เจ้าสำนักชั่วคราว

 

กลายเป็นรองแม่ทัพอาวุโสสูงสุดที่ถูกเลือกมานั่งรักษาการแทนผู้นำ

ภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดเพื่อ “สยบศึก” ที่ถูกปั่นกระแสเป็น “ความขัดแย้ง” ในองค์กรสีกากี หยิบเอา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน

ตั้งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไป “ขัดตาทัพ” แทน

รับภารกิจสำคัญสร้างความสามัคคีในหน่วยตอกย้ำจิตสำนึกให้เป็นตำรวจของประชาชน

แม้เรื่องราวที่ผ่านมาเกิดจากคณะสืบสวนสอบสวนยุค พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ กุมบังเหียนคลำเส้นเงินสีเทาจากบ่อนพนันออนไลน์โยงถึงตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับพวกกระทำความผิด “ฟอกเงิน”

แต่มีความพยายามเรียกร้องของความเป็นธรรมอ้างเบื้องหน้าเบื้องหลังเกิดจากขบวนการ “ดิสเครดิต” ปัดแข้งปัดขาไม่ให้ขึ้นเป็น  “แคนดิแดต” ผู้นำคนต่อไป โยนไฟใส่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กำกับฉาก “สกัดดาวรุ่ง” ทำเปลวเพลิงลามท่วมทุ่งปทุมวัน

จัดแจงส่ง “เบี้ย” เอาไปแลกโค่น “ขุน” ได้สำเร็จ

บ็ดเสร็จอำนาจทางการเมืองกลับเข้ามาครอบงำสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง

การมาของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ไม่ได้การันตีว่าจะได้สิทธิผงาดเป็นแม่ทัพคนที่ 15 คนต่อไป เนื่องจากต้องพิสูจน์ฝีมือความสามารถให้ “ผู้มีอำนาจตัวจริง” พิจารณาความส่งต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เสนอชื่อผู้เหมาะสมตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับปี 2565

ช่วงนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 ลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงต้องทำแต้มเรียกคะแนนในบทรักษาการ “เจ้าสำนักชั่วคราว”

มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 เป็นมือทำงานช่วยขับเคลื่อนหน่วย ประเดิมลงสางข้อเท็จจริงอภิมหาบ่อนการพนันหมู่บ้านพระปิ่น 3 อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรีที่ถูกเฉพาะกิจกรมการปกครอง “บุกตีท้ายครัว” รวบผีพนัน 327 ชีวิต เงินสดของกลาง 5 ล้านกว่าบาท ชิปแลกเงินอีก 300 กว่าล้านบาท

ก่อนสะบัดปากกาเชือด พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เข้าไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติไม่มีกำหนดเวลาเป็น “นายพลคนแรก” ที่เจอพิษน้ำหมึกของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร

แถม “เล่นบทดุ”ด้วยคำประกาศิตเป็น “กฎเหล็ก” คาดโทษเอาผิดผู้รับชอบหาถูก “นอกหน่วย” ข้ามมาจับกุมบ่อนพนัน

“พื้นที่ใดถูกจับบ่อนการพนันตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป หัวหน้าสถานีต้องรับผิดชอบ ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ผู้บังคับการต้องรับผิดชอบ ถ้า 100 คนขึ้นไปผู้บัญชาการต้องรับผิดชอบ”

นายพลตำรวจสายบุ๋นคุมงานบริหารจำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิกมาเล่นบทบู๊ ครบกำหนดเกษียณอายุราชการปี 2569  เดิมชื่อ “ทศพร พันธุ์เพ็ชร” สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 เริ่มต้นเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองระยอง เคยทำหน้าที่สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ต่อมาเป็นนายเวรผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้ช่วยนายเวรผู้ช่วยผู้บัญชการตำรวจสันติบาล ผู้ช่วยนายเวรผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นนายเวร พล.ต.ท.ธวัชชัย ภัยลี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วลงเป็นรองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม

เป็นผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

ขึ้นเป็นเลขานุการตำรวจแห่งชาติ โยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 เป็นรองจเรตำรวจ รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เลื่อนขึ้นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่ที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย) แล้วได้รับความไว้วางใจนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ปีเดียวขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เที่ยวนี้จะได้เป็นคู่แคนดิเดตชิงเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” อีกรอบ

 

RELATED ARTICLES