“ผมทำงานปราบปรามตอนนั้นค่อนข้างดุเดือดนะ”

รรดามือปราบภูธรชื่อชั้นของ พล.ต.ต.จำนงค์ แก้วศิริ ไม่เคยเป็นรองใคร เนื่องจากตลอดชีวิตรับราชการสามารถสร้างผลงานบู๊ล้างผลาญปราบปรามเหล่าคนร้ายไว้นับไม่ถ้วน

ทั้งที่เป็นชาวกรุง เรียนจบสำราญราษฎร์ อยากสอบเข้าวิศวะ แต่ไม่สำเร็จต้องหันไปเข้าเรียนนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 12 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ลูกชายอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ แต่หวังสอบอัยการ หรือผู้พิพากษา ไม่เคยอยากเป็นตำรวจ สุดท้ายถึงวัยเกณฑ์ทหาร ไม่อยากเป็นทหารเลยตัดสินใจสมัครเข้าตำรวจเป็นนายร้อยอบรม

บรรจุลงตำแหน่งครั้งแรกเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี อยู่ 3 ปี ได้รับการคัดเลือกไปประจำกองเมืองอุบลราชธานีแค่ 6 เดือน ชาวบ้านอำเภอวารินชำราบเดินขบวนไปหาผู้ว่าฯขอให้ย้ายกลับมาอยู่ที่เดิมก็ต้องย้ายกลับไป ไม่นานก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี 2518 ทั้งอำเภอ และจังหวัดจมอยู่ใต้บาดาล พล.ต.ท.แสวง หงษ์นคร เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร 2 ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมเห็นหน่วยก้านนายตำรวจหนุ่มจำนงค์แล้วชอบเลยให้ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ขณะนั้นเป็นนายเวรทาบทามจับย้ายไปอยู่กองเมืองนครราชสีมา ติดยศ ร.ต.ท.ที่โคราชใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ถิ่นย่าโมกว่า 20 ปี สลับสับเปลี่ยนโยกย้ายไปอยู่เกือบทุกตำแหน่ง

ปี 2528 ตอนเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธิ์กลาง นครราชสีมา เกือบถูกคนร้ายยิงสิ้นชื่อ หลังมีมือปืนจากลพบุรี ฉายามือปืนร้อยศพ เข้ามายิงคนตายในพื้นที่ ยิงภรรยาของคนที่รู้จักเขาเสียชีวิต พล.ต.ต.จำนงค์จำได้ว่า ไปตามจับมันวันลอยกระทงพอดีที่วัดท่ากระเจียว ลพบุรี คนร้ายเป็นมือปืนประจำตัวกำนัน มีสายพาไปชี้เป้าในงานวันลอยกระทง ต้องปลอมตัวเดินปะปนกับชาวบ้านตามไปกับสาย เห็นคนร้ายยืนดูตะกร้อลอดห่วงอยู่

 “วันนั้นอากาศหนาว มันยืนกอดอก ผมดูแล้วมันไม่มีคอให้ล็อก เพราะหุ่นมันป้อมเตี้ยมะขามข้อเดียว ไม่รู้จะล็อกยังไง ยืนคิดตั้งนาน ถ้าไม่เอาตอนนี้ก็คงไมได้ มองไปรอบงานไม่เห็นลูกน้องสักคน คนมันเยอะมาก ตัดสินใจเข้าตะโกนทัก เฮ้ย มันตกใจเอามือลง ผมก็เข้าไปล็อก กอดมันอยู่ข้างหลัง มันแข็งแรงมาก เราก็หนุ่มเป็นพันตำรวจโทปล้ำกันกลางลานเตะตะกร้อ เอาเกือบไม่อยู่ มันพกปืน 11 มม.อยู่ที่เอว 2 กระบอก แต่ผมไม่มีอะไรเลย ปล่อยก็ไม่ได้ ไม่มีลูกน้องมาเลย กอดปล้ำอยู่พักใหญ่ คนแตกฮือ กอดมันสุดชีวิต วิ่งหนีก็กลัวมันยิงแน่”

“บังเอิญ สมหมาย กองวิสัยสุข ลูกน้องตอนนั้นเป็นสารวัตรมาพอดี ผมเห็นวิ่งมาแต่ไกลเข้าชกมันที่ลิ้นปี่ เชื่อมั้ยว่า ผมกับคนร้ายล้มหงายท้องทั้งคู่ ผมจุกเลย สมหมายหมัดหนักมาก พอจับได้ถึงรู้ว่า มันขึ้นนกปืนไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าวันนั้นสมหมายไม่เข้ามาช่วย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น มันจะหลุดอยู่แล้ว ถ้าสะบัดผมคงวิ่งหนีไม่ทัน มันชัก ผมก็เสร็จ ผมถึงเป็นหนี้บุญคุณสมหมาย คืนนั้นยังมาตลกกับมือปืนร้อยศพ เอาขึ้นรถใส่ปิกอัพจากลพบุรีกลับโพธิ์กลางมันอ้วกตลอด ทางเพราะเมารถ กลายเป็นมือปืนเมารถไปเลย” พล.ต.ต.จำนงค์เล่าเสี้ยวนาทีชีวิตเสี่ยงตาย

ตอนอยู่กองเมืองนครราชสีมา ติดยศแค่ ร.ต.ท. หมวดจำนงค์ถูกยกให้เป็นอาจารย์นักเรียนนายร้อยด้วย แต่ละปีจะมีนักเรียนนายร้อยปีละ 10 นายไปฝึกงานอยู่เมืองโคราช ผู้บังคับบัญชาจะมอบให้หมวดจำนงค์เป็นอาจารย์สอน ครบปีก็เปลี่ยนรุ่นที สอนอยู่ 7-8 ปี มีลูกศิษย์เต็มไปหมด  ปัจจุบันเป็นนายพลกันทั้งนั้น จำนวนนี้มี พล.ต.ต.กวี ศภานันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รวมอยู่ด้วยและเป็นลูกศิษย์ที่จำนงค์รัก เนื่องจากมาขอร่ำเรียนวิชาตั้งแต่ยังไม่จบนายร้อย ขอมาฝึกเอง ไม่มีใครส่ง

 ตำรวจเก่าผู้คร่ำหวอดแดนอีสานยังย้อนความหลังว่า สมัยก่อนภาคอีสานเป็นกองบัญชาการตำรวจภูธร 2 รับผิดชอบ 18 จังหวัด แต่เนื้อของตำรวจอีสานจะมีแค่ 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มอุดร กับกลุ่มโคราช แข่งกันทำงาน พวกอุดรจะมี บุญทิน วงศ์รักมิตร สมชาย ไชยเวช ประชา พรหมนอก พิชัย สุนทรสัจบูลย์ วัชระ ทองวิเศษ บุญชอบ คงน้อย ตัวดี ๆ จะมากกว่า ส่วนสายโคราชเก่งไม่แพ้กัน แต่โตช้า อาทิ ประจิตต์ แสงสุบิน สำเริง แสงวิรุฬ มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ และตัวเขา ตำรวจสายนี้จะขึ้นมาไม่ถึงระดับกรมตำรวจ เต็มที่แค่กองบัญชาการ เพราะโคราชการต่อสู้มันสูง เป็นจังหวัดใหญ่ขึ้นยาก ไม่เหมือนอุดร หนองคาย ขอนแก่น

เมื่อพ้นจากสารวัตรใหญ่โรงพักโพธิ์กลาง พล.ต.ต.จำนงค์ย้ายเป็นสารวัตรใหญ่โรงพักกมลาไสย กาฬสินธุ์ ก่อนกลับมาอยู่สี่คิ้ว นครราชสีมา ขึ้นเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร 2 เป็นผู้กำกับรองหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้กำกับโรงพักเมืองสุรินทร์ และคืนถิ่นเก่าเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา ทำโครงการโรงพักเพื่อประชาชนรับรางวัล “ไพร์มมินิสเตอร์ อวอ์ด” คนแรกของประเทศไทยจากนายกรัฐมนตรี ก่อนเลื่อนเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ

ต่อมา พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขอตัวไปอยู่สำนักงานเพื่อช่วยงานโครงการโรงพักเพื่อประชาชนราว 2 ปี กระทั่ง พล.ต.อ.พรศักดิ์ เกษียณอายุราชการ ได้ย้ายกลับชัยภูมิตามเดิม คราวนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เพื่อนร่วมรุ่นธรรมศาสตร์เป็นผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดโทรศัพท์มาบอกว่า นายกฯทักษิณ ชินวัตร อยากได้ตัวไปช่วยงานยาเสพติดมาได้หรือไม่ เขาจึงจำใจออกจากอีสานครั้งแรกไปเป็นรองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

“ผมไม่เคยอยู่ ไม่เคยคิดจะออกไปโคราช เป็นมือปราบทำหน้าที่หัวหน้าเฉพาะกิจปราบปรามในพื้นที่อยู่ถึง 5 ผู้บัญชาการ เรียนรู้วิชาจาก ชูเกียรติ ภัยลี้ มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ แต่เมื่อเพื่อนชวนก็ไปช่วยได้ อยู่ปราบปรามยาเสพติด 2 ปี นายกฯทักษิณเอ่ยปากว่า ยาเสพติดระบาดหนักที่เชียงราย หาตัวผู้การเชียงรายไม่ได้ให้ไปหน่อย ไปก็ไป ไม่เคยอยู่เหมือนกัน ตอนแรกก็ไม่อยากไป อยากกลับโคราชถิ่นเก่าถนัดกว่า” 

เขาต่อรองกับนายกฯทักษิณขออยู่ทำงานปีเดียว ไป ๆ มา ๆ อยู่ยาวถึง 3 ปี ด้วยเหตุผลที่ยังหาคนแทนไม่ได้ แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับประเทศชาติ เมื่อผู้การเชียงรายคนนี้สามารถแก้ปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือจนหยุดชะงัก “เชียงรายจังหวัดมันเล็ก ก่อนหน้าก็ถือว่า ผมถนัดงานด้านนี้เหมือนกัน ตอนอยู่ชัยภูมิยาเสพติดระบาดก็ทำงานปราบปรามมาหมดแล้ว มาได้เปรียบอีกส่วน คือ มีพื้นมาจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถใช้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดมาทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่ ทำให้ได้ผลดี ผมทำงานปราบปรามตอนนั้นค่อนข้างดุเดือดนะ อยู่ 3 ปี วิสามัญฯคนร้ายไป 48 ศพ ตำรวจตาย 1 คน บาดเจ็บ 1 คน ยึดทรัพย์ได้มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท”

การทำงานปราบปรามยานรกในห้วงเวลานั้น พล.ต.ต.จำนงค์บอกว่า ประทับใจกับผลงานการติดตามขบวนการค้ายาเสพติดจากถุงพลาสติกที่ใช้บรรจุยาบ้าผลิตโดยโรงงานในเมืองไทยข้ามออกไปพม่าเพื่อแพ็กยาบ้ากลับเข้ามา มีการประสานทางการพม่าเช็กข้อมูลตามไปเจอถุงพลาสติกบรรจุยาเสพติดอยู่ในโกดังพม่านับแสนถุงเสร็จแล้วก็แกะรอยจับโรงงานผลิตในเมืองไทย ก่อนร่วมกับพม่าขยายผลยึดยาบ้าอีก 15 ล้านเม็ด พม่าต้องเปิดแถลงข่าวให้ทั่วโลกรู้ มีการเผาทำลายยาเสพติดลอตนี้ที่เชียงตุง ตัวเขายังถูกเชิญไปร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนั้นด้วย

 อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายบอกอีกว่า จากผลงานดังกล่าวทำให้ยาเสพติดในภาคเหนือหายไป เครือข่ายยานรกเปลี่ยนเส้นทางเข้าฝั่งลาวแล้วลักลอบทะลักเข้าไทยทางหนองคายแทน อยู่เป็นผู้การ 3 ปีก็เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อสานต่องานยาเสพติดต่อ ถือเป็นผู้การเชียงรายคนเดียวที่อยู่นานสุด 3 ปี บางคนอยู่ไม่ถึงปี คนไม่เคยทำงานยาเสพติดจะไม่เข้าใจ โชคดีตรงที่ชุดทำงานเข้ากันได้ ทหารก็ดี ผู้ว่าฯก็สนิทกัน นายอำเภอ ตำรวจน้ำ นักบินทำงานร่วมกันได้ และเป็นผู้การคนเดียวที่ขอเครื่องบินทหารขึ้นได้ เอาเฮลิคอปเตอร์ทหารไปปิดล้อมพื้นที่บนดอยทีเดียว 4 ลำ ตำรวจดีใจกันใหญ่นึกว่าจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แต่จริง ๆ  เอาสุนัขตำรวจขึ้นหมด เพราะสุนัขเดินทางไกลจะเหนื่อยแล้วจะดมยาเสพติดไม่ได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.ต.ต.จำนงค์ยังเป็นต้นแบบยุทธการปิดล้อมที่เทิง-เวียงแก่นในยุคปัจจุบันที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำไปปรับใช้เปิดแนวรบขบวนการค้ายานรกตามตะเข็บชายแดนภาคเหนือระลอกใหม่สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับมาครองอำนาจ “ผมเป็นคนเริ่มตำรานี้ เราจะทำงานยาเสพติด ถามว่า ยากหรือไม่ บางทีคนไม่เข้าใจ และไม่รู้จะทำยังไง ผมไปอยู่ 3 ปี เคยมีความรู้ด้านการปราบปรามยาเสพติด ทำง่าย มีอยู่ 4 เรื่องต้องทำจริงจัง ผมว่าเอาอยู่”

“เรื่องที่หนึ่ง คือ สกัดกั้นไม่ให้มันเข้าตามแนวชายแดน หรือถ้ามันจะเข้าก็ให้มันเข้ายากที่สุด และน้อยที่สุด ส่วนที่เข้ามาแล้วก็ต้องปล่อยเข้ามา เรื่องที่สอง คือ กวาดล้างจับ เก็บออกให้หมด เก็บตัวยา คนค้า คนขาย เก็บออกจากพื้นที่ ระดมเรื่อยๆ ทุกโรงพัก ทุกพื้นที่ แล้วมันจะหมดไปเอง ไม่หมดมันก็บางลง อันที่สาม คือ พอจับไม่ได้ไปถึงผู้เสพแล้วก็ต้องเอาไอ้พวกที่ติดไปรักษา ส่วนพวกที่เสี่ยงว่าจะติด สร้างภูมิคุ้มกันให้เขา ให้ความรู้ เช่น โรงเรียนสีขาว บ้านสีขาว ชุมนุมสีขาว โรงงานสีขาว อันสุดท้าย คือ เจ้าหน้าที่ที่รู้เห็นเป็นใจต้องจัดการ ทำ 4 เรื่องนี่อย่างจริงจังรับรองปัญหายาเสพติดหมด” พล.ต.ต.จำนงค์แนะการแก้ปัญหาการระบาดของยานรกอย่างจริงจัง

จากประสบการณ์ 3 ปี ในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เขาแนะเพิ่มเติมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องส่งคนที่มีความรู้ไปดำรงตำแหน่ง ส่งคนไม่รู้ไปทำไม่ได้ บางคนดูยาเสพติด ดูยาไอซ์ยังไม่เป็นแล้วจะไปจับใครได้ ต้องเอาผู้กำกับเก่ง ๆ ไปวาง ดูแลคนเหล่านี้ให้ดี เพราะที่นั่นไม่มีอะไร ไม่มีแสงเสียงเหมือนในเมือง มีแต่ป่า มีแต่ชาวเขา อาจไม่ต้องให้เขาอยู่นาน อยู่แค่ 2 ปี ให้ขั้นเงินเดือนเขา เสร็จแล้วก็ขยับออกมาปล่อยให้เลือดใหม่ไปแทน ต้องเป็นคนหนุ่มที่ขยัน ไฟแรง และอย่าไปทิ้งเขา

แต่สำหรับ พล.ต.ต.จำนงค์ ถึงจะมีผลงานปราบปรามยาเสพติดโดดเด่นเป็นที่น่าพอใจแก่ผู้บังคับบัญชาเข้าตาสังคมส่วนใหญ่ในประเทศ หากทว่าที่สุดแล้วเส้นทางชีวิตก็ต้องพลิกผันหลังขั้วการเมืองเปลี่ยน อำนาจรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีถูกโค่น “เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ ผมถูกย้ายไปประจำ อยู่คนเดียว ไม่มีลูกน้อง ไม่มีห้องทำงาน เหมือนถูกลงโทษ ทั้งที่เป็นคนทำงาน ผมไม่ได้ยุ่งการเมือง ผมทำงานให้ประเทศชาติ ตั้งแต่เล็กจนป่านนี้ทำงานมาตลอด ผมกลับโดนหนัก มีแต่ชื่อเป็นรองผู้บัญชาการประจำ พอเลือกตั้งใหม่สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ผมได้กลับเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอยู่ไม่นานก็เปลี่ยนรัฐบาลอีก ย้ายไปอยู่จเรตำรวจจนเกษียณอายุ”

“ผมเลยเลิก ล้างมือ วางมือนานกว่า 2 ปีแล้ว ไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่ได้ท้อ แต่ไม่อยากทำ อยากกินเที่ยวกับเพื่อนฝูง ไปเมืองนอก อยู่กับครอบครัว หากเพรียวพันธ์ ไม่เรียกมาช่วยงานอีก” มือปราบยาเสพติดชื่อก้องระบายความรู้สึกพร้อมยอมรับว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชวนกลับไปเป็นที่ปรึกษาด้านปราบปรามยาเสพติดทำงานอยู่เบื้องหลัง “ผมก็ไปช่วย ช่วยเป็นที่ปรึกษา ผมรู้จักคนเยอะ แต่คงไม่ทุ่มเทเหมือนเมื่อก่อน เพราะผมไม่ใช่ตำรวจแล้ว ตรงนี้ผมกับเพรียวพันธ์เคยทำงานร่วมกันมานาน ผมไม่ค่อยพูดมาก เขาถึงให้ผมมาช่วยมั้ง” พล.ต.ต.จำนงค์ให้เหตุผล

“ผมคุยกับทุกคนที่ทำงานด้วยกัน เวลา 3 ปีที่ผมไปทำ ยาเสพติดหยุดชะงักหมด พอปฏิวัติเกิดขึ้น ไม่มีใครไปทำอีก ทิ้งไปเลย สุดท้ายยาเสพติดก็กลับมาเต็มเหมือนทุกวันนี้ มันน่าเสียดายเวลา ถ้ายันไว้ตอนนั้นคงไม่เป็นเหมือนวันนี้ที่เยอะมากกว่าเก่า เราเช็กได้จากราคายาเสพติด สมัยก่อนเม็ดละ 300-400 บาท หาซื้อยาก เท่ากับจำนวนยาน้อย ตามหลักอุปสงค์ อุปทาน คนอยากได้ไม่มีขาย ราคามันก็ขึ้น ถ้ามีเยอะแยะมันก็ถูก หาซื้อที่ไหนก็ได้ ต้องรุกจนมันถอย เด็ดขาด ถ้ามันข้ามมายึกยักสู้กัน ผมรุนแรงนะ แลกเป็นแลก ไม่กลัว เราอยู่ฝ่ายกฎหมาย อย่างดีพลาดท่าก็ถูกมันยิงเอา เราเป็นเจ้าหน้าที่มีกฎหมายรองรับอยู่ แต่ถ้าถูกมันยิงก็ช่วยไมได้”

กุนซือผู้นำตำรวจในด้านปราบปรามยาเสพติดให้ข้อคิดว่า เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่แล้วยาเสพติดยังเกลื่อนไปหมด ตอนนี้เริ่มจะหายากขึ้น นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเอาจริง แต่ไม่ใช่ใช้มาตรการฆ่าตัดตอน เป็นการว่ากันตามกฎหมาย พยายามเน้นจับได้ให้ขยายผลสาวให้ถึงต้นตอ เอากฎหมายฟอกเงินเข้าไปยึดทรัพย์  พวกนี้จะกลัวมากกับการถูกยึดทรัพย์ เพราะถูกจับมันไม่กลัว เดี๋ยวก็เอาไปขายในคุกต่อ ถ้าไปยึดทรัพย์ ยึดบ้าน ยึดรถยนต์ ยึดเงินในธนาคารมันหมดตัวแน่นอน

นายพลตำรวจเก่าแสดงความเห็นด้วยว่า ปัญหาที่แก้ไม่ตกในปัจจุบัน คือ พวกที่จับไปแล้ว กลับไปขายอยู่ในเรือนจำ คนถูกจับแล้วน่าจะจบ มีที่ไหนที่จับแล้วไปอยู่ในเรือนจำ ต้องไปแจ้งข้อหาเพิ่มอีก บางรายถูกจับศาลพิพากษาประหารไปแล้ว ต้องไปแจ้งข้อหาอีกหนในเรือนจำ แล้วจะต้องโทษประหารอีกหรือไม่ จะเอาไปประหารกี่หน น่าแปลกใจมาก คุยกับใครหลายคนก็งง เหมือนเป็นประเทศเดียวในโลก ฎีกาประหารแล้ว พอสืบจนรู้จากเครือข่ายนอกเรือนจำว่า นักโทษประหารรายนี้อยู่เบื้องหลังก็ต้องกลับไปแจ้งข้อหามันอีก ดำเนินคดีต่ออีก ทั้งที่โทษสูงสุดโดนไปแล้ว

“นี่คือ ความล้มเหลว กว่าจะสืบตัวได้แทบตาย สอบสวนเอาหลักฐานไปสู้กันบนชั้นศาลจนศาลเชื่อและตัดสินประหาร แต่มันก็ยังมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดอยู่ ต้องมาสืบสวนกันต่อ พร้อมขออนุญาตเรือนจำเข้าไปแจ้งข้อหามันอีก ศาลจะตัดสินประหารอีกหรือเปล่า คิดเล่น ๆ มันก็ขำนะ”

นายพลตำรวจวัยเกษียณมีมุมมองทิ้งท้ายฝากถึงตำรวจรุ่นใหม่ด้วยว่า เหมือนทำอะไรเป็นอย่าง ๆ พวกสอบสวนก็สอบอย่างเดียว ออกเวรแล้วหายไปเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนเป็นรองสารวัตรสอบสวน 7 โมงเช้าต้องลงจากแฟลตมากินข้าวแกงหน้าโรงพักจานเดียว 8 โมงเข้าห้องทำงานรีบทำสำนวนแล้ว กองเมืองนครราชสีมาจะมีร้อยเวร 5 คน คดี 5,000-6,000 คดีต่อปี  ต้องกินนอนอยู่ที่โรงพัก 5 โมงเย็นปิดห้องทำงานขึ้นแฟลตอาบน้ำ  1 ทุ่มก็ลงมาทำสำนวนต่อถึง 4 ทุ่มถึงจะออกไปตรวจพื้นที่ต่อเนื่องยันเที่ยงคืนตี 1 ถึงขึ้นแฟลตนอน

เจ้าตัวย้ำว่า ตำรวจคนไหนผ่านกองเมืองโคราชยุคนั้นถือว่า เก่ง รุ่นเขายังเป็นนายพลทั้งหมด อาทิ ชลอ ชูวงษ์ ชลอศักดิ์ อาษา ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ สาธิต มังคละศิริ อำนวย มหาผล เหมือนผ่านมหาวิทยาลัยตำรวจ ถ้าผ่านได้ก็รุ่ง ถ้าผ่านไม่ได้ก็เสียคนไปเลย บางคนย้ายไปไม่โต นครราชสีมาใหญ่มาก พนักงานสอบสวนคนหนึ่งทำคดีไม่ต่ำกว่า 900-1,000 สำนวน ทำเอง และออกตรวจด้วย คดีอุกฉกรรจ์ที่นครราชสีมากับนครศรีธรรมราชจะแข่งกัน ฆ่ากันบางทีเวรหนึ่ง 2-3 ราย เป็นเมืองดุ เมืองผ่าน

เคล็ดลับตรงนี้แหละที่ทำให้เขามีชื่อติดทำเนียบมือปราบภูธรในเวลาต่อมา

จำนงค์ แก้วศิริ !!!

RELATED ARTICLES