ได้รับการเสนอชื่อขึ้นนั่งเก้าอี้ “นายกสมาคมตำรวจคนใหม่” แบบไม่มีคู่แข่งแทน พล.ต.อ.สุวรรณ สุวรรณเวโช
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลายเป็นนายกสมาคมตำรวจคนที่ 5 นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรมาเมื่อปี 2540 ท่ามกลางความคาดหวังจะดึงชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของสมาคมตำรวจคืนกลับมาอีกครั้ง
เสมือนเป็นกระบอกเสียงช่วยทวง “ความเป็นธรรม” ให้แก่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่โดนรังแก อีกทั้งประกาศเกียรติคุณเชิดชูคุณความดีของบรรดาชาวสีกากีที่มีผลงานดีเด่น เสียสละทำงานเพื่อประชาชน
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 16 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 เจ้าของรางวัลเกียรติยศจักรดาวประจำปี 2557 สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ
เขาเป็นชาวแปดริ้ว เกิดอำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 บรรจุเป็นรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เจอ “ปรีชา ธิมามนตรี” ขณะนั้นเป็นรองสารวัตรสอบสวนที่ทำหน้าที่หัวหน้าสายสืบกำลังโด่งดังเป็นนักสืบไฟแรงดีเด่นของนครบาลคอยสอนวิชาให้เคียงข้าง “ดาบชุบ” นายดาบตำรวจรุ่นเก่า
ก่อนขยับเป็นหัวหน้าสายสืบคุมทีมไล่จับคดีสารพัด ปั้นโบแดงแข่งกับกองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายไปก็หลายศพ กระทั่งถูกจับตาเป็นนักสืบดาวรุ่งที่ “สมคิด บุญถนอม” ขณะนั้นลงจากตำแหน่งนายเวร พล.ต.ต.อมร ยุกตะนันท์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ไปนั่งสารวัตรสืบสวนใต้ทาบทามไปร่วมทีม
เจ้าตัวปฏิเสธเลือกไปเป็นนายเวรผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 12 ดูแลพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ แค่ “อยากติดสายขาว”
คืนสู่เวทีนักสืบอีกรอบตอนขึ้นเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองชัยภูมิ โยกเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา จังหวัดชลบุรี แล้วขึ้นรองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการอำนวยการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพียงปีเศษไปนั่งรองผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
จากนั้นย้ายไปเป็นหัวหน้าโรงพักคูคต จังหวัดปทุมธานี ถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามการโจรกรรมรถของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไปตามแก๊งลักรถทั้งจับเป็น-จับตายหลายรายก่อนเป็นผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นานครึ่งปี มีผลงานเข้าตาได้ไปเป็นผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม
3 ปีต่อมาเป็นรองผู้บังคับการปราบปราม และผงาดขึ้นเป็น “ผู้การกองปราบ”
เปิดปฏิบัติการ “The CAT” เปิดประตูตีแมวทลายบ่อนอมตะชื่อดังย่านเตาปูนเป็นที่ฮือฮาสะท้านยุทธจักรยุคหนึ่งของหน่วย
“ผมจะบอกว่า ทุกอย่างมันต้องทำการด้วยปัญญา ต้องใช้ความคิด เจออุปสรรคอะไรเราก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่จะทำอะไรก็มีแต่ปัญหา มันก็ทำไมได้ แต่ผมทำได้ ผมจับได้” อดีตนายพลคนดังบอกถึงฉากเบื้องหลัง
ปี 2554 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แทนที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ได้รับคำสั่งโยกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก่อนสับออกเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลุยปราบอิทธิพลในพื้นที่สำเร็จราบคาบตามสไตล์การทำงานบนพื้นฐานสำคัญ คือ หลักการครองตน ครองคน ครองงาน
ขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชากการตำรวจแห่งชาติ ยังรับผิดชอบเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษให้ความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนปราบปรามในความผิดเกี่ยวกับผู้มีอทธิพลและมือปืนรับจ้างในหลักสูตรต่าง ๆ ให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ตั้ง ศูนย์ตรวจสอบข้อมูลอาชญากรรม ผ่านโปรแกรม PDC (Police Data Center) เป็น “กูเกิลตำรวจ” อัดแน่นข้อมูลประวัติหมายจับคนร้ายไว้มากมาย นำร่องให้ตำรวจรุ่นต่อไปนำไปใช้ต่อยอดการทำงานสืบสวนป้องกันและปราบปรามในอนาคต
ถือเป็น “มรดกล้ำค่า” ที่อดีตนายพลมือปราบทิ้งไว้ให้เป็น “ของขวัญ” ก่อนตัวเองเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2560
ไม่นานโดนทาบทามมานั่งเป็น “รองนายกสมาคมตำรวจ” จนรุ่นพี่หลายคนผลักดันให้ชิงตำแหน่ง “นายกสมาคมตำรวจ” ในเวลาต่อมา
เพราะเห็นในความรู้ความสามารถที่ปราศจากนอกใน และ “ใจสะอาด” สมควรเข้ามาปัดกวาดเช็ดล้างสมาคมอย่างจริงจัง
