพลตำรวจมือปราบชื่อก้อง แต่การสะสางคดีดังที่เกี่ยวพันกับเพชรซาอุดีอาระเบียยังไม่จบ เมื่อพลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ อธิบดีกรมตำรวจ มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พลตำรวจโทประชา พรหมนอก ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจตรีวรรณรัตน์ คชรักษ์ ผู้บังคับการปราบปราม เป็นหัวหน้าคณะทำงานติดตามการหายไปของราชสมบัติเจ้าชายไฟซาลที่กระจัดกระจายอยู่ในมือพ่อค้าเพชร หรือแม้กระทั่งข้าราชการระดับสูง

พวกเขาตั้งศูนย์ติดตามเพชรซาอุดีอาระเบีย ภายใต้ชื่อย่อ ศตพ. อยู่อาคารเล็ก ๆ หน้าเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ที่สำหรับคุมขังนักโทษการเมืองมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล หลังโรงเรียนตำรวจนครบาล พื้นที่ตรงนั้นต่อมากลายเป็นอาคารกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสนามบุณยะจินดาที่เหลือแค่ภาพทรงจำอันเลือนรางอยู่กับผู้ที่เคยสัมผัสบรรยากาศตอนนั้น

ศูนย์ติดตามเพชรระดมมือสืบสวนสอบสวนระดับพระกาฬอันมีผลต่อเนื่องมาจากคดีฆาตกรรมแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ อาทิ พันตำรวจเอกจุมพล มั่นหมาย รองผู้บังคับการปราบปราม พันตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บังคับการปราบปราม พันตำรวจเอกประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจโทเมธี กุศลสร้าง รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจโทวีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจโทสุชาติ ธีระสวัสดิ์ สารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม และพันตำรวจตรีทวี สอดส่อง สารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม

ประกอบร่างทีมสอบมือดีของนครบาลอย่าง พันตำรวจเอกจักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ พันตำรวจเอกนุกูล โสมทัต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ พันตำรวจโทประดิษฐ์ มะกรูดทอง รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท พันตำรวจโทอำนวย นิ่มมะโน รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง พันตำรวจโทยงยุทธ โสมขันเงิน สารวัตรหัวหน้างาน สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน พันตำรวจโทณษ เศวตเลข สารวัตรหัวหน้างานสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ร้อยตำรวจเอกสมพร แดงดี สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน

ผมทิ้งกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาอยู่โยงยาวเฝ้าข่าวที่ศูนย์ติดตามเพชร ตกเย็นจะเป็นโต้โผร่วมชัยวุฒิ มั่นสิงห์ พี่นักข่าวเดอะชั่น รวมทีมนักข่าวรุ่นยึดสนามหญ้าหน้าศูนย์ภายหลังนายตำรวจใหญ่กลับหมดแล้วเป็นที่ประลองแข้งเรียกเหงื่อกันอย่างเมามันสนุกสนานก่อนแยกย้ายกลับรัง

ถึงกระนั้น พิษของคดีแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์นอกจากทำวงการสีกากีสั่นสะเทือนแล้วยังอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่คู่นักข่าวหัวเห็ดของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อกิตติพงศ์ นโรปการณ์ นักข่าวประจำกองบังคับการปราบปราม และกิจจา ทองเกลา นักข่าวประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดนคำสั่งย้ายฟ้าผ่าไปลงประจำรถตระเวนข่าวอาชญากรรมอีกครั้ง

เจ้าตัวยอมรับสภาพและรู้เหตุผลเป็นอย่างดี

มันยิ่งตอกย้ำสอนให้ผมรู้ถึงชะตากรรมสุนัขล่าเนื้อว่าเป็นอย่างไร และจำเป็นต้องพึงสังวรตัวเองอยู่เสมอ ถึงจะเป็นนกปีกแข็งขนาดไหน ถ้าวันใดเผชิญมรสุมก็ย่อมมีวันร่วงลงมากลางอากาศ จะเจ็บมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชั่วโมงบินของแต่ละตัว

การเปลี่ยนแปลงในแผนกอาชญากรรมบนอาณาจักรใหญ่ของหนังสือพิมพ์ริมถนนวิภาวดีรังสิต ส่งศิโรจน์ มิ่งขวัญ นักข่าวตระเวนที่ฟักตัวมาจากหนังสือพิมพ์บ้านเมืองก่อนหน้าไปทำหน้าที่แทนกิตติพงศ์ นโรปการณ์ ขณะที่ สมมาส บรรพต หนุ่มหล่อมาดคมอดีตนักข่าวค่ายสีบานเย็นเปลี่ยนสีเสื้อมาสร้างชื่อในสำนักข่าวหัวเขียวไปประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาลแทน

บ่อยครั้งผมเลยมักย้ายนิวาสสถานร่ำสุราไปสุมหัวอยู่กับขุนทัพข่าวผู้ปราชัยในสนามประลองยุทธ์ทั้งสองที่บ้านซอยเสือใหญ่อุทิศของกิจจา ทองเกลา ผู้อาวุโสสูงสุด ไม่ก็ร้านอาหารอีสานขาประจำเส้นลาดพร้าววังหินเก็บเกี่ยวเรื่องราวสารพัดบนสมรภูมิหมึกพิมพ์ของทั้งคู่

“มันไม่แฟร์” พิสันต์ ใจการุณ โผงขึ้นกลางวงของเย็นวันหนึ่ง

“ไม่เป็นไรพิสันต์” กิตติพงศ์เข้าใจความรู้สึกรุ่นน้องเป็นอย่างดี “กูต้องขอบคุณมึงที่อุตสาห์ลาพักร้อนมาช่วยงานกู”

“น้าเก๋ อย่าพูดแบบนั้น ผมเต็มที่อยู่แล้วครับ”

“นี่แหละคือพี่น้อง พวกเราทำงานกันเป็นทีม” กิจจาสอดรับยกแก้วชน มีฑีฆาวุฒิ วัดบุญเลี้ยง สุรชัย นิโครธานนท์ พยักหน้าเห็นด้วย

ผมฟังแล้วมองว่า ทีมข่าวอาชญากรรมไทยรัฐเกรียงไกรมาแต่ไหนแต่ไรนับตั้งแต่ที่ผมเข้าสัมผัสตอนได้ฝึกงานอยู่ช่วงสั้นๆ แค่ 2 เดือน ยังจำแม่นวันสุดท้ายของชีวิตเด็กฝึกงานที่รถตระเวนของเราตกภาพจี้ตัวประกันในท้องที่หัวหมาก เนื่องจากประทีป สุวรรณพืช รุ่นพี่ผู้เป็นอาจารย์ฝึกงานติดภารกิจเยี่ยมไข้แฟนสาวอยู่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

สวัสดิ์ ปั้นยศ และคู่เวรสายเขตอื่นพร้อมใจออกกวดไปล่วงหน้าแทนก่อน แต่สุดท้ายไม่ทัน

เวลานั้นทำให้ผมรู้ว่า ความเป็นเพื่อนสร้างความปึกแผ่นในทีมงานข่าวอาชญากรรมหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจนหลายฉบับเกรงกลัว

“ถ้าไม่จำเป็นกูจะไม่ขอข่าวใคร ตกก็ตก เพื่อที่ใครจะได้ไม่ต้องมาขอข่าวกู” เจ้าของรังนกกระจอกซอยเสือใหญ่อุทิศลั่นอุดมการณ์ชัดเจน

ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะเราต่างสะบักสะบอมเป็นแผลเหวอะวะมาด้วยกัน

ผ่านพ้นคืนวันดั่งนกเจ็บตั้งวงโลมเลียแผลถอนพิษด้วยฤทธิ์สุรา รุ่งขึ้นตรงกับวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2537 ปกติต้องเข้าเวรประจำกองบรรณาธิการคอยสดับตรับฟังข่าวเหตุการณ์อยู่ข้างใน แต่เป็นจังหวะติดพันจากคดีสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์กับการติดตามเพชรซาอุดีอาระเบียที่ยังเก็บกวาดไม่หมด ผมถือโอกาสไม่เข้าโรงพิมพ์มุ่งหน้ากองบังคับการปราบปรามแทน

“อ้าว ไม่หยุดหรือ” ผมถามธีระยุทธ แสงสุวรรณ เพื่อนนักข่าวสำนักเดียวกันที่ประจำดินแดนสโลแกนที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน

“เบื่อ” เพื่อนตอบแล้วอัดบุหรี่ “ไม่รู้จะทำอะไรเลยมานี่ดีกว่า”

อากาศวันนั้นขมุกขมัวตั้งแต่เช้า เมฆดำกลืนดวงอาทิตย์ทำฟ้าหม่น ก่อนพายุฝนเทลงมาอย่างหนักช่วงที่พวกกระจอกข่าวขาประจำและขาจรกำลังจะหาอาหารมื้อเที่ยงลงสู่กระเพาะ หลายชีวิตบ่นเซ็งฟ้าฝนทำพื้นเฉอะแฉะออกไปไหนไม่ได้ ส่วนแหล่งข่าวตำรวจใหญ่น้อยพลอยหายหน้าราวกับว่า เข้าไปอยู่ในกลีบเมฆ

บ่ายสอง ห่าฝนเริ่มซาเม็ด เสียงวิทยุข่ายพระนครของมูลนิธิร่วมกตัญญูแจ้งเหตุลั่นกลบละอองน้ำจากฟากฟ้าที่เริ่มโรยรา “พระนครเรียก น.สื่อมวลชน ขณะนี้เกิดเหตุน้ำป่าพัดพานักท่องเที่ยวสูญหายจำนวนมากบริเวณอุทยานวังตะไคร้ จังหวัดนครนายก น.สื่อมวลชนใดต้องการ ว.8 ว.25 ได้เวลานี้”

เสียงขานรับของสื่อหลายสำนักดังเป็นระลอก ผมเดินเหมือนหนูติดจั่นอยู่โถงหน้าห้องผู้บังคับการกองปราบปราม มองป้ายชื่อตรงประตูห้องถัดไป พันตำรวจโทเมธี กุศลสร้าง คิดในใจนี่หรือที่สื่อเขาเรียกว่านักสืบสองหน้า ภาพของพันตำรวจตรีทวี สอดส่อง สารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 ที่เดินวนเวียนเข้าออกสำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม ตามคำบอกเล่าของกิตติพงศ์ นโรปการณ์ ฟุ้งอยู่ในสมอง

นายตำรวจคนดังทั้งคู่กลายเป็นเครื่องหมายเควสเช่นมาร์กที่ทำหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐประสบความพ่ายแพ้หนังสือพิมพ์ข่าวสดในคดีศรีธนะขัณฑ์อย่างนั้นหรือ

“โต้ง ไปหรือเปล่า” ยุทธมาสะกิด

“ไปไหน” ผมถาม

“วังตะไคร้”

“เฮ้ย มันนอกพื้นที่เรานะ ให้นักข่าวต่างจังหวัดทำดีกว่าไหม”

“เขาพบศพเป็นสิบ หายอีกเป็นเบือเลยนะ” หนุ่มชุมพรย้ำสถานการณ์

ลังเลอยู่พัก มูลนิธิร่วมกตัญญูรายงานความตึงเครียดถี่ยิบเหมือนจงใจราดน้ำมันลงบนกองไฟทำงานข่าวของผมลุกโชน “โอเค เอารถผมไป”

ผมและคู่หูในสังกัดขึ้นรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู 2002 มรดกตกทอดของบิดา เคลื่อนล้อออกจากกองบังคับการปราบปราม ไม่ผิดฉลามกำลังหิวกระหายล่าเหยื่อ

“เฮ้ย ไปไหนกัน” มีคนตะโกนทัก

“วังตะไคร้” ผมตอบไล่หลังแข่งเสียงเอี๊ยดของยางที่บดถนนลานหน้ากอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของคำถามเป็นใคร และจะได้ยินหรือเปล่า

“คลองเตย 33 คลองเตย 36 ว.25 ที่เกิดเหตุวังตะไคร้” ผมแจ้งวิทยุบ่งบอกที่หมายเป็นนัยจะให้ต้นสังกัดสยามโพสต์รู้ด้วยว่า พวกผมกำลังทำหน้าที่คนข่าวเต็มร่างก่อนสวมวิญญาณตีนผีตีรถแข่งคู่มากับรถมูลนิธิที่ระดมทีมกันลงไปช่วยเหลือตั้งแต่ออกถนนรังสิต-นครนายก

ครั้งนั้น ยอมรับเลยว่า ซิ่งรถเร็วราวพายุที่สุดในชีวิต ไม่คิดว่า จะเกิดอะไรตรงหน้าขอแค่ไปถึงที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ยุทธนั่งตัวเกร็งทุกคราระหว่างรถเบียดแซงแข่งกับรถมูลนิธิ ถนนรังสิต-นครนายก ยังเป็นแค่ 2 เลน มีรถวิ่งสวนมาเป็นระยะ การห้อตะบึงเก๋งตระกูลนาซีอย่างบ้าคลั่งเกือบทำผมและเพื่อนไปไม่ถึงจุดหมาย

“โต้ง ระวัง” ยุทธพูดครั้งแรกเมื่อเข้าเขตองครักษ์ เท้าของเขาเกร็งแสดงให้เห็นปฏิกิริยาร่วมจะช่วยเหยียบเบรก ผมอัดคู่มากับรถมูลนิธิคันเดิมที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันถึงสะพานข้ามคลองสิบสาม ก่อนตัดสินใจเบรกตัวโก่ง เพราะรถพุ่งเข้าหาราวสะพาน ล้อหลังสะบัดเสียหลัก ยางส่งสัญญาณกังวานลั่นกับพื้นถนน

บุญของผมหรือเปล่าไม่รู้ที่รถไม่ปัดเหมือนคราวข้ามสะพานกษัตริย์ศึกเมื่อหลายปีก่อน พอทรงตัวประคองรถเข้าลู่ ผมยังระห่ำคันเร่งทะยานเร็วขึ้น ระยะทางจากกองบังคับการปราบปรามถึงอุทยานวังตะไคร้ผมใช้เวลาแค่ 30 นาที

ให้ขับอีกหลายทีเชื่อว่าคงไม่มีทางทำเวลาได้เร็วขนาดนี้

ฝนที่นั่นยังไม่ขาดเม็ด ผมจอดรถเดินลงไปกับยุทธในสภาพเปียกชุ่มหัว ความโกลาหลวุ่นวายคลายบ้างแล้ว อุทยานปิดไม่ให้ใครเข้า ต้องเดินเกร่ไปเกร่มา ประสบการณ์จากเหตุเพลิงนรกโรงงานตุ๊กตาเคเดอร์สอนให้ผมไม่ตื่นตระหนก และค่อย ๆ ตั้งสติเก็บรวบรวมเหตุการณ์ บรรยากาศให้มากที่สุด

“เขาว่าน้ำป่ามา” ชาวบ้านสั่นระริก “คนกำลังเล่นน้ำถูกพัดกระจายหายเกลี้ยง” สีสันเริ่มผุด ผมละเมียดปลายปากกายิก

ฟ้ามืดอุณหภูมิยะเยือกเกาะคลุมอาณาจักรเชื้อพระวงศ์เก่า

อุทยานวังตะไคร้เป็นที่ใคร ๆ ก็อยากมาเที่ยว เพราะไม่ห่างไกลเมืองหลวง มันร่มรื่นและชุ่มช่ำในเวลาเดียวกัน แถมใครมาเหยียบแล้วยังสามารถเคลื่อนขบวนไปสัมผัสน้ำตกสาริกา และน้ำตกนางรอง เสน่ห์ของขุนเขาเมืองนครนายก

เสียงฉิ่งฉับบนรถทัวร์ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจากเหล่าหนุ่มสาว ผมย้อนกลับมาวาดภาพเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่วัยเด็กที่ติดสอยห้อยตามยายและน้าสาวมาเที่ยววังตะไคร้ สาริกา และนางรอง ควันไก่ย่างข้างทางเตะจมูก แต่พอแหงนดูระยะทางบนยอดสูงสุดของสาริกาแล้วบางคนถอดใจ

“เอ็งจะขึ้นไปก็เดินขึ้นไปกับน้าโน่น ยายไม่ไหวหัวเข่าไม่ดี”

“ไม่เอา ไม่เอา อยากให้ยายไปด้วย”

“ยายไม่ไหว ยายนั่งคอยอยู่ข้างล่างนี่แหละ”

ออดอ้อนยายรักนานสองนานไม่ได้ผล ความเกเรวัยเด็กทำเอาทั้งหมดอดยลความงามบนยอดชั้นสูงบนสาริกาแล้วหันมานั่งตั้งวงเปิบไก่ย่างข้าวเหนียวแทน ผิดกับการไปเที่ยวดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ที่ผมเล่นจ้ำอ้าวนำน้าสาวและยายขึ้นไปบันไดเพียงลำพังชนิดพวกเขาตามจับกันไม่ทัน

“คนเล่นน้ำเยอะไหมครับ” ผมซัก

“เป็นร้อยแหละคุณ วันหยุดนะ”

“น้ำแรงมากไหม”

นักท่องเที่ยวผู้เผชิญนาทีขวัญผวาว่า แรงมาก ไม่มีใครรู้มาก่อน ตอนแรกน้ำใสไหลกำลังพอดีแล้วก็เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายดินโคลน ไม่นานก็เปิดฉากซัดมาตูมเดียวพัดคนไหลไปไกล โขดหินขนาดใหญ่ยังต้านแรงน้ำไม่อยู่พัดตามลงมาด้วย

“ผมว่าคนที่ตายส่วนใหญ่น่าจะกระแทกโขดหินมากกว่าจมน้ำนะ” เขาแสดงความเห็น

เจ้าตัวชี้นิ้วไปตรงยอดเขาต้นธารของน้ำป่าที่มาอย่างบ้าคลั่งกลืนนักท่องเที่ยวจมไปกับกระแสน้ำ หลายคนตะเกียกตะกายกระเสือกกระสนเอาตัวรอด ทว่าไม่น้อยหมดเรี่ยวแรงหายไปกับความเหี้ยมเกรียมของน้ำป่า

ด้านสายตรวจประจำอุทยานอ้างว่า แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้ขึ้นจากน้ำแล้วเพราะเห็นปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี บางคนไม่ยอมฟังยังคนเล่นน้ำกันอยากสนุกสนาน เพียงแค่ 20 นาที น้ำป่าของมาถึง กระแสแรงมาจากน้ำตกแม่ปล้องบนเขาฟ้าผ่าที่อยู่ห่างประมาณ 100 กิโลเมตร สาเหตุที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีผลสืบเนื่องมาจากฝนตกหนักติดต่อกันมา 3 วันทำให้น้ำฝนขังอยู่ตามบนเขาที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่จนดินบนเขาไม่สามารถรับน้ำหนักของน้ำที่เพิ่มขึ้นได้เป็นเหตุให้ดินบนเขาพังทลายลงมา น้ำจึงไหลลงสู่น้ำตกวังตะไคร้อย่างรวดเร็ว

ยอดเสียชีวิตที่พบเย็นวันนั้นมีถึง 23 ศพสูญหายอีกไม่ทราบจำนวน และบาดเจ็บอีกไม่น้อย

“ผมโต้งครับพี่ ผมอยู่วังตะไคร้ส่งข่าวหน่อยครับ” ทันทีที่หายโทรศัพท์จากร้านขายของชำแถวนั้นได้ ผมรีบโทรเข้าโรงพิมพ์ไม่รีรอ

“อ้าว เอ็งไปหรือ” ปลายทางถาม

“ครับพี่ มีใครส่งข่าวหรือยัง”

“ยังเลยว่ะ” เสียงเหมือนรีไรเตอร์ดีใจ “รีบเลยโว้ย มาเลย”

สาริกา นางรอง กลับมาเอียงมองวังตะไคร้ โหดร้ายทารุณน่ากลัว

 

RELATED ARTICLES