“ให้คิดถึงที่เราเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน”

จ้าหน้าที่การท่องเที่ยวสาวคู่ขวัญชีวานายตำรวจหนุ่มภูธรแห่งแดนที่ราบสูง

คุณเดียร์-อดิศรา สุวรรณรักษ์ สังกัดสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 กรมการท่องเที่ยว จังหวัดนครราชสีมา ภรรยา พ.ต.ท.อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 54

เกิดที่เมืองโคราชในครอบครัวธุรกิจค้าขาย จบชั้นประถมโรงเรียนวัดสระแก้ว มัธยมโรงเรียนโคราชพิทยาคม ก่อนไปต่อสาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ด้วยความที่อยากทานเกี่ยวกับการโรงแรม

ฝึกงานโรงแรมรอยัลคลิฟ บีซ พัทยา จังหวัดชลบุรี เริ่มรู้สึกว่า ไม่ใช่ตัวเอง ไม่ค่อยชอบเลยเบนเข็มมาทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เริ่มต้นที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา ก่อนย้ายมาอยู่สำนักงานทะเบียน กรมการท่องเที่ยว ในปัจจุบัน

ส่วนความรักของเธอกับสามีเริ่มต้นที่ร้านอาหารดัง “ดอกไม้กาแฟ” ใจกลางเมืองโคราช คุณเดียร์จำภาพแรกพบแม่นว่า ไปนั่งกินข้าวกับพี่สาว ฝ่ายชายให้เพื่อนผู้หญิงมาขอเบอร์ ตอนนั้นเขาเป็นรองสารวัตร รู้สึกไม่ค่อยชอบ แต่ยังไม่รู้เป็นตำรวจ เราไม่ได้ให้เบอร์มือถือ ให้เบอร์ที่ทำงาน อีกวันเขาก็โทรมาหา เริ่มโทรถี่ขึ้นเรื่อย ๆ นิสัยเขาก็ไม่ค่อยหวือหวา เป็นตำรวจที่ไม่ค่อยเหมือนตำรวจ

“มารู้เป็นตำรวจตอนหลัง เพราะน้องผู้หญิงเขาบอก เริ่มดูใจกัน คุยกันนานขึ้น แต่ไม่เหมือนว่าเขาจีบ เราก็ไม่ได้ว่าจะชอบ คุยกันธรรมดา กว่าจะนัดทานข้าวก็หลายเดือน ยอมรับว่า ตอนนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนได้ 2-3 เดือน ไม่อยากมีใคร ไม่ค่อยชอบ เพราะเข็ด แต่พอคุยกันสักพักก็เห็นนิสัยเขาเงียบ ๆ ดี  ทั้งที่เคยมองภาพตำรวจเป็นอีกแบบหนึ่ง แบบขี้เก๊กแล้วก็เจ้าชู้ด้วย เลยไม่ค่อยมั่นใจ แต่พอคุยไปเรื่อยๆ เขาก็เข้ามาแบบผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนเพื่อน อาจด้วยที่อายุเท่ากัน”

คุณเดียร์ว่า ตั้งแต่นั้นก็เริ่มลองคบกันดู แต่ยังไม่ตัดสินใจเป็นแฟน ช่วงนั้นเขาก็ต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ มาอบรม แต่เขาก็ยังมีความพยายาม กลับมาเกือบทุกอาทิตย์จะมาหาเรา พาไปทานข้าว เป็นจุดหนึ่งที่เราเห็นความตั้งใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาก็ไม่เจ้าชู้ นิสัยน่ารัก ทำให้เราชอบตรงนี้ คบกันเป็นปีกว่ายอมรับเป็นแฟนจนเขาอบรมไป 4-5 เดือน เสร็จแล้วกลับมา งานเขาก็เยอะ ด้วยความที่ไปทำงานต่างจังหวัดแทบทุกวัน คิดเหมือนกันเรื่องความปลอดภัย อะไรหลายๆ อย่าง เขาทำงานเป็นตำรวจ แต่ไม่เคยเห็นใส่ชุดตำรวจเลย ใส่แต่ชุดธรรมดา ไปทำงาน เพราะอยู่ฝ่ายสืบสวน

แต่ผลสุดท้ายทั้งคู่ลงเอยด้วยการแต่งงานทำพิธีรอดซุ้มกระบี่อย่างสมเกียรติ เจ้าสาวคนสวยเล่าว่า เป็นแฟนกันอยู่ประมาณ 4-5 ปี ถึงจะแต่งงาน ตอนแรก พ่อแม่เราไม่ชอบ ไม่อยากให้ได้แฟนเป็นตำรวจ เพราะกลัวเรื่องเจ้าชู้ กลัวว่าไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัว แล้วการใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันก็ค่อนข้างลำบาก เพราะเขาเป็นตำรวจ แต่เขาชนะใจที่นิสัย นิสัยดีมาก เรียบร้อย เอาใจใส่ครอบครัว มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะให้กับครอบครัว

ทั้งคู่แต่งงานกันนานกว่า 4 ปีถึงเกิดพยานรักเป็น  น้องข้าวตู-ญาณิศา สุวรรณรักษ์ ปัจจุบันอายุย่าง 3 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาลบวรนครราชสีมา วันคลอดเธอเล่าว่า สามีทำงานสืบสวนอยู่สูงเนิน ตามจับคนร้ายอยู่ เราก็เจ็บท้องจะคลอด น้ำเดินแล้ว รีบโทรไปบอก เพราะอยู่บ้านคนเดียว สามีบอกจะรีบกลับมา เราก็เก็บของรอ เขาก็มา แม้เวลาจะไม่ค่อยมี แต่ถ้ามีเขาจะให้ครอบครัวเต็มที่

หลังจากแต่งงานใหม่ ๆ คุณเดียร์รับว่า ตอนยังไม่มีลูกก็แฮปปี้ เรามีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงเหมือนกัน พอมีลูกก็เหมือนกับว่า มีแวบหนึ่งที่พอพ่อไม่มีเวลาให้ลูกก็เริ่มรู้สึก บางทีเราอยากพาลูกไปเที่ยว แต่เขาต้องไปทำงาน เขาก็กำลังจะโตขึ้นด้วยในหน้าที่การงาน ไปอยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งค่อนข้างคนเยอะ เช่น จากปากช่อง ไปสีคิ้ว ปริมาณงานค่อนข้างเยอะ เราก็เข้าใจ แต่ก็ยังมีที่งอนๆ เขาบ้าง

“การแก้ปัญหา คือจะกลับมาคุยกันตลอด ด้วยเหตุ ด้วยผล ไม่มีทะเลาะกันรุนแรง อาจด้วยเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ และมีเพื่อน มีพี่น้อง ไปเที่ยวกันบ้าง ตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเรื่องเวลา เพราะงานเยอะ งานเยอะจริงๆ อาจเพราะอยู่แต่ละที่ 1 ปี อาจปรับตัวไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เคยย้ายตามไปเลย ด้วยความที่มันก็ใกล้ๆ กันด้วย อยู่ที่โคราช ที่ปากช่อง และที่สีคิ้ว ก็ใกล้ และเราก็ห่วงบ้าน เพราะว่าถ้าเราไป ก็ไม่มีใครดูแล ลูกก็ยังเล็กอยู่ การจะไปไหนก็ลำบาก ก็มีพ่อ แม่ ช่วยดูแลด้วย เหนื่อยบ้าง แต่เข้าใจ”

แม่บ้านรองผู้กำกับหนุ่มบอกอีกว่า เราต้องอดทน ถามว่า มีน้อยใจไหม ก็มี แต่พอเห็นสามีเจอปัญหากับงาน มันเป็นความเป็นจริง เราก็สงสารเขามากกว่า เขายืนตากแดด อย่างสงกรานต์บางที 24 ชั่วโมง ข้าวก็ไม่ได้ทาน บางทีอาทิตย์หนึ่งกลับมา เจอกันแค่ 2-3 วัน กลับมานอน อย่างเมื่อก่อนถ้าทำงานที่อุบลฯ ก็จะห่วงเพราะไกลกัน เป็นงานสืบด้วย แต่ตอนนี้เป็นงานปราบปรามก็มีกังวลบ้าง กลับมาจะมีบาดแผลมาตลอด ตาจะบอดบ้างอะไรอย่างนี้

เธอว่า บางทีสามีกลับมาก็เอาผ้าห่มคลุมห่มปิดตัวเองไว้หมดเลย เช้ามาถึงเห็นว่า มีแผลที่ตาบ้าง ที่ขาบ้าง ตอนนั้นรู้สึกว่าจะวิ่งจับคนร้ายค้ายาเสพติด ส่วนใหญ่เขาจะไปตามตะเข็บชายแดน แถวเขมราช หมู่บ้านใหญ่ ด้วยความที่เป็นงานสืบ จะเป็นอะไรที่ชุดใหญ่จะต้องออกไป แล้วสามีจะเป็นคนที่ออกหน้าแทนลูกน้อง ไม่ชอบให้ลูกน้องออกก่อนอะไรอย่างนี้ ก็มีที่ตกหลังคาลงมาเกือบโดนใต้ตา แล้วมีครั้งหนึ่งก็คือปืนหล่นตอนวิ่งไล่จับ ก็ไปต่อยกับคนร้ายในป่า ดีที่ลูกน้องตามไปทัน

“แอบห่วงนะ ส่วนใหญ่ก็มีคนมาบอก เขาไม่ยอมเล่าว่า ไปเจออะไรมาบ้าง จะเห็นก็จากสภาพบาดแผล แต่ไม่เคยเตือนให้ย้ายสาย มีครั้งหนึ่งที่พ่อแม่ของเขาเป็นครูก็เตือน ตอนที่บาดเจ็บหนักๆ ตาจะบอด แม่บอกว่า อยากให้ออกมาเรียนด็อกเตอร์ ออกจากสายตำรวจ แต่คำพูดที่เขาพูดคำหนึ่ง คือ เขารับพระราชทานกระบี่จากในหลวง และถวายสัตย์แล้ว รักอาชีพนี้ แม่อย่าห้ามเลย เราเลยบอกว่า มันก็จริง ถ้าทุกคนคิดอยากจะอยู่ในที่ที่ดี ก็ไม่มีใครทำงาน คำพูดคำนี้เลยทำให้เรารู้สึกตื้นตัน” คุณเดียร์ระบายความรู้สึก

ส่วนหลักในการประคองชีวิตครอบครัว ภรรยาสาวนายตำรวจแนะว่า  “ต้องอดทน ใช้ชีวิตด้วยกันให้มีความสุข บางคนอยู่ไม่ได้ ของเราจะแบบว่า ให้คิดถึงที่เราเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน เราไม่เคยทะเลาะกัน มีอะไรก็จะคุยกันตรงๆ ไม่ปิดบังกัน และก็เราก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำ เขาทำอะไร แล้วก็เวลาเขากลับมาเขาก็รักครอบครัว ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะบอกว่า อาชีพตำรวจการเลิกราจะสูง จริงๆ มันก็มีแวบๆ นะ เวลาที่เราต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ตอนกลางคืนอะไรอย่างนี้ แต่ก็คิดถึงการทำงานของเขาที่ลำบาก ความคิดเราก็จะเปลี่ยนเมื่อเวลาเห็นเขากลับมาจากทำงาน”

RELATED ARTICLES