ที่สถานีตำรวจภูธรหนองแสง จังหวัดอุดรกธานี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเป็นประธานเปิดอาคารที่ทำการสถานีตำรวหลังใหม่ มี พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พ.ต.อ.จักรทิพย์ กูลพฤกษี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองแสง พร้อมแขกผู้เกียรติเข้าร่วม ขึ้นแท่นรับความเคารพและตรวจแถวกองเกียรติยศ มอบสิ่งของบำรุงขวัญ แก่ตำรวจ สภ.หนองแสง และหน่วยตำรวจในพื้นที่ มอบใบประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนกิจการงานตำรวจ และทำพิธีเปิดอาคาร กดปุ่มเปิดผ้าแพรคลุมป้ายชื่ออาคารที่ทำการโรวงพักและตรวจเยี่ยมภายในอาคาร
สำหรับสถานีตำรวจภูธรหนองแสงแห่งใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างทดแทนอาคารเก่าที่สร้างมาแล้วกว่า 42 ปี รองรับภารกิจดูแลประชาชนในพื้นที่ 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชากร 27,176 คน มีตำรวจทั้งสิ้น 60 นาย ทั้งนี้ สถานีตำรวจแห่งใหม่จะรองรับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจยุคใหม่ ทั้งการอำนวยความยุติธรรม ให้บริการประชาชน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันทุกมิติ
ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะเดินทางมาตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เพื่ออำลาหน่วย และให้โอวาทตำรวจ กล่าวขอบคุณและชมเชยการปฏิบัติงานของตำรวจภูธรภาค 4 ในห้วงที่ผ่านมา ที่ได้ปฏิบัติตามนโยบาย ร่วมกันดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ โครงการนาคาพิทักษ์ที่ค้นหาและแก้ไขปัญหาผู้ป่วยจิตเวช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเป็นต้นแบบแนวทางแก่พื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ มีผลการประเมินตามโครงการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชนที่ดี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ลำดับคะแนนเป็นต้นๆในภาพรวมของประเทศ งานจราจรตำรวจภูธรภาค 4 มีการปฏิบัติที่ดีทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวกการจราจรในเทศกาล การป้องกันและลดอุบัติเหตุในพื้นที่ได้อันดับสองของประเทศขอให้รักษามาตรฐานการทำงาน เพื่อดูแลประชาชน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เน้นย้ำการป้องกันยาเสพติดให้มุ่งแก้ไขปัญยาเสพติดทุกมิติ โดยเฉพาะการสร้างชุมชนยั่งยืน ทำชุมชนเข้มแข็ง เข้าไปในชุมชน ค้นหาผู้ป่วยผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง บูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อร่วมแก้ปัญหา มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือสำคัญในงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ต้องแสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาชนในพื้นที่ และตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีการใช้อุปกรณ์ไม้ง่าม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าดำเนินการได้ดี
“ขอทุกคนให้ความสำคัญกับการรับแจ้งความออนไลน์ มุ่งปราบปรามจับกุมบัญชีม้าซิมม้า เมื่อจับกุมให้มีการสืบสวนขยายผลติดตามยึดทรัพย์กลุ่มขบวนการที่ทำผิด หลังจากที่มีการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พุทธศักราช 2566 มาเป็นเครื่องใช้เครื่องมือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ คดีก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขอให้ตำรวจคงความเข้มในการดำเนินการ ทั้งมิติการปราบปราม การป้องกัน สร้างครูไซเบอร์ แสวงหาความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาคดีออนไลน์ให้ลงลงต่อเนื่อง”
ผู้บํญขาการตำรวจแห่งชาติยังฝากข้อคิดการทำงานให้ตำรวจว่า ต้องทำงานเชิงรุก มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน มุ่งหมั่นพัฒนาตนเองให้เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก โดยศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ หมั่นทบทวนยุทธวิธี วางแผนการทำงาน ทบทวน ประเมินการปฏิบัติ แสวงหาความร่วมมือ สื่อสารทำความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดที่ตำรวจพึงมี คือ ทัศนคติเชิงบวกมุ่งมั่นปฏิบัติงานโดยมีประชาชนเป็นที่ตั้ง มีความเสียสละ สามัคคี อุทิศให้ส่วนรวม เมื่อเรามีทัศนคติที่ดีแล้ว จะเป็นแรงผลักในการทำงาน ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่คิดว่างานในหน้าที่คือภาระ ไม่บ่น ไม่ย่อท้อ แต่จะเห็นว่าอาชีพตำรวจเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ช่วยเหลือประชาชน เปรียบเสมือนการทำบุญ ทำความดีในทุกวัน
หลังมอบนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร รุ่น “ตร.108 ปี” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดสร้างขึ้นให้ตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมมอบเหรียญอาร์ม พระพุทธโสธร ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจาากนั้นเดินทางไปบรรยายพิเศษ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสัญจร ประจำปี 2566 ครั้งที่ 5 จังหวัดนครพนม มี นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำภาคธุกิจ หอการค้าไทยทุกจังหวัด ผู้ประกอบการเข้าร่วมฟัง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวถึงความสำคัญของเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ หลังที่ปราบปรามภัยออนไลน์มาต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถดำเนินการให้หมดไปได้ จึงจำเป็นที่ต้องอาศัยความร่วมมมือทุกภาคส่วน สร้างภูมิคุ้มกัน (วัคซีนไซเบอร์) ให้รู้เท่าทันภัยกลโกงรูปแบบต่างๆ มีการทำข้อสอบวัคซีนไซเบอร์ และ ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ดำเนินการมาต่อเนื่อง ประกอบกับ การผลักดัน พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลย พุทธศักราชการ 2566 มาเป็นเครื่องใช้เครื่องมือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้ฝากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นอกจากสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง ให้ช่วยขยายความรู้วัคซีนไซเบอร์ไปสู่ประชาชนให้ทั่วถึงมากที่สุด เพื่อร่วมกันป้องกันภัยออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทย
