ขยับกลับมาจับแป้นคีย์บอร์ดระบายความคิดเห็นอีกครั้ง
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
เปิดประเด็น ปฏิรูปตำรวจ (ฉบับสงกรานต์) ชำแหละความร้อนในเดือนเมษายน ถึงแม้จะร้อนระอุ “ปรอท”แทบแตกสักปานใด ก็คงไม่ร้อนรุ่มกลุ้มใจเหมือนคนบางคน หรืออาจจะหลายคน หรืออาจจะเป็นกลุ่ม เป็นก๊วน เป็นแก๊ง
ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฤดูร้อน
เจ้าตัวยกคำโบราณที่มักพูดว่า “ให้ตกน้ำตาย ให้ควายขวิด ให้ฟ้าผ่า” กับคนที่ก่อกรรมทำเข็ญ สร้างแต่ความชั่วร้าย ทำลายองค์กร ทำลายระบบ รูปแบบ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมองค์กร กฎ กติกา หลักเกณฑ์ ความเป็นธรรม ความยุติธรรม หลักนิติธรรม หลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี หลักอาวุโส หลักคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในหมู่คณะ
เกิดการแตกแยก “ชิงดีชิงเด่น” สายการบังคับบัญชาระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อยถูกทำลายลงจนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แทบตกเป็นตัวตลก
ทำกันจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติจมดิ่งลึกลงไปจนเกือบถึงแกนของโลก
ไม่ใช่แค่ฝีมือของคนที่ถูก ฟ้าผ่ากลางกบาล และ มารขาว-มารดำ สองสามคนนั้นหรอก
คนที่คัดท้าย คนที่ให้ท้ายสิ คือ ตัวการสำคัญ
กล้ากันจนกระทั่งยอมละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 260 ที่บัญญัติให้ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกฎหมายการแต่งตั้งตำรวจให้เสร็จภายใน 1 ปีนับแต่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ถ้าปฏิรูปไม่เสร็จให้การแต่งตั้งเป็นไปตามหลักอาวุโส ก็ยังกล้าหักหาญกบิลบ้านกบิลเมือง ดึงดองเรื่องปฏิรูปตำรวจไว้
เมื่อตำรวจที่มีความอาวุโสต้องเสียสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะยังคงแต่งตั้งข้ามหัวกันเช่นเดิม นำความไปฟ้องศาลปกครอง ยังแก้ลำด้วยการออกมาตรา 44 มาปิดปากปิดจมูกเขาอีก
แค่นั้นยังไม่พอยังระบุว่า ให้การแต่งตั้งครั้งนี้และครั้งต่อไปในอนาคตชั่วกัปชั่วกัลป์ชอบด้วยกฎหมาย
บรรดาตำรวจที่ไปฟ้องศาลปกครอง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมก็ต้องถอยกรูด มายืนร้องไห้น้ำตาตกใน เจ็บอกเจ็บใจ… จนฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยงๆ
คนที่ถูกฟ้าผ่าทำคนเดียวไม่ได้ แค่มารขาวมารดำก็คงทำไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีคนให้ท้ายให้จังหวะ
เรื่องพรรค์นี้ต้องล้างให้หมดคอก ต้องตอกให้หมดสิ้น ต้องถีบให้ทะลุ
พล.ต.ท.อำนวยบอกว่า เขาไม่ใช่หมอดู แต่เคยพูดกับคนใกล้ชิดไว้ว่า “สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วอ้ายพวกนี้จะโดนฟ้าผ่า”
ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้
“ที่จริงแล้วกระผมไม่อยากเขียนถึงเรื่องนี้เพราะดูจะเป็นการซ้ำเติม แต่ที่ต้องตัดสินใจเขียนก็ด้วยเหตุผลสองประการ คือ ประการที่หนึ่ง กระผมเป็นกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งทำการปฏิรูปตำรวจโดยยกร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ… และร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา… เสร็จสิ้นไปนานแล้ว แต่ถูกดึงถูกดองไม่ให้เข้าสภา คงต้องมาว่ากันหลังมีรัฐบาลใหม่แล้วแบบเต็มๆ หมัด”
ประการที่สอง
“กระผมยังกินเงินเดือน กินบำนาญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีองค์กรตำรวจซึ่งเป็นองค์กรที่รักยิ่งของกระผม ยังมีตำรวจรุ่นน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ที่จะต้องนำพาองค์กรแบบรุ่นสู่รุ่น จะให้กระผมรับเงินเดือนแล้วนั่งงอมืองอเท้าดูองค์กรตำรวจถูกกระทำชำเราต่อไปกระนั้นหรือ”
เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ ถือเป็นวันปีใหม่ของไทยบรรจบมาถึงอีกวาระหนึ่ง ไม่มีพรใดจะให้น้องๆ ตำรวจผู้ที่จะช่วยกันนำพาองค์กรกันต่อไป นอกเสียจากหัวใจ หรือหลักในการทำงานของตำรวจ เป็นบทร้อยกรองสลักลงในหินอ่อน ตรงประตูทางเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
บทร้อยกรองนี้เป็นพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แห่งวัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 16 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระนิพนธ์ไว้แต่ปี พ.ศ. 2499 เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้ยึดถือเป็นเครื่องเตือนสติ และใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการงานตำรวจ
ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนนอนเราจะท่องอุดมคติตำรวจบทนี้ เพื่อให้มันซึมซับเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย เมื่อจบออกมาเราต้องนำอุดมคติตำรวจบทนี้มาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เราก็จะถึงฝาถึงฝั่งเกษียณอายุราชการรับบำนาญเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล
ไม่ตกหลุมตกร่อง ตกน้ำตกท่า ฟ้าผ่า ควายขวิด ชีวิตอับปาง ต้องอับอายขายขี้หน้าประชาชี
อุดมคติตำรวจ
“เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์
แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต”
ลองตอบคำถามสิครับว่า หัวหน้าแก๊ง สมุนตัวสำคัญ มารตัวจัดโผ ซ้าย – ขวา (ขาว – ดำ) สมุนลิ่วล้อ กระทำผิดอุดมคติข้อใดบทใดใน 9 บทข้างต้น
ถึงได้โดน “ฟ้าผ่า”
ขอให้น้อง ๆ ตำรวจทุกคนจงจำใส่ใจ และเอามาใช้ในการปฏิบัติงานในทุกมิติ
“ แล้วท่านจะโชคดีโดยที่พี่ไม่ต้องอวยพร” นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 31 ฝากทิ้งท้ายถึงรุ่นน้อง
เฉลย 3 บทนี้คือ
“ไม่มักมากในลาภผล”
“กระทำการด้วยปัญญา”
“รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต”
และให้น้ำหนักมากที่สุดคือ บทสุดท้าย
ขอให้น้องๆ ตำรวจทุกคนโชคดี เมื่อก้อนเมฆเคลื่อนออกและฟ้าเปิดแล้ว… ขอให้การปฏิรูปตำรวจจงสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาองค์กรตำรวจให้ดีขึ้น สร้างความยุติธรรม ความเป็นธรรม ความสงบเรียบร้อยให้สังคมให้กลับคืนมา
ตำรวจจะได้อยู่ในหัวใจ ในความรักความศรัทธาของประชาชน
ให้สมกับคำว่า “เราอยู่ไหนประชาอุ่นใจทั่วกัน”