อดีตนายตำรวจวัยเกษียณท่านหนึ่งตั้ง “ปุจฉา” มาว่า คดีในมือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ขาดอายุความ
เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไม่มีความผิดใช่ไหม
ไม่เหมือนกับตำรวจ หรืออัยการที่ต้องโดนมาตรา 157 กับโทษทางวินัย
ออกกฎหมาย-ระเบียบมาครั้งแรกเป็นอย่างไรไม่ทราบถึงเป็นเช่นนั้น
อยากให้แสวงหาข้อเท็จจริงมาเผยแพร่ความรู้ได้ หรือฝากถามความเห็น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เนื่องจากปัจจุบัน คดีในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทยอย “ขาดอายุความ” ปีละมากมาย
ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่จะเลือกหยิบเฉพาะคดีที่คิดว่า ผู้ถูกกล่าวหา “ต้องวิ่งเต้น” และก้ำกึ่ง (ออกหน้าไหนก็ได้) ขึ้นมาทำ
เพื่อเปิดช่องให้ผู้ต้องหาวิ่งเต้น
หากอยู่ในมือตำรวจ อัยการจะมีความผิดแน่นอน
แต่บางครั้งอัยการจะชั้นเชิงสูง “กันตัวเอง” เอาขี้ใส่มือตำรวจ (พนักงานสอบสวน)
ตัวอยากเช่น คดีบอสกระทิงแดง ข้อหา (อะไรนะ..น่าจะเมาแล้วขับ-จำไม่ได้) ที่ขาดอายุความไปก่อน
อัยการอ้างว่า แยกฟ้องไม่ได้ เพราะไม่ได้ตัวมาฟ้อง
เนื่องจากตำรวจไม่จับตัวมาให้
เรื่องนี้หาก “ไร้ใบสั่ง” ถ้าตำรวจอยากได้ตัว บอสกระทิงแดงจริง ๆ ไม่ยาก เพราะมักจะไปปรากฏตัวทุกสนามการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ตามประสาคนชอบความเร็ว ถึงจะมีคนสงสัยว่าเจ้าหนุ่มทายาทตระกูลดังศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงโฉมไปแล้วก็ตาม
ให้สังเกตบอร์ดี้การ์ดใหญ่ล่ำยังเป็นทีมเดิม
กระนั้น “รอยแยก” คดีระหว่างตำรวจกับอัยการหลายเรื่องถูกกระเด็นใส่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคราบของ “องค์กรอิสระ” ดูหน้าเชื่อถือ
ก่อนอาศัยเทคนิคทางด้านกฎหมายอ้างพยานหลักฐานรับฟังไม่พอต้อง “ยุติเรื่อง”
เลวร้ายที่สุด “ดองจนขาดอายุความ” มีให้เห็นมาเยอะแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดต้องรับผิดจากการใช้เล่ห์เหลี่ยม “ตาชั่ง” ของหน่วยตัวเองด้วย
ไม่แปลกที่ทำไมทีมกฎหมาย “ค่ายหวานเจี๊ยบ” จะพยายามปั่นกระแสให้นำสำนวนคดีสำคัญเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
กล้าแม้กระทั่งประกาศตัวยอมรับรู้จักสนิทสนมคนวงในด้วย