ปลาเน่าตัวเดียว

เมื่อโลกออนไลน์เป็นโรคร้ายที่ไร้พรมแดน

ตำรวจต้องปรับตัวเพื่อรับมือ “สงครามไซเบอร์” ทันทีที่เผชิญปัญหากระทบกระเทือนต่อภาพลบขององค์กรสะท้อนต้นทุนต่ำในสายตาของประชาชน

โดยเฉพาะตำรวจหน่วยหัวปิงปองตามท้องถนน

“ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง” แฮชแท็กของดาราสาวคนดังผ่านอินตาแกรมเป็นอีกตัวอย่างในหน้าต่างความคิดที่มีต่อการเผชิญหน้าตำรวจจราจร

สังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ย่อมคล้อยไปตามความเห็นของเธอถึงเรื่องราวไม่ต่างจากโลกในละครที่มีพระเอก นางเอก และผู้ร้าย

ตอนสุดท้าย “วายร้าย” ไม่พ้นผู้รักษากฎหมาย

“ด้วยความไม่รู้ทาง วันนี้ต้องขับรถเองเพื่อเอารถไปเข้าฉาก ขับผิดเลนแล้วหักออก ถูกตำรวจจับ ยอมรับมันคือ สิ่งถูกต้องสำหรับการผิดกฎ” เธอพยายามอธิบายเรื่องราวยาวเหยียด

ก่อนทิ้งประโยคกระแทกหัวใจคนสีกากี

“มั น  คื อ เ รื่ อ ง จ ริ ง ตำรวจดี ๆ ก้อมีเยอะ แต่คนเกลียดตำรวจมันก้อไม่ต่างกับสุภาษิตไทย ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง”

คำว่า “ปลาเน่าตัวเดียว” จุดชนวนให้ต้องพิสูจน์ความจริงว่าเหม็นอย่างที่ดาราสาวกล่าวอ้างหรือไม่ แม้ไม่ได้ระบุสถานที่จับกุม ไม่ได้บอกถึงหน่วยงานที่เรียกตรวจ

ผ่านประเด็นร้อนไปค่อนวัน ทีมปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของ กองบังคับการตำรวจจราจร ก็ได้คำตอบปรากฏข้อเท็จจริงสู่สาธารณชนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

ระบุข้อมูลเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันที่ 21 ตุลาคม 2562  ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก (รหัส 5513) ผู้บังคับหมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี/รังสิต กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร ได้ยืนปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าทางด้านคู่ขนาน บริเวณพื้นที่ปลอดภัยระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตและเส้นเบี่ยงจากทางคู่ขนานที่จะมุ่งไปหน้าทางรัชโยธิน หน้าโรงเรียนนานาชาติ เซนสตรีเฟรน์

ต่อมาเวลา ประมาณ 07.14 น. ได้มีรถยนต์ ยี่ห้อ มาเซราติ สีเทา หมายเลขทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร ขับขี่มาจากทางด้านแยกบางเขน ใช้ช่องทางคู่ขนานมาตลอดเพื่อมุ่งหน้าจะไปแยกลาดพร้าว

กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ จึงได้สัญญาณมือให้หยุดรถ เนื่องด้วยผู้ขับขี่ได้ฝ่าฝืนเครื่องหมายบนทาง เป็นการขับขี่ในลักษณะเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน เดินรถโดยฝ่าฝืนเส้นทึบบนทาง

เมื่อผู้ขับขี่ได้หยุดรถ จึงขอตรวจสอบใบอนุญาตใบขับขี่ ผู้ขับขี่ได้แจ้งว่า มิได้พกติดตัวมา และได้ยื่นบัตรประชาชนให้ ทราบว่า ชื่อ น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาให้ทราบว่า ผู้ขับขี่ มีความผิดในข้างต้น

ขณะที่กำลังบันทึกข้อมูลในใบสั่งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินตรวจสอบรอบตัวรถก็ยังไม่ทราบว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถยี่ห้ออะไร จึงได้สอบถามผู้ขับขี่ แต่เจ้าหน้าที่สะกดไม่ถูกถึงเดินไปดูข้อมูลดังกล่าวที่แผ่นป้ายวงกลมการชำระภาษีประจำปี

ปรากฏว่า รถคันดังกล่าวยังไม่ได้ชำระภาษีประจำปี มีการเพิ่มข้อหา “นำรถยนต์ที่ยังไม่ได้ชำระภาษีมาใช้ในทาง” อีกหนึ่งข้อหาลงในใบสั่ง

เมื่อเขียนเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งใบสั่งดังกล่าวให้ผู้ขับขี่ไป

หลังจากนั้น ผู้ขับขี่ได้ขับออกไปจากที่เกิดเหตุ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับ บันทึกข้อมูลลงใน ระบบ PTM ปรากฏว่า ในระบบแจ้งว่า รถคันดังกล่าวหมายเลขทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร เป็นรถยี่ห้อ BMW รุ่น 740Le xDrive pure excellence สีเทา ประกอบกับการตรวจสอบข้อมูลกับระบบ polis อีกครั้ง มีข้อมูลยืนยันตรงกัน

น่าเชื่อว่า ผู้ขับขี่ได้นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ทางโดยไม่ได้รับอนุญาต

อนึ่ง ข้อมูลจากเพจยืนยันว่า ในขณะที่เจ้าที่หน้ากำลังปฏิบัติหน้าที่และในระหว่างสนทนากับผู้ขับขี่นั้น มิได้มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด

โอละพ่อกลับตาลปัตรหรือเปล่า

ไม่นานน่าจะรู้ว่าชีวิตจริงเป็นมากกว่านิยาย

 

RELATED ARTICLES