สารวัตรคอมมานโดควงหวานใจเที่ยวทะเล ภูเขา เติมพลังชีวิต

 

“ขอบคุณที่มาช่วยทำให้ชีวิตเรามีความสุข นี่เป็นคำพูดสั้นๆ แต่จริงใจที่ใช้กล่าวถึงแฟนสาวสุดที่รักของนายตำรวจหนุ่มมาดเท่อย่าง “สารวัตรปริน” พ.ต.ต.ปริญญา เอิบอาย สว.กก.ปพ.บก.ป หรือหน่วยคอมมานโด  เป็นประโยคที่เขาบรรยายภาพถ่ายคู่กับ คุณสุภาพร พัฒนะ หวานใจสุดเลิฟระหว่างพากันไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ในยามว่างเว้นจากการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

สารวัตรปริญญา ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษกองร้อยที่ 1 ของหน่วยคอมมานโด เป็นอีกหนึ่งตำรวจไทยที่ผ่านหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือมนุษย์กบ รุ่นที่ 36 หรือคำที่คุ้นหูกันดีว่า หน่วยซีล ของกองทัพเรือ ที่เหล่าทหารและตำรวจ หลายคนใฝ่ฝันที่อยากจะเข้ามาพิสูจน์ถึงความเป็นลูกผู้ชาย เพื่อวัดความสามารถของตนเอง มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถนำเครื่องหมายปลาฉลามคู่โต้คลื่นที่มีสมอและธงชาติอยู่ตรงกลางมาประดับไว้บนหน้าอก นอกจากนี้เขายังได้ผ่านหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้ายสากลของค่ายนเรศวร 261 รุ่นที่ 11 ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน นับว่าเป็นอีกหลักสูตรที่เขาสามารถคว้าเครื่องหมายมาประดับที่หน้าอกได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงผ่านหลักสูตรส่งทางอากาศ ศูนย์สงครามพิเศษของกองทัพบกรุ่นที่ 290 เพื่อมาเพิ่มศักยภาพให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น

กว่าจะมาเป็นนายตำรวจหนุ่มคนเก่งในปัจจุบัน สารวัตรปริน เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2528 เป็นบุตรคนโตของคุณพ่อประจักษ์ เอิบอาบ และคุณแม่กัลยา ป้อมใย ที่จังหวัดนครสวรรค์ เคยศึกษาระดับชั้นประถมและมัธยม ที่โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ก่อนสอบคัดเลือกเข้าสู่โรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 45  คัดเลือกเหล่าเข้าโรงเรียนนายเรือ รุ่นที่ 102 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลเรือ ต่อมาได้เลือกเหล่าตำรวจ เข้าเรียนหลักสูตรมนุษย์กบเป็นเวลา 5 เดือน จากนั้นรับราชการครั้งแรกด้วยยศ ร.ต.ต. เป็นตำรวจน้ำ ในตำแหน่ง รอง.สว.ส.รน.3.กก.9 บก.รน จังหวัดสตูล ก่อนเลื่อนยศเป็น ร.ต.ท.ด้วยการย้ายมาประจำตำแหน่ง นายช่างกลเรือ (สบ.1) ที่กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านการอบรมหลักสูตรวิชาชีพงานสอบสวนสืบสวนคดีอาญา รวมทั้งการอบรมนักเรียนนายร้อยสัญญาบัตรประกอบด้วย

นายตำรวจหนุ่มมาดเท่ย้อนอดีตว่า ในขณะเป็นตำรวจน้ำอยู่นั้น เคยสร้างตำนานเล่าขานในกองบังคับการตำรวจน้ำ ด้วยการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากบ้านพักตำรวจน้ำไปยังกองบังคับการ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ในเวลากลางคืน การกระทำในครั้งนั้นทำไปด้วยความคึกคะนอง อยากพิสูจน์ตัวเอง แต่ขณะที่ตัดสินใจว่ายไปแล้วความกลัวเริ่มครอบงำ คิดไปต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นจระเข้ หรือสัตว์น้ำมีพิษต่างๆ แม้กระทั่งผีก็เข้ามาวนเวียนในความคิด สุดท้ายก็สู้กับความกลัวในสมองตัวเองจนสามารถว่ายข้ามไปถึงจุดหมายได้สำเร็จ

จากความสามารถมากฝีมือบวกความขยันหมั่นฝึกฝนของสารวัตรปริน ส่งผลให้เขาได้มีโอกาสได้เป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย นายตำรวจหนุ่มผู้นี้ได้ทำหน้าที่เป็นนายตำรวจติดตามเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี จึงครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นสารวัตร หน่วยคอมมานโด เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2558 จนถึงทุกวันนี้

“การที่ได้เข้ารับตำแหน่งสารวัตรในหน่วยคอมมานโด ทำให้ผมมีความภาคภูมิใจมาก ได้เอาความรู้ ยุทธวิธีที่ได้ร่ำเรียนมาใช้กับงาน และนำความรู้ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมหลักสูตรต่างๆมาใช้ฝึกให้กับตำรวจในสังกัด เพื่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุด เนื่องจากเวลาหน่วยคอมมานโดเข้าปฏิบัติหน้าที่ย่อมมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้ทักษะ ความชำนาญตามยุทธวิธี สำหรับการปฏิบัติภารกิจ จะได้ปลอดภัยจากเหล่าโจรผู้ร้าย นำชีวิตกลับบ้านไปหาลูกเมีย ผมมักจะบอกกับตัวเองและผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่า ยศไม่สำคัญ เพราะเรา คือ พี่น้องและครอบครัว ที่สำคัญ คือ กำลังใจจากพี่ จากเพื่อน จากผู้บังคับบัญชา ที่ทำให้ครอบครัวคอมมานโดมีความรัก ความอบอุ่น สำหรับแรงบันดาลใจในการทำงานของผม คือ การฟังเพลงความฝันอันสูงสุด ที่เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่นเล็ก ๆ พระราชทานแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี ซึ่งเนื้อร้องท่อนหนึ่งของบทเพลงนี้ผมใช้เป็นคติประจำใจในการใช้ชีวิต ที่มีเนื้อว่า จะไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา จะไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป “ สารวัตรคอมมานโดกล่าวด้วยความภาคภูมิปนรอยยิ้ม

สำหรับกิจกรรมยามว่างหลังโหมงานหนักของหัวหน้ากองร้อยที่ 1 หน่วยคอมมานโด เขาบอกว่า ส่วนใหญ่มักจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจตามที่ท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติ ทะเล ภูเขา  และจะควงคู่ไปกับหวานใจสุดเลิฟ สถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งคู่ได้ประทับใจมากที่สุด คือ การลอดซุ้มประตูหินโค้ง ที่เกาะไข่ จังหวัดสตูล ที่ว่ากันว่า หากคู่รักลอดซุ้มนี้จะได้แต่งงานกัน หรือครองรักกันอย่างมีความสุข ที่นี่ยังเป็นจุดมุ่งหมายในการมาเยือนของคู่รักทั่วโลก คำล่ำลือที่ว่ากันนั้นเป็นผลที่ทำให้ทั้งคู่ได้แต่งงานในเร็วๆนี้

เขายังบอกอีกว่า จะควงคู่กันไปดูหนัง ฟังเพลง ทานอาหารที่ร้านบรรยากาศดีดี โพสต์รูปคู่บอกรักสุดอินเลิฟ ให้เพื่อนๆในโลกโซเชียลมีเดียอิจฉาตาร้อน จนอาจทำให้คนโสดพากันตายสนิทเลยก็ว่าได้ ซึ่งการท่องเที่ยวกับคนรักของเขานอกจากได้พักผ่อน เพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นการเติมกำลังใจได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการชาร์จแบตให้ตัวเองได้อย่างเปี่ยมล้น เป็นการใช้เวลาว่างเติมพลังใจซึ่งกันและกันได้อย่างคุ้มค่า เพราะจากหน้าที่ของเหล่าตำรวจ ทหาร ที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแล้ว หากมีเวลาว่างก็จะนำเวลาที่มีทำให้กับคนรักให้มีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อใดที่ปฏิบัติหน้าที่ก็จะถือปืนเป็นแนวหน้าปราบเหล่าร้ายให้สิ้นไป

 

 

 

RELATED ARTICLES