พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.ต.กิตติพัฒน์ ใจอารีรอบ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลัง ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร.ต.อ.ปณวัฒน์ จอกสุวรรณ รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล จับกุมตัวนายยศยงค์ หรือปลาย จันทฤทธิ์ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 888 หมู่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี บริเวณปั้มน้ำมัน พีที ตำบลโพหัก อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ 54/58 สถานีตำรวจภูธรมืองราชบุรี ลง 27 กุมภาพันธ์ 2558 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ” หมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 121/59 สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ ขังหวัดชลบุรี ลง 31 มีนาคม 2559 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนหรือรับของโจร” หมายจับศาลจังหวัดหล่มสักที่ 88/65 สถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ลง 8 เมษายน 2565 ข้อหา “ พาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่ถึง 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร”
สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น คดีหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ผู้ต้องหารับว่าเมื่อประมาณปี 2557 ได้เข้าไปบ้านเลขที่ 55/2 ซอยสุริยะวงค์ 7/6 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี ของนายวรวัช ดรุนี เกี่ยวข้องเป็นญาติเข้าไปเอาพระเครื่องจำนวนประมาณ 20 กว่าองค์ มาแล้วนำไปจำหน่าย รวมเป็นประมาณ 7,000 บาท ก่อเหตุเวลาประมาณ 15.00 น. ผู้เสียหายจึงแจ้งความจับกุมตัวผู้ต้องหา ส่วน คดีหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ผู้ต้องหารับว่าเมื่อประมาณปี 2559 ได้รับซื้อพระเครื่องหลวงปู่คร่ำ จังหวัดระยองจากนายใหม่ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เกี่ยวข้องเป็นคนรู้จักรุ่นน้อง นำมาขายให้ในราคา 800 บาท ก่อนนำไปจำหน่ายต่อให้นายเอนกในราคา 2,000 บาท ต่อทราบภายหลังว่าพระเครื่องดังกล่าวลักทรัพย์มาอีกทีหนึ่ง ขณะซื้อขายผู้ต้องหาหาไม่ทราบ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับและจับกุมตัวในที่สุด
ขณะที่คดีหมายจับศาลจังหวัดหล่มสัก ผู้ต้องหาให้การว่าเมื่อประมาณกลางปี 2564 ผู้ต้องหารู้จักกับ น.ส.แอม ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก และนัดเจอกันที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พากันไปเที่ยวเขาค้อ ต่อมามีเพศสัมพันธ์ร่วมกัน และบิดามารดาประสงค์อยากให้ผู้ต้องหาแต่งงานกัน แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอม ภายหลังมารดาบิดาผู้เสียได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ และเรียกเงินค่าเสียหายจากผู้ต้องหาเป็นจำนวนเงินประมาณ 300,000 บาท ผู้ต้องหายินยอมชดใช้เพียง 50,000 บาท และมอบไว้ให้กับผู้เสียหายแล้ว แต่เงินส่วนที่เหลือผู้ต้องหาไม่สามารถหาได้ ทางครอบครัวผู้เสียหายจึงดำเนินคดีต่อ กระทั่งถูกออกหมายจับและถูกจับกุมตัวในที่สุด
ผู้ต้องหายังหลอกลวงผู้เสียหายหลอกขายภาพหลวงพ่อกวย ทางเฟซบุ๊ก เมื่อได้รับเงินแล้วไม่ส่งภาพให้และไม่สามารถติดต่อได้ ถูกขึ้นแบลคลิสต์ในเว็บไซต์เกี่ยวกับการเช็กคนโกง หรือ blacklistseller ที่เว็บไซต์ดังกล่าวมีข้อมูลของบุคคลที่มีพฤติกรรมโกงทุกรูปแบบเพื่อเป็นข้อมูลไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนร้ายเหล่านี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เดินหน้าคามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้นักสืบ 5 G ระดมลาดตระเวนออนไลน์ สืบสวนติดตามคนร้ายที่เป็นภัยออนไลน์ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากที่ยังคงก่อเหตุต่อเนื่อง ฝากเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อในการหลอกลวงหลายรูปแบบ ขอให้ตรวจสอบทุกครั้งว่าบุคคลที่ท่านติดต่ออยู่ด้วยนั้น ในช่องทางเฟซบุ๊กหรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ เป็นมิจฉาชีพหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนร้ายเหล่านี้
