เพิ่งตาสว่างหรือยังคลำทางมั่ว

ภารกิจผ่าตัดร่างองค์กรตำรวจอวดภูมินักกฎหมาย และเหล่านักวิชาการ “นอกรั้วสีกากี” ไม่รู้จะดีแค่ไหน

หรือต้องการทำเพื่อความสะใจ ทั้งที่ในมือไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรในการขยี้โครงสร้างผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในครั้งนี้

เหมือนที่คณะทำงานชุดใหม่ (ล่าสุด) ของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่พลาด “แบไต๋” ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อ “ปฏิรูปตำรวจตรงสู่โรงพัก” ด้วยการใช้เวลาพักการประชุมไปสุ่มเยี่ยมเยียนสถานีตำรวจภูธร 5 แห่ง โดยไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า

แต่ไม่ยอมบอกในที่ประชุมว่าเป็นโรงพักไหน

มือกฎหมายระดับประเทศที่มีส่วนร่างรัฐธรรมนูญภายหลังถูกฉีกขาดสะบั้นมาหลายยุค เช็ดแว่นจน “ตาสว่าง”หรืออย่างไร ถึงเพิ่งรู้ “ความอนาถา” ของตำรวจโรงพักภูธรหัวใจหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนจิตวิญญาณความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เป็นสภาพความไม่พร้อมและความขาดแคลนที่ตำรวจชั้นผู้น้อยบนโรงพักกำลังเผชิญอยู่

“โรงพักเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แต่โรงพักบางแห่งที่ผมไปเห็นมากลับอนาถาที่สุด ทุกอย่างที่จำเป็นกับการปฏิบัติหน้าที่ล้วนไม่พอเพียง ต้องซื้อหากันเอง ตั้งแต่กระดาษ ปากกา ดินสอ รวมทั้งปืนคู่มือ ถามว่าหลวงไม่มีให้หรือ เขาตอบว่ามี แต่เก่าคร่ำคร่ามาก และที่น่าเวทนามากคือตั้งแต่ย้ายเข้ามารับตำแหน่ง ก็ต้องซื้อโต๊ะเก้าอี้เอง ซื้อแอร์ติดห้องเอง เพราะคนเก่าที่ย้ายออกไปเขาย้ายเอาติดตัวไปยังที่ใหม่ เพราะก็เป็นของที่เขาซื้อหาเองมาก่อนเมื่อครั้งย้ายเข้ามา คนที่โชคดีหน่อยก็คือคนที่ย้ายเข้ามาแล้ว คนเก่าเขาทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ไม่เอาติดตัวไปที่ใหม่…” นายมีชัยขยายความในสิ่งที่ได้ข้อมูลมา

เหล่าคณะกรรมการผ่าโครงสร้างตำรวจต่างอวดภูมิทันทีว่า ตำรวจเริ่มต้นรับตำแหน่งก็มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นรออยู่แล้ว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดมีผู้ปรารถนาดีเข้ามามีส่วนช่วยออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หลายกรณีที่ผู้ปรารถนาดีเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา

มีการรับรู้กันเป็นการภายในเชิงแบ่งเกรดสถานีตำรวจเป็น เอ บี ซี ดี ตามลักษณะในการสนับสนุนจากผู้ปรารถนาดีในแต่ละพื้นที่นั้น

ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวาง ก่อนเห็นพ้องต้องกันว่า ในการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้ต้องพุ่งเป้าไปที่ การขจัดสภาพอนาถาในระดับโรงพักให้มากที่สุด แต่ไม่ใช่ด้วยการเพิ่มงบประมาณแผ่นดินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พวกเขาเสนอกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องบริหารจัดการงบประมาณเท่าที่ได้รับจัดสรรมาโดยคำนึงถึงความพร้อมในการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจเป็นลำดับแรก

กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและสถานีตำรวจภูธรต้องมีงบประมาณและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอ อีกทั้งเพิ่มหน้าที่และอำนาจความรับผิดชอบของนายตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับผู้บัญชาการให้มี“การบริหารงบประมาณ” ด้วย

กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมด้านรายได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นนั้นในบางส่วนงาน มีหลักให้งบประมาณสนับสนุนตรงไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่

เสมือนเป็นการบ้านที่วนไปวนมาไม่ได้พัฒนาไปไหน

     แล้วจะฝากผีฝากไข้ได้อย่างไรเมื่อหมอยังมัวนั่งวินิจฉัยโรคแบบเดาสุ่ม !!!

RELATED ARTICLES