ไม่รู้จะรำกันอีกนานขนาดไหนบนเวทีเดินหน้าปฏิรูปตำรวจ
หลังจาก นายมีชัย ฤขพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ขยำทิ้งแผนปฏิรูปฉบับเกรงใจตำรวจของ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ทิ้งแล้วตั้งคณะทำงานผ่าตัดใหม่
ล่าสุดเริ่มออกฉากประเด็นหัวใจสำคัญในการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน
ระบุถึงความหมายของสายงานสอบสวน ได้แก่ งานเกี่ยวกับการสอบสวน และงานสืบสวนที่เกี่ยวเนื่องกับการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายว่าด้วยการสอบสวน และกฎหมายอื่น
ส่วนงานสืบสวนทั่วไปเพื่อป้องกันอาชญากรรมจะจับไปอยู่รวมในสายงานป้องกันและปราบปราม
ปรับแก้ชื่อตำแหน่งในสายงานสอบสวนไว้ในทุกระดับ และเพิ่มตำแหน่งพนักงานสืบสวนในสายงานสอบสวนไว้
ภายใต้ชื่อ “พนักงานสืบสวนในการสอบสวน”
เมื่อเริ่มบรรจุเข้ารับราชการชั้นสัญญาบัตรในสายงานสอบสวนตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวนจะมีโอกาสเติบโตในสายงานขึ้นไปตามลำดับจนถึงระดับผู้บัญชาการ
แถมยังมีสิทธิเป็น “แคนดิเดต” นั่งเก้าอี้ผู้นำสูงสุด
ถึงกระนั้นก็ตาม ตั้งแต่ยุบทุบทำลายแท่งพนักงานสอบสวน ดูเหมือนระบบ “ต้นธาร”แห่งกระบวนการยุติธรรมจะสั่นคลอนขึ้นทุกที
เกิดวิกฤติขาดแคลนพนักงานสอบสวนที่ต้องมาทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น
ทั้งที่งานสอบสวนเป็นหลักประกันความยุติธรรมเดียวที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ กลับไม่มีหลักประกันความก้าวหน้า
เป็นวิชาชีพเฉพาะทางที่ต้องอาศัยความรู้ด้านกฎหมายตามหลักนิติศาสตร์ อาชญาวิทยา และมนุษย์สัมพันธ์สะสมประสบการณ์เพื่อสร้างความชำนาญ
ว่ากันว่า การประเมินเลื่อนขั้นแบบสายวิทยาการ (สบ 1 2 3) เป็นการประกันความก้าวหน้าโดยผลงาน และสร้างแรงจูงใจในการทำงาน
แต่ปัจจุบันพนักงานสอบสวนกลับโดนลอยแพ
แทบทุกกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาคและกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีตำแหน่ง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลับไม่มีงานให้ทำ ทำหลายคนมีความคิดอยากหนีออกจากงานสอบสวน เลวร้ายถึงขั้นต้องการไขก๊อกจากอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ขณะที่ที่จังหวัดพัทลุง มีการตบเท้ายื่น “หนังสือลาออก” จำนวนไม่น้อยจนน่าตกใจนับ 10 นาย อาทิ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง สถานีตำรวจภูธรปากพะยูน สถานีตำรวจภูธรศรีนครินทร์
สาเหตุสำคัญมาจากงานล้นมือจนไม่มีเวลาพักผ่อน เกิดอาการเครียดจากการทำงาน บางคนต้องพบแพทย์เพื่อรักษาสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
ทิ้งให้พนักงานสอบสวนที่เหลือแบกภาระสำนวนคดีแทน
ส่ง สัญญาณวิกฤติ ในสายงานสอบสวนที่กำลังส่อแววลุกลามไปทั่วประเทศ
พวกเขาไม่อยากอยู่รอลมปาก “นักกฎหมาย-นักวิชาเกิน” ที่มัวเดินออกแขกวนไปวนมา
ถึงเวลาย่ำอยู่จุดเดิม !!!