คลิปร้อนสะท้อนอำนาจในมือใคร

ต้องยอมรับว่า หากเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน คลิปวิดีโอยังไม่แพร่หลาย โลกออนไลน์ยังไม่ว่อนกระจายความสงบสุขของสังคม

เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน “ทุ่งใหญ่”อาจเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่ง ฝังตำรวจชั้นผู้น้อย จมธรณี

ปมร้อนของคลิปด่านตรวจ

น้อยครั้งจะเห็นชาวบ้านเข้าข้างให้กำลังใจตำรวจจราจร

ไม่บ่อยครั้งที่ “ผู้นำประเทศ” จะหันมาจริงจังกับตำรวจชั้นผู้น้อย

แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “ผู้เป็นนาย” เลือก “โยนไฟ” ให้ลูกน้องเพื่อพวกพ้องของตัวเอง

กรณีคลิปฉาวขอตรวจดูใบขับขี่ที่เกิดขึ้นบริเวณด่านตรวจจราจรบนถนนสายทุ่งใหญ่-หนองดี จุดยูเทิร์นภูตะวัน หมู่ 2 เขตเทศบาล ตำบลท่ายาง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช พ่นพิษเด้ง ส.ต.ต.เอกพล จุ้ยส่องแก้ว พ้นหน้าที่งานจราจร

  สับเปลี่ยนให้มาปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจร่วมกับผู้กำกับการผลัดละ 15 วันเป็นเวลา 1   ผลัด เนื่องจากเป็น “ตำรวจใหม่” ยังไม่เข้าใจข้อปฏิบัติ และเพื่อลดความกดดันไม่ให้กระทบต่อการทำงานระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานอีก

สะท้อนความเจ็บปวดผู้น้อยที่ตั้งใจทำงานตามนโยบายผู้บังคับบัญชา

แม้ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จะออกตัวอ้างว่า พาตำรวจประจำด่านตรวจในคืนนั้นไปพบคู่ความที่เป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในวงตุลาการเพื่อขอโทษในสิ่งที่กระทำลงไป

บอกเหตุผลว่า ในการพูดคุยเพื่อเรียกขอตรวจใบขับขี่ในครั้งแรกใช้น้ำเสียงไม่สุภาพ

สุดท้ายโดนคำสั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่ตำแหน่งจราจรเพื่อศึกษาเรียนรู้งานใหม่ให้เกิดความชำนาญ

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นสังคมออนไลน์

แชร์ข้อมูลกันไม่ต่างไฟลามทุ่ง

ผู้กำกับการโรงพักทุ่งใหญ่ต้องออกมาปรามว่า อาจจะมีตำรวจบางคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และไม่เข้าใจ

ฝากถึงคนที่แชร์คลิปและวิจารณ์จนเกิดความเสียหาย

ไม่อยากให้เหตุการณ์เป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว”  

ถึงกระนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเห็นผ่าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อได้รับรายงานเบื้องต้น และทราบว่า ตำรวจปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่

นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งคู่กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม

อีกทั้งชมเชยและให้กำลังใจตำรวจชั้นผู้น้อยในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง

“ขอให้ทุกคนยึดมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควรโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ พร้อมกันนี้ยังได้ขอให้สำนักงานศาลยุติธรรม พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า บุคคลในคลิปเป็นข้าราชการศาลจริงหรือไม่ เพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่สังคม” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถ่ายทอดความเห็นของผู้นำ

เป็นบทพิสูจน์ของอำนาจที่อยู่ในมือใครจำเป็นต้องใช้เหตุผลถือมัน

อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา

 

 

RELATED ARTICLES