แค่โชเฟอร์แท็กซี่ที่อ้าง “รองโจ๊ก” ตกเบ็ดตำรวจได้หรือ

อาจกลายเป็นคำถามค้างคาหลายคน

แค่โชเฟอร์แท็กซี่มีกลเม็ดเด็ดเลือก “ตกเบ็ด” ต้มเงินวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้ตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับสูงได้เงินเป็นล้านเชียวหรือ

แถมอ้างชื่อนายพลคนดังอย่าง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เคี่ยวจนเหยื่อเปื่อยยอมลงทุน “วิ่งเต้น” จ่ายเงินเพราะเชื่อ “พลังภายใน” ของชื่อนายพลหนุ่มที่กำลังปั่นผลงานติดลมบนหน้าสื่อมวลชน

ที่สำคัญเหตุการณ์ผ่านนาน 4 ปี ไม่มีระแคะระคายเข้าหูสักนิด

กระทั่งเพจเฟซบุ๊ก “สุรเชษฐ์ หักพาล” โพสต์ข้อความเป็นนัย

แอบอ้างชื่อ #วิ่งตำแหน่ง ตำรวจ ทหาร

เรียกรับเงิน จากการวิ่งตำแหน่ง

พัวพัน สร้างเรื่อง สวมรอย #วิ่งเต้นข้าราชการ

หรือ “แอบอ้างชื่อ #บิ๊กโจ๊ก ” เรียกรับผลประโยชน์

หลักฐานแน่น ข้อมูลพร้อม .. ส่งมาให้เราใน inbox Facebook สุรเชษฐ์ หักพาล

จับทุกราย “ไม่เอาไว้แน่”

วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวโชว์ผลงานแถลงข่าวจับกุม นายไพจิตร์ สายยา อายุ 40 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ใช้ชื่อในไลน์ว่า “คนดีมีแต่ให้” ใช้รูปโปรไฟล์แอบอ้างเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล หลอกลวงข้าราชการตำรวจให้หลงเชื่อว่า สามารถช่วยโยกย้ายแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้ตามต้องการ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

มีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 6 ราย ตั้งแต่ตำแหน่งรองผู้บังคับการถึงผู้บังคับหมู่ ยอมจ่ายเงินมากกว่า 4 ล้านบาท

เพื่อแลกกับตำแหน่ง

ตามข้อมูลการสืบสวนพบ นายไพจิตร์ สายยา ตีสนิทกับกลุ่มตำรวจผู้เสียหายผ่าน พ.ต.ท.พงษ์อนันต์ ชุบรัมย์ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ตั้งแต่ปี 2557 อ้างเป็น พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ขณะนั้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พูดคุยกันเรื่อยมา

มาถึงวาระการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ปี 2559 มี พ.ต.อ.ในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ติดต่อวิ่งเต้นจ่ายเงิน 1 ล้านบาทขอเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ผลปรากฏว่า ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นจริง สร้างเครดิตให้ ผู้ต้องหามีความน่าเชื่อถือจึงมีการชักชวนหมู่ตำรวจที่สนิทสนมยินยอมซื้อขายเก้าอี้ผ่าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ตัวปลอม

สนนราคาค่าย้ายระนาบเดียวกัน ระดับรองผู้บังคับการ 500,000 บาท สารวัตรขึ้นรองผู้กำกับการเป็นเงิน 500,000-510,000 บาท แต่สารวัตรอีกรายเลือกขึ้นรองผู้กำกับการในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยอมจ่ายเงินให้ 2.5 ล้านบาท ส่วนผู้กำกับการขอย้าย 100,000 บาท รายสุดท้ายเป็นผู้บังคับหมู่ขอย้ายไปที่อื่น เสียเงิน 100,000 บาท

ทั้งหมดจ่ายเงินเรียบร้อยก่อนคำสั่งออก ตกลงกันว่าจ่ายรอบเดียว

พอคำสั่งออกมามีเพียงรายเดียวที่ย้ายได้ ที่เหลือ 5 นายไม่ได้ตามข้อตกลงจึงมีการเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล บอกว่า ทราบเรื่องเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถึงกับควันออกหู เพราะเรื่องแบบนี้ทำตนเสียหายมาหลายปี เอาชื่อเสียงของตนไปย่ำยี แอบอ้างเรื่องแบบนี้มานาน จึงสั่งการสืบสวนรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครพนม ตามจับกุมได้ที่เมืองหลวง

โชเฟอร์แท็กซี่หัวใสรับว่า นำเงินที่ได้มากว่า 4 ล้านบาทไปซื้อที่ดิน 16 ไร่ และซื้อรถแท็กซี่ให้คนเช่าขับ มี พ.ต.ท.นายหนึ่งเป็นคนรวบรวมเงินและโอนเข้าบัญชี  “ รู้จัก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ จากผลงานตามข่าวสารต่างๆ ที่ผมแอบอ้างเรื่องวิ่งเต้นตำแหน่งเพราะถูกตำรวจเสนอก็รับสมอ้างไป คนที่ได้ตำแหน่งก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังได้อย่างไร ผมก็ไม่ทราบ แต่จากนั้นผมก็น่าเชื่อถือขึ้น กลุ่มตำรวจก็มีข้อเสนอมา จึงแอบอ้างทำไป ได้เงินมา ต้องขอโทษ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ด้วย”

ส่วน พ.ต.ท.พงษ์อนันต์ ชุบรัมย์ รีบออกตัวว่า ช่วงปี 2557 ทำคดีจราจร จู่ๆ ได้รับสายโทรศัพท์ปริศนาอ้างเป็นรองโจ๊กขอให้ช่วยดูแลคดี  พอทราบข้อมูลเกี่ยวกับรองโจ๊กจากข่าวสาร และเรื่องเล่าในแวดวงตำรวจจึงช่วยเหลือคดีนั้นเต็มที่ แถมยังแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบด้วย ต่อมาโทรศัพท์หมายเลขเดิมโทรมาพูดคุยชื่นชมให้กำลังใจ ยิ่งทำให้เชื่อใจว่า คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ตัวจริง

แม้เคยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์พบไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.พงษ์อนันต์ว่า ผู้ต้องหาที่อ้างเป็นรองโจ๊กบอกเป็นเบอร์พิเศษใช้ในกรณีเฉพาะกิจ ลักษณะคำพูดคำจาก็เหมือนกับรองโจ๊กไม่มีผิด จากที่เคยเห็นการให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรทัศน์ถึงเชื่อสนิทใจ คุยกันมาเรื่อย

สุดท้ายมีการพูดคุยเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง

สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมปัดว่า เป็นแค่ตัวกลางรวบรวมเงินให้ผู้ต้องหาที่คิดว่าเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล แม้บัญชีที่ให้โอนเป็นชื่อคนอื่นก็ไม่เอะใจสงสัยเนื่องจากผู้ต้องหาให้เหตุผลว่าเป็นบัญชีของตัวแทนเพื่อให้สาวไม่ถึงตัว

“ผมจะทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง ยุคนี้ไม่มีแล้วเรื่องซื้อขายตำแหน่ง ทุกคนต้องทำงาน จะเป็นคนของใครก็ต้องทำงาน แม้แต่ผมสนิทกับท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีก็ยังต้องทำงานหนัก ถ้าตำแหน่งซื้อได้ คงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ ไม่รู้ว่า ผมมีชื่อเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ก็ลือกันมาตลอด เสียหายมาก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ย้ำ      

ทิ้งปมค้างคาใจให้ค้นหาเบื้องหน้าเบื้องหลังกันเอง  

 

 

RELATED ARTICLES