รสชาติละมุนกลมกล่อมหอมหวานของน้ำกะทิทุเรียนที่โรงอาหารกระทรวงศึกษาธิการในบรรยากาศหน้าร้อนหลังเทศกาลสงกรานต์ยังถูกปากเช่นเคย
ข้าราชการเดินกันขวักไขว่เร่งรีบกับการหาอาหารกลางวันลงท้อง แต่ไม่รีบร้อนต้องกลับเข้าห้องทำงานตามเวลาทำหน้าที่ของตัวเอง ผิดกับพนักงานออฟฟิศ
ผมกับสมมาส บรรพต นักข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั่งลอยชายปาเข้าไปบ่ายกว่า โรงอาหารยังเต็มด้วยกลุ่มข้าราชการเช้าชามเย็นชามมองโมงยามเป็นเพียงแค่นาฬิกาสวยหรูหราราคาแพงประดับบนข้อมือ
“ไปไหนต่อพี่” ผมว่าระหว่างข้ามถนนพิษณุโลกเดินเข้าประตูหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล “ถ้าไม่ไปรัมมี่สักหน่อยไหม”
“วันนี้ไม่ว่างว่ะ”คนข่าวชาวจันทบุรีปฏิเสธ “กะจะเข้าโรงพิมพ์ มีธุระตอนเย็น” แกพูดปกติ
“ตามสบายพี่”
ผมไม่ถามสักคำถึงข่าวพาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ผมมั่นใจเป็นฝีมือของแกแกะรอยขุดคุ้ยนำเอาโบแดงมาโชว์บนแผง
ผมพลาดไม่ทำการบ้าน ไม่เดินดมกลิ่น มัวนั่งกินดื่มเล่นการพนัน
การที่พลตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา อธิบดีกรมตำรวจ มอบหมายให้ พลตำรวจโทณรงค์วิช ไทยทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีตำรวจจับกุมผู้ต้องหาปล้นรถทัวร์บริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด วิ่งระหว่างกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ เหตุเกิดถนนสายเอเชียหลักกิโลเมตรที่ 83 อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เริ่มต้นเรื่องวันที่ 16 เมษายน 2538 พันตำรวจโทไพศาล ปานจินดา สารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลพระอินทร์ราชา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับกุม 2 ใน 4 คนร้าย คือ นายคำรณ หรือเล็ก ฉ่ำตระกูล อายุ 33 ปี และนายโกศล หรือหน่อง ธานีวรรณ อายุ 30 ปี ที่หอพักธนกิจ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเจ้าทุกข์ชี้ตัวยืนยัน กำหนดฝากขังวันที่ 8 พฤษภาคม 2538
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2538 พันตำรวจโทปรีชา ธิมามนตรี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นำนายตำรวจในโครงการโรงเรียนนักสืบ ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอกปรีชา ศรีเจริญ ร้อยตำรวจเอกธงชัย กนิษฐกุล ร้อยตำรวจเอกนครินทร์ สุคนธวิท จับกุมนายสมภพ หรือเบิ้ม คงสมชีพ อายุ 29 ปี ที่ซอยนางเลิ้ง แขวงและเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ขยายผลรับสารภาพเป็นคนร้ายปล้นรถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์ จำกัด ร่วมกับนายบุญสร้าง คงสมชีพ พี่ชาย นายประยงค์ คงสมชีพ น้าชาย และนายสมพร วงศ์จินดา เพื่อนของน้าชาย
ก่อนตามจับกุมนายบุญสร้างที่จังหวัดพะเยา คุมตัวค้นบ้านเลขที่ 92 หมู่ 5 ตำบลหนองปรือ อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยึดของกลาง สร้อยคอทองคำ เลสข้อมือ กระเป๋าผู้โดยสารอีกจำนวนหนึ่ง
พลตำรวจโทโสภณ วาราชนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสุธรรม เศวตนันทน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีอนันต์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ ร่วมสอบปากคำจนผู้ต้องหารับสารภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งตำรวจ 2 หน่วย
มองตามจากการเดินข่าวของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่บนถนนวิภาวดีรังสิตก็รู้แล้วว่า ข่าวรั่วออกมาจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ ที่ต้อย-สมมาส บรรพต หายตัวไปในช่วงบ่ายหลายวันที่ผ่านมา
ไม่น่าใช่ฝีมือของเสือ-บุญเสริม พัฑฒนะ อดีตนักข่าวประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่โยกขึ้นไปประจำกรมตำรวจ แต่เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งโกรธแค้น เราต่างหากที่ต้องโทษตัวเอง มันเป็นอีกบทเรียนของชีวิตนักหนังสือพิมพ์
ผมกลับมาย้อนข่าวที่เกิดขึ้น ไล่หาข้อมูลข่าวเก่าที่แผนกประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ปัญหาเดิม ๆ ของตำรวจประชาสัมพันธ์ บางข่าวตัดส่งนาย บางข่าวทิ้ง ผมเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ไม่ได้เรียนจบนิเทศศาสตร์ แค่ตำรวจชั้นประทวน
เลือกเฉพาะข่าวอาชญากรรมในเมืองหลวง ข่าวที่กระทบชื่อเสียงของหน่วยที่เหลือกลายเป็นเศษกระดาษไม่มีราคาค่าข่าวกองอยู่ในตะกร้ารอเวลาเป็นขยะ
เมื่อไม่ได้อย่างที่หวัง ก็ต้องดั้นด้นหาตามหน้าห้องนายพลที่รับหนังสือพิมพ์เป็นประจำกว่าจะหาต้นเรื่องได้แทบกะอัก
หนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 8 เมษายน 2538 เปิดข่าวระดมล่ากระชั้น 4 โจรควงปืนปล้นรถทัวร์สายเชียงใหม่ กรณีคนร้ายคงปืน 11 มิลลิเมตรปล้นรถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์ ทะเบียน 11-2441 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 18-7 แล่นระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ถนนสายเอเชีย หลักกิโลเมตรที่ 83 อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กวาดทรัพย์สินผู้โดยสารเรียงตัวไปจำนวนกว่าแสนบาท ก่อนหลบหนีขึ้นรถปิกอัพที่พรรคพวกรออยู่หลบหนี
พลตำรวจตรีพจนารถ เศวตาสัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้สัมภาษณ์ว่า ผู้โดยสารจำหน้าคนร้ายได้ไม่ชัดเจน ทุกคนใส่หมวกไหมพรม ยังสเกตช์ใบหน้าไม่ได้ พร้อมกันนี้ได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาสอบสวนคดีนี้โดยเฉพาะ ขอเวลาอีกระยะรับรองว่าจะต้องจับกุมตัวคนร้ายได้แน่นอน โดยมอบให้ พันตำรวจโทไพศาล ปานจินดา สารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลพระอินทร์ราชา อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหัวหน้าคลายปม
นำไปสู่การตามจับผู้ต้องหาชุดแรกในเวลาต่อมา
สุดท้าย พันตำรวจโทปรีชา ธิมามนตรี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นำลูกน้องเปิดเกมตามจับกุม นายสมภพ หรือเบิ้ม คงสมชีพ และนายบุญสร้าง คงสมชีพ พี่ชาย ที่ร่วมกับนายประยงค์ คงสมชีพ น้าชาย และนายสมพร วงศ์จินดา เพื่อนของน้าชาย ก่อเหตุปล้นรถทัวร์ บริษัทสมบัติทัวร์ พร้อมปฏิเสธเกี่ยวข้องและรู้จักผู้ต้องหาที่สถานีตำรวจภูธรตำบลพระอินทร์ราชาจับกุมแต่อย่างใด ทำให้กรมตำรวจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ มอบให้ พลตำรวจโทณรงค์วิช ไทยทอง ผู้บัญชาการรองหัวหน้าตำรวจภูธรภาค 1 เป็นประธาน และพลตำรวจตรีบุญชอบ พุ่มวิจิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นรองประธาน
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลวันที่ 8 พฤษภาคม 2538
พลตำรวจโทโสภณ วาราชนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีอนันต์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ นำนายประเสริฐ เกษม ผู้ต้องหาร่วมปล้นรถทัวร์มาแถลงข่าวเพิ่มเติมอีกคน สรุปความคืบหน้าจับคนร้ายตัวจริงที่ลงมือได้แล้ว 3 คน เหลือเพียงนายสมพร วงศ์จินดา และนายประยงค์ ภาชีสุข ที่ยังหลุดรอดการตามล่าของทีมนักสืบเมืองกรุง
บ่ายวันนั้น สมมาส บรรพต เรียกผมเข้าไปคุย แกเดินลงบันไดตึกกองบัญชาการตำรวจนครบาล มองซ้ายมองขวา พาผมหามุมสงบระบายความในใจ “เอ็งอย่าโกรธข้านะโว้ย” คนข่าวหัวเขียวออกตัว “ข้างในใช้ข้ามา ข้าไม่กล้าบอก”
นักหนังสือพิมพ์ที่เติบโตมาจากช่างภาพสังกัดเดลินิวส์ วาดลวดลายการทำข่าวตระเวนอาชญากรรมเข้าตาเพื่อนต่างค่ายเลยถูกดึงตัวไปร่วมชายคาไทยรัฐบรรยายหลังฉากข่าวพาดหัวฉบับเดียวในคดีปล้นรถทัวร์ว่า นายบุญช่วย ฉ่ำตระกูล อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 7 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร้องเรียนต่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถึงกรณีตำรวจสถานีตำรวจภูธรตำบลพระอินทร์ราชาจับกุมนายคำรณ ฉ่ำตระกูล อายุ 30 ปี ลูกชายกับเพื่อน ตั้งข้อหา ร่วมกับเพื่อนปล้นผู้โดยสารรถทัวร์ เจ้าตัวปฏิเสธ และถูกควบคุมอยู่ระหว่างการฝากขังศาล
“ข้างในให้ข้าไปเช็ก เพราะว่าสืบเหนือจับผู้ต้องหาตัวจริงได้” สมมาสอธิบาย “ไม่เชื่อถามเก๋กับบิลลี่สิ”แกโยนเก๋-กิตติพงศ์ นโรปการณ์ และบิลลี่-กิจจา ทองเกลา คู่นักข่าวมือดีประจำกองบังคับการปราบปราม และกองบัญชาการตำรวจบาล ที่โดนพิษคดีแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์กระเด็นกลับไปตระเวนข่าว
“ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่โกรธ ไม่สนใจหรอก หนังสือพิมพ์ผม มันไม่ใส่ใจข่าวอาญากรรมหรอก” ผมถือโอกาสระบายบ้าง
“เฮ้ย แล้วเย็นนี้อย่าไปไหนนะโว้ย” แกกระซิบ
“มีอะไรพี่”
“คืนนี้จะมีวิสามัญฯ”
ผมตาลุก
“เอ็งไปรอแถวกองปราบ เชื่อข้าแล้วอย่าไปบอกใครล่ะ”
“แล้วพี่ไปหรือเปล่า”
สมมาสส่ายหัว “โอเคนะ” ก่อนเดินเข้าห้องประชาสัมพันธ์คว้ากระเป๋ากลับบ้าน
ผมอึ้งพักใหญ่ สองจิตสองใจกลัวถูกหลอก มันจะเป็นไปได้ยังไงถึงรู้ล่วงหน้าตำรวจจะยิงกับผู้ร้าย แต่ก็ไม่เสียหายอะไร ผมขับรถไปกองบังคับการปราบปราม ข้างแดนเนรมิต สวนสนุกแห่งเดียวใจกลางเมืองหลวง
ห้องนักข่าวเชิงบันไดขึ้นตึกยามค่ำ ไม่คึกคักเหมือนยุคกิตติพงศ์ นโรปการณ์ ยังประจำอยู่ สุพร อ่วมปราณี นักข่าวหนังสือพิมพ์บ้านเมืองกำลังจะกลับในจังหวะที่ผมเดินสวนเข้าไป “สวัสดีครับพี่หม่อง กลับแล้วหรือ”
“เอ่อ ข้าว่าจะกลับแล้ว เอ็งล่ะ เข้ามาทำไม”
“แวะมาเฉย ๆ นึกว่าจะมีใครอยู่” ผมว่า “อ้าว ไอ้หนู มาทำอะไร” เหลือบเห็นสมบูรณ์ ปรุงแต่งกิจ ตามหลังออกมาพอดี
มาดนักข่าววิทยุไอเอ็นเอ็น สาวน้องใหม่ในอดีตที่ดูเก้งก้างกระโดกกระเดกวันนี้ดูอวบอิ่มผิดหูผิดตา “พี่นั่นแหละ มาทำอะไร” หล่อนหน้าแดงไม่ตอบคำถาม แต่กลับตั้งโจทย์สวนมา
“ไม่บอก” ผมหัวเราะ
ทั้งคู่คล้อยหลังออกไปไม่นาน ศูนย์วิทยุรามารายงานเหตุวิสามัญกรรมภายในซอยพหลโยธิน 24 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พลตำรวจโทโสภณ วาราชนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีสุธรรม เศวตนันทน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีอนันต์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ พันตำรวจเอกคงเดช ชูศรี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ เดินทางถึงที่เกิดเหตุแล้ว
เสียงกระซิบของสมมาสแน่จริง
ร่างของอำพร หรือสมพร หรือเสือพร วงศ์จินดา แก๊งปล้นรถทัวร์ตัวแสบนอนตายคากำแพงที่ดินรกร้างกลางซอยพหลโยธิน 24 เสือร้ายสิ้นลายด้วยน้ำมือของตำรวจสืบสวนเหนือ
พันตำรวจโทปรีชา ธิมามนตรี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ หัวหน้าชุดติดตามเล่าฉากสำคัญในการดวลปืนสนั่นซอยว่า เราสืบทราบว่าอำพร หรือสมพร ผู้ต้องหาปล้นรถทัวร์ที่กำลังหนีหมายจับมาหลบกบดานอยู่สลัมท้ายซอยนี้
เขาและพันตำรวจตรีบันลือศักดิ์ ขลิบเงิน สารวัตรแผนก 3 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นำนายตำรวจโครงการโรงเรียนนักสืบ ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอกธงชัย ธนิษฐกุล ร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ์ มณีเนตร ร้อยตำรวจเอกปรีชา ศรีเจริญ และร้อยตำรวจเอกนครินทร์ สุคนธวิท พร้อมพวกกระจายกันซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่บ่าย
ชุดแรกอยู่ปากซอย อีกชุดดักท้ายซอย
รอจนสองทุ่ม เสือพรเดินลงจากรถเมล์เข้ามาในซอย พันตำรวจตรีบันลือศักดิ์ ตาไวเห็นก่อนจึงแสดงตัวจะเข้าจับกุม มันหันมาชักปืนยิงใส่ทันที เล่นเอาสารวัตรหนุ่มกระโดดหลบตัวปลิว พันตำรวจโทปรีชา คุมเชิงอยู่ท้ายซอยรีบนำกำลังไปสมทบ
ดาวปล้นรถทัวร์ไม่ยอมจำนนสาดเม็ดตะกั่วใส่ตำรวจนอกเครื่องแบบราวห่าฝน ร้อยตำรวจเอกธงชัย ร้อยตำรวจเอกปรีชา และร้อยตำรวจเอกนครินทร์ มีโอกาสสัมผัสสถานการณ์จริงนอกเหนือทฤษฎี ในห้องเรียน นาทีนั้นพวกเขาฉายแววนิ่งตอบโต้คนร้ายแม่นราวกับจับวาง
วิญญาณของโจรภูธรหลุดออกจากร่างนอนคาที่เป็นผีเฝ้าซอย
เสียงปืนสงบตำรวจทุกนายปลอดภัย พลตำรวจโทโสภณ วาราชนนท์ แม่ทัพนครบาลพอใจกับผลงานตามโครงการโรงเรียนนักสืบที่ตัวเองริเริ่มขึ้น “ขอบคุณทุกคน ไอ้น้องรัก”นายพลอารมณ์ดีไม่ถือตัวเป็นขวัญกำลังใจชั้นดีของนักสืบยุคนั้น
ประวัติของเสือพร อยู่บ้านเลขที่ 127/8 หมู่ 9 ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา พฤติกรรมเกเรไปทั่ว ก่อคดีโชกโชน เพิ่งก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์บนรถไฟ 3 คดี จากนั้นพาพวกปล้นรถทัวร์บริษัทสมบัติทัวร์
ผมเป็นคนแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุจับตายก่อนฉบับอื่น รวบรวมข้อมูลโทรศัพท์ส่งต้นสังกัดในเวลารวดเร็วด้วยความภาคภูมิใจว่า เย็นค่ำดึกดื่นขนาดไหน ผมก็ยังตั้งตา ตั้งใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
วันรุ่งขึ้น รางวัลตอบแทนความทุ่มเท คือ ข่าวไม่ได้ลง เพราะปิดกรอบไปแล้ว “เหนื่อยฟรีอีกตามเคย” น้ำตาแทบร่วง ผมพูดกับตัวเองถอนหายใจด้วยความอัดอั้น
“เอ็งไปอยู่ไทยรัฐกับข้าไหม” แล้ววันหนึ่งสมมาสมากระซิบกับผมอีกครั้ง