แนวคิดในการผ่าตัดองค์กรสีกากีของคณะทำงานปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ตามโมเดลความฝันของรัฐบาลเผด็จการทหาร
เหมือนยังไม่เข้าใจ “แก่นแท้” ในหัวใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ส่วนใหญ่ต้องการอะไร
แต่เอาข้อมูลจากนักวิชาการนอกรั้ว นักการเมืองที่เต็มไปด้วย “อัตตาและอคติ” เข้ามายำร่าง มีนายตำรวจบางคนแทบไม่เคยสัมผัสงานโรงพัก และงานตำรวจที่แท้จริง เอามามูลเกินความจริงมาร่วมสังฆกรรม
ไม่รู้เอาเข้าจริงจะไปได้สักกี่น้ำ
ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจที่จัดขึ้นโดยสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมูลนิธิไทยรัฐ ภายใต้หัวข้อ “การเตรียมคนไทยเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน”
ยืนยัน พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันก็ต้องยอมรับเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ เพราะเกี่ยวพันกับชีวิตชาวบ้านทั่วไป
“โฉมหน้าตำรวจใหม่”จะแบ่งออกเป็นแท่ง เป็นสาย
ใครเลือกอยู่สายใดก็ต้องอยู่กับสายนั้นตลอดตั้งแต่เป็น ร.ต.ต. กระทั่งถึง พล.ต.อ.
ไม่มีการเปลี่ยนสายอีก
รองนายกรัฐมนตรีระดับอาจารย์นักกฎหมายยอมรับว่า สายสอบสวนเป็นสายยาก ใครที่เลือกสายนี้หรือถูกบังคับให้มาอยู่สายนี้จะโตในสายนี้ตลอด แต่สามารถขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้
อีกสายงานป้องกันปราบปรามก็เป็นในลักษณะเดียวกัน
สุดท้ายเป็นสายวิชาการ จำพวก แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ คณาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะเป็น “ตำรวจไม่มียศ” เว้นแต่ใครมียศเดิมอยู่แล้ว แต่จะไม่มีการเลื่อนยศอีก มีค่าตอบแทน ค่าวิชาให้
ขณะที่ การแต่งตั้งโยกย้ายจะให้มีการประเมินคะแนนทุกคนแล้วเอาคะแนนมาเรียงกัน สายใครสายมัน ได้คะแนนมากเท่าไหร่จ่อคิวเท่านั้น
การประเมินมาจากหลายฝ่าย วัดจาก อาวุโส ประสบการณ์ตวามสามารถ ความชื่นชอบของประชาชนจะเป็นคะแนนทั้งหมด
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของแต่ละปีไปจนถึงเทศกาลแต่งตั้งโยกย้าย
เปิดโมเดลร่างโฉมใหม่องค์กรตำรวจในฝันของ รัฐบาลเผด็จการทหาร มาถึงตรงนี้ มันเป็น “ยาดี” หรือ “ยาพิษ” ฉีดใส่ร่างผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กันแน่
เหมือน “ลิงแก้แห” เกาไม่ถูกที่คัน
สำคัญคือ คนที่มีพื้นฐานออกแบบโมเดล ไม่มีหัวใจเป็นตำรวจ หรือแค่ต้องการอวดภูมิปัญญา
ทั้งที่พวกเขาถูสร้างขึ้นมาเป็นตำรวจของแผ่นดิน เป็น ตำรวจของพระราชา
แต่หลายคนร้อนวิชา “ชำแหละ” ให้จมดิน !!!