ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ลุกขึ้นมาขออนุญาตชี้แจง ภายหลัง นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายในนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศพาดพิงไปถึง กระบวนการผ่าตัดตำรวจ ที่เป็น “หมัน” พังคามืออำนาจรัฐบาลสมัยที่แล้ว

“ จากนี้เป็นต้นไปผมจะเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะดำเนินการปฏิรูปตำรวจให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดเสียงดังฟังชัด

ถึงกระนั้นผู้สันทัดเจนจัดสนามข่าวการเมืองได้ตีความออกไปสองแง่สองง่าม

คำว่า “รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วนับตั้งแต่องค์กรโล่เงินระหกระเหินเปลี่ยนนายใหม่จากขึ้นตรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นนายกรัฐมนตรี

เปลี่ยนบริบทจาก “กรมตำรวจ” ขยับขึ้นเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

เปลี่ยนตำแหน่งผู้นำหน่วยจาก “อธิบดีกรมตำรวจ” ไต่ระดับขั้นราชการเทียบเท่าปลัดกระทรวงเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2541 มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น อธิบดีกรมตำรวจคนสุดท้าย และเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนแรก ในประวัติศาสตร์สำนักปทุมวัน

เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังแทงกั๊ก

ไม่ได้เอ่ยรับปากว่า “จะเป็นคนคุมตำรวจเอง”

หรือเจ้าตัวจะรับผิดชอบแค่งานด้านปฏิรูปตำรวจที่ยังคั่งค้างไม่สะเด็ดน้ำ หลังจากร่างคณะทำงานของ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ตกกระป๋องเป็น “ฉบับเกรงใจตำรวจ” ผ่องถ่ายให้คณะทำงานของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เอาไปสานฝัน “ปั่น” ที่หวังจะ “ปั้น” ต้นแบบองค์กรตำรวจฉบับนักวิชาการนักกฎหมายนอกรั้ว “ยำมั่ว” ไม่ฟังความเห็นคนในชายคาสีเลือดหมู

สุดท้ายถูกพับเก็บไม่สำเร็จตามเงื่อนเวลา

ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของ “รัฐบาลปริ่มน้ำ” ไร้อำนาจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขาดดาบอาญาสิทธิตาม คำสั่งมาตรา 44 กำลังเป็นที่จับตาของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และครอบครัวเกินกว่าสองแสนชีวิต

ทันทีที่เขาประกาศกลางที่ประชุมแถลงนโยบายต่อสมาชิกรัฐสภายืนยันจะรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้คำมั่นจะดำเนินการปฏิรูปตำรวจให้เกิดความชัดเจน

“ทั้งนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนด้วย ทั้งเรื่องการปฏิรูปองค์กร บุคลากร วิธีการปฏิบัติงาน ที่มาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นต้นทางระบบยุติธรรมซึ่งมาจากตำรวจ อัยการ และศาล โดยทั้งหมดจะต้องสอดคล้องกัน เพราะปฏิรูปตำรวจอย่างเดียวคงไม่พอ เป็นเรื่องที่ต้องหารือดำเนินการได้โดยเร็ว” นายกรัฐมนตรีชี้แจง

“ผมยืนยันว่าผมจะทำทุกอย่างให้ทำดีที่สุด ให้ตำรวจได้รับความไว้วางใจให้มากที่สุด ประชาชนมีความรู้สึกอุ่นใจ ไม่อย่างนั้นความขัดแย้งก็เกิดขึ้นสูงมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำถูกหรือผิดเจ้าหน้าที่ก็มักเป็นจำเลยเสมอ ก็ต้องทำให้เกิดความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย”

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หาญกล้าหัก “พี่ใหญ่ค่ายบูรพาพยัคฆ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ให้เกาะกระแสบรรดา “เหลือบไร” ชักแถวปฏิบัติการ “หมาตาย” แปลงกายเป็น “เห็บ” กระโดดเปลี่ยนเกาะขั้วอำนาจใหม่  

RELATED ARTICLES