“คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ มีความสำคัญสำหรับตำรวจสายตรวจ-สายสืบ ทุกนาย” พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีว่า
เจ้าตัวทำได้แค่ความรับผิดชอบ แค่ขวัญและกำลังใจ
“วันนี้โชคดีแล้วครับ ทำงานกันต่อไป” นายพลหนุ่มย้ำ หลังจากเดินทางไปร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ในคดี ส.ต.ท.ไพสิฐ อ่อนสองชั้น ผู้บังคับหมู่ สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ นายอัสนีชัยพล เจริญวินิจ อายุ 30 ปี ที่ถือมีดบุกขึ้นมาบนโรงพักเสียชีวิต
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2558
ชั้นต้นศาลพิพากษาให้จำคุก 4 ปี และศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 2 ปี เนื่องจากพิเคาะห์แล้วเห็นว่า ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
ศาลฎีกาให้เหตุผลว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นสถานีตำรวจ ตำรวจใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเกิดเหตุจำเลยไม่มีทางเลือกอย่างอื่นที่จะป้องกันภยันตรายที่ใกล้ถึงตัวจำเป็นต้องกระทำไป
พิพากษายกฟ้อง ส.ต.ท.ไพสิฐ อ่อนสองชั้น
ทันทีที่ออกจากบัลลังก์ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร เข้าสวมกอดให้กำลังใจแก่ลูกน้อง เช่นเดียวกับเพื่อนข้าราชการตำรวจผู้ร่วมงาน
“เขาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายครับ แต่เราก็เสียใจกับครอบครัวผู้ตาย และจะหาวิธีการช่วยเหลือต่อไป” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีระบายความในใจ
“ขอให้เพื่อนข้าราชการตำรวจศึกษากรณีนี้ไว้ งดวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็น เป็นความซาบซึ้งในกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเราจะตั้งใจทำงานและปฏิบัติหน้าที่ต่อไปครับ”
ขณะที่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นชี้ให้เห็นว่า ศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้อง ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับที่ฝ่ายตำรวจภูธรภาค 1 เคยสั่งไม่ฟ้องไป เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นสถานีตำรวจอันเป็นสถานที่ราชการ ผู้ตายอยู่ในอาการมึนเมา ไม่ได้ไปแจ้งความ แต่ตั้งใจไปก่อเหตุโดยพกมีดยาวประมาณ 1 ฟุตซ้อนจักรยานต์รับจ้างมา
พูดกับจักรยานยนต์รับจ้างว่า “จะมาหาทำร้ายตำรวจที่โรงพัก”
ร้องท้าอาละวาดอยู่พักใหญ่
มีตำรวจออกมาไล่ถึงสองครั้ง ยังไม่ยอมกลับออกไป มิหนำซ้ำกลับบุกเข้าไปในห้องสายสืบซึ่งเป็นห้องส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการปฏิบัติราชการและเหตุเกิดในยามวิกาล เข้าแทงทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในระยะกระชั้นชิดตรงบริเวณประตูห้อง
เป็นทางเข้าออกทางเดียวในระยะประมาณ 1 เมตรจึงเป็นภยันตรายเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ไม่สามารถหลบหลีก หลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นใดได้ ถ้าได้กระทำตอบโต้ไปพอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันตนหรือผู้อื่น ให้พ้นจากภยันตรายดังกล่าว…….(แต่ต้องมิใช่เป็นภยันตรายที่ตนร่วมก่อขึ้นด้วย)
การกระทำเช่นว่านั้นจะไม่เป็นความผิด ตามกฎหมายประมวลอาญา มาตรา 68
“ขอได้ใช้กรณีนี้เป็นบทเรียน เป็นกรณีศึกษาว่าเมื่อเกิดเหตุขึ้นไม่ว่าจะเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายหรือไม่ การพิสูจน์ความบริสุทธิ์จำต้องใช้เวลา ต้องใช้ความพยายาม อดทน ลำบาก เพียงใด เพื่อประกอบการตัดสินใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย” พล.ต.ท.อำนวยบรรยายในเฟซบุ๊กส่วนตัว
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ผู้บังคับบัญชาปัจจุบันที่ให้ความสำคัญ สนใจติดต่อติดตามให้กำลังใจลูกน้องตลอดมา
พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รักษาการผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ในขณะนั้น พ.ต.อ.นิตินันท์ อ่อนเปรี้ยว กับพวกพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวที่ร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความบริสุทธิ์ของลูกน้องผู้ปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถจนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ในวันนี้
“ขอให้น้องๆ ลูกน้องทุกคนโชคดี มีขวัญ กำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทิ้งท้าย
“ขวัญและกำลังใจ เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่กำลังพลต้องการ”
พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ฝากคมคิดไว้ด้วยเช่นกัน