“พอเราออกมา เราอยากเขียนข่าวเก่ง”

 

 

นักข่าวสาวดาวรุ่งที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของค่าย เวิร์คพอยท์ช่อง 23”

“เบตตี้” จุฑามาศ ศิริธนาทรัพย์ ชาวกรุงเทพมหานคร วัยเด็กเรียนพระแม่ฟาติมา ก่อนโยกไปอยู่โรงเรียนวัดจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพราะต้องไปอยู่กับยาย เป็นจุดเริ่มต้นให้ต้องทำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง ด้วยความเป็นเด็กเมืองกรุง หน้าตาผิวพรรณดีต้องไปใช้ชีวิตอยู่บ้านนอก

เธอถูกฝึกฝนการพูดเริ่มสวมบทมัคคุเทศก์ตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถมศึกษา จากนั้นขึ้นมัธยมโรงเรียนวินิตศึกษาในพระราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดลพบุรี มาต่อมัธยมปลายโรงเรียนสตรีนนทบุรีแล้วเข้าศึกษาต่อคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินตามหาความฝันที่อยากเป็นพิธีกรอยู่หน้าจอโทรทัศน์

“อาจเพราะได้ฝึกมาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นว่า อยากทำแบบนี้ พอได้เรียนมหาวิทยาลัยถูกเรียกอบรมผู้ประกาศข่าวที่ อสมท. ตามโครงการ เอ็มคอตอะคาเดมี่ ได้เจอผู้ประกาศเก่ง ๆ เต็มไปหมด ทว่าจะคำสมประมาท เพราะใส่ชุดนักศึกษา มองว่า มีแต่คนสวยทั้งนั้นแล้วเราจะได้หรือ”

เบตตี้เล่าว่า ไปนั่งทดลองอ่านกับผู้ประกาศข่าว อ่านเป็นคำด้วย ยังไม่ได้เป็นบทความ อ่านแค่ลองผันวรรณยุกต์ ปรากฏว่า ได้หมด จนเขาให้หยุดก่อนกลางคัน ถามว่า มาเป็นพิธีกรไหม ทั้งที่เรายังเป็นนักศึกษาธรรมดา อยู่ดี ๆ เขาก็ลุกขึ้นพูดกับคนในห้องประชุมว่า ตั้งแต่ฟังมาทั้งหมด ทั้งเช้า ทั้งบ่าย บอกเราอ่าน ให้ความหมายคำทุกคำ ให้น้ำหนัก ให้เสียงถูกทุกคำ ทำให้รู้สึกว่า คนที่สบประมาทเรา เงียบไปเลย สุดท้ายเดินออกมายอมรับเราเก่ง แต่เราก็ไหว้ทุกคน ท่ามกลางเสียงแซวกันไม่อยากให้มาสมัครงานที่นี่เดี๋ยวมีคนตกงานกันหมด

ผ่านการอบรมผู้ประกาศข่าวกลับเข้าไปเรียนต่อชั้นปีที่ 4 มีโครงการของมหาวิทยาลัยกรุงเทพทำบันทึกข้อตกลงกับช่องวัน 31 เป็นโครงการ “ซียูคัมวัน 31”  ออดิชั่นเข้าไปเข้าค่าย  “จำได้ว่า ระยะเวลากระชั้นชิดมาก ด้วยความที่เราเป็นเด็กเรียน ตอนแรกจะไม่เอา ยังไงก็จะไม่สมัคร เพราะมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีระบบการเรียนแบบใหม่ คือ ไอควิซ การเรียนด้วยตัวเอง ไม่ต้องเรียนในห้องเรียน ทำโปรเจ็กต์มา

ทำโปรเจ็กต์นานถึงตีสอง ปรากฏไม่มีชื่อในใบสมัคร อาจารย์โทรมาตามให้ส่ง แต่ระหว่างนั้นทำละครลอดลายมังกร อาศัยประสบการณ์เกี่ยวกับละครเวทีที่หล่อหลอมในตัวส่งไปออดิชั่นผ่านเข้ารอบ 30 คน ต้องมาแยกสายแล้ว มีละคร มีข่าว สุดท้ายเธอเลือกข่าว เหตุผลเพราะฝึกมากับเอ็มคอตอะคาเดมี่ สัมผัสงานข่าวแล้วไม่รู้จักกับสายไหนอื่น แม้จะเรียนศิลปะการแสดงหลายคนคิดว่าคงไปงานบันเทิงมากกว่า

เปิดจอนำเสนองานครั้งแรก บอย- ถกลเกียรติ วีรวรรณ คุมงานด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ผลปรากฏว่าผ่าน 5 คน อยู่ในข่าวจนจบโครงการตามบันทึกข้อตกลง ก่อนเข้าสมัครงานเวิร์คพอยท์ ไม่ได้ทำเลือกช่องวัน เพราะสองจิตสองใช้ว่าจะช่วยงานครอบครัวดีหรือไม่

อยู่เวิร์คพอยท์ช่วงแรกทำโต๊ะส่วนกลาง ตอนหลังแยกเป็นโต๊ะอาชญากรรมมีเปิดหน้าบ้าง เป็นโปรโมตรายการข่าวบ้าง “ประสบการณ์หลายๆ อย่าง เอามาประยุกต์ใช้ร่วมกันในการอยู่หน้าจอ ตามทฤษฎีเรามีที่จากการศึกษาด้วยตัวเอง แล้วก็เรียนจากหนังสือ ผ่านการแสดงอยู่หน้าจอ ต้องทำยังไง รวมๆ กัน รู้สึกสนุก ชอบมาก คือตอนที่เข้าไปใหม่ๆ อยากไปเป็นโคโปรดิวเซอร์  ด้วยความที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสายงานนี้ ตื่นเต้นไปหมด แล้วกลายเป็นว่า พอเราออกมา เราอยากเขียนข่าวเก่ง” เบตตี้ว่า

“ข่าวทุกข่าวที่เขียน ตอนที่อยู่แรกๆ ส่งเข้าอีเมลตัวเองทุกข่าว เวลาผู้ประกาศโทรมาแล้ว เราจะถือบทของเราไปให้เขา บอกให้พี่เขาช่วยดูหน่อยว่าอันนี้เป็นยังไงบ้าง ผู้ประกาศหลายๆ คนจะเดินเข้ามาชม บอกว่าข่าวไหนที่ขึ้นชื่อว่าเบตตี้ อ่านแล้วจะรู้เลยว่า เป็นข่าวน้อง เพราะว่า คำผิดจะน้อยมาก และด้วยการเรียบเรียง เราถึงจะเก็บเป็นผลงานของเรา” 

ทำงานภาคสนามจนบางเวลาได้ไปนั่งเป็นผู้ประกาศข่าว เธอยังรู้สึกกังวลว่าจะมีคนเกลียดไหม เพราะคำชมของคนรอบข้างว่า หน้าตาดี บุคลิกดี ส่วนตัวรู้สึกว่า ยังไม่พอ อยากเขียนข่าวให้ดีก่อน พอกลับลงสนามต้องทำเองไม่มีพี่เลี้ยง ต่างจากสมัยก่อนมีรุ่นพี่คอยแนะนำ ต้องมาทำเอง เรียนรู้เอง แต่ก็สนุก ยอมรับว่า ผู้ประกาศก็อยากเป็น  ถ้ามาสายนี้ ผู้ประกาศน่าจะเป็นสุดท้ายแล้ว

“สมัยที่ร่วมโครงการที่ทำกับช่องวัน เคยถามคุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณประมาณว่า ถ้าอยากเป็นผู้ประกาศต้องทำอย่างไร เพราะเรายังไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรประมาณนี้ คำตอบคือ ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกผู้ประกาศช่องเขาจากคนที่ผ่านภาคสนามมาก่อน เริ่มต้นจากทำข่าว มีพื้นฐานได้ทำข่าวมาก่อน เป็นสิ่งที่เราจำมาจวบจนปัจจุบัน”  เบตตี้ทิ้งท้าย

 

 

 

 

RELATED ARTICLES