“ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวตำรวจ อาจต้องทำความเข้าใจ”

 

รรยาสาวนายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล

“คุณใหม่”สุรัสวดี จักษุรักษ์ คู่ชีวิต พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 51

เกิดในครอบครัวผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตระกูลดัง ลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 4 คน และเป็นสาวคนเดียวของ พล.ต.ต.พาสน์ จักษุรักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เริ่มชีวิตวัยเรียนอยู่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ก่อนไปจบปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ความตั้งใจตอนเด็กอยากเป็นแอร์โฮสเตส พอจบปริญญาโทเลยเดินตามความฝันสมัครเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ทำอยู่ 5 ปี หมดสัญญาก็ลาออกเป็นเลขานุการบริษัทเอกชน และไปอยู่บริษัท ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด จำกัด จำหน่ายบัตรสมาชิกพิเศษประเทศไทยที่ออกให้ชาวต่างชาติ ไม่นานก็โบกมือลาหันมาเอาใจใส่เลี้ยงดูลูกอย่างเดียว

หลังจากแต่งงานอยู่กินกับนายตำรวจหนุ่มผู้เป็นสามีจนเกิดพยานรักขึ้นมา 2 คน คือ “น้องแสนดี” ด.ญ.พิมพ์สุรัส พิศมัย อายุ 6 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ “น้องพอดี” ด.ช.พรี พิศมัย อายุ 3 ขวบครึ่ง เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนอนุบาลชนานันท์

เรื่องราวความรักของเขาและเธอดุจบุพเพสันนิวาสที่ลิขิตให้ทั้งสองกลายเป็นคู่ครองกัน คุณใหม่ย้อนวันหวานว่า เจอกันตอนเด็ก แต่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน เขาเป็นลูกตำรวจเหมือนกัน ลูกชาย พ.ต.อ.สัมพันธ์ พิศมัย นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 25 มักแวะเวียนมาเล่นที่บ้าน เพราะเขาจะเป็นรุ่นน้องของพี่ชายที่เรียนอยู่วชิราวุธ

กระทั่งฝ่ายหญิงเติบโตฉาวแววสวยเข้าเป็นนิสิตพระเกี้ยว ต้นรักที่เก็บครอบงำไว้นานก็ผลิเบ่งบานขึ้น เธอเล่าว่า กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 เขาอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจประมาณปี 2 โทรศัพท์เข้ามาจีบ ตอนแรกไม่รู้สึกอะไร เขาจะผ่านมาทางพี่ชาย โดยเฉพาะตอง-พงศ์จักร จักษุรักษ์ ลูกของอา นักเรียนเก่าวชิราวุธ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจเหมือนกัน

“สมัยเด็ก แค่เคยเห็นหน้า ไม่ได้คุยกัน พอเขาโทรมาคุยพักหนึ่ง ก็เริ่มสนิทสนม คุยกันเข้าใจเร็ว อาจเพราะเราเป็นลูกตำรวจเหมือนกัน ตอนนั้นคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากเขาเข้าตามตรอกออกตามประตู” คุณใหม่ว่า

ดูใจกันมานาน 6 ปี  ความรักสุกงอมเต็มที่ ระฆังวิวาห์จึงลั่นขึ้นท่ามกลางความยินดีของผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว และเจ้าสาว เธอบอกว่า ก่อนหน้ามีทะเลาะกันบ้าง แต่ถือว่า โอเค พอต่างคนต่างเรียนจบ มีหน้าที่การงานทำมั่นคง เราเป็นแอร์โอสเตส เขาเป็นรองสารวัตรปราบปรามอยู่โรงพักมักกะสัน รู้แล้วว่า สามารถอยู่ด้วยกันได้ เราก็มองว่า ผู้ชายคนนี้แหละใช่เลย คบกันมาตั้ง 6 ปี เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ ดูแลเอาใจใส่กันจึงไม่ลังเล พ่อก็สนับสนุนให้แต่งงานสักที

คุณแม่ยังสาวถ่ายทอดความรักอีกว่า หลังจากแต่งงาน ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก เพราะอยู่บ้านตัวเอง สามีย้ายมาอยู่ด้วย ช่วงแรกก็เป็นแอร์โอสเตส บินไป ๆ มา ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ห่างกันบ้าง ทำให้ต่างคนได้มีชีวิตของตัวเองบ้าง กระทั่งมีลูก หลังแต่งงานได้ 5-6 ปี ตอนนั้น ออกจากแอร์โฮสเตสแล้ว เปลี่ยนเอาเวลามาดูแลลูกแทน

“ถามว่า เหนื่อยไหม การมาเป็นแม่บ้านตำรวจ คิดว่า ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวตำรวจ อาจต้องทำความเข้าใจ อย่างเรา เราเข้าใจ เพราะคุณพ่อ และพี่ชายเราก็เป็นตำรวจ แม้ไม่ได้เจอคุณพ่อเท่าไหร่ตอนเด็ก เพราะคุณพ่อจะไม่ค่อยมีเวลา เราจะใกล้ชิดคุณแม่มากกว่า แต่มันทำให้เราเข้าใจหน้าที่ของตำรวจว่า ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเอาเวลาไปดูแลประชาชน ส่วนคุณแม่ของเขาก็น่ารักมาก ๆ คอยให้กำลังใจ คอยถามไถ่ เพราะคุณพ่อเขาเป็นตำรวจเหมือนกัน ครอบครัวตำรวจทั้งคู่ ทำให้คุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องปรับอะไรมาก”

อดีตแอร์โอสเตสเจแปนแอร์ไลน์ยอมรับว่า ตอนแรกจะมีปัญหาบ้างเรื่องของเวลา ต้องปรับจูนกัน เพราะตอนเป็นแอร์โอสเตสก็ไม่มีเวลาเท่าไร พอเราบินกลับมา สามีจะพยายามเอาเวลาที่พอจะปรับได้มาอยู่ด้วยกัน ถ้าตอนเราไปบิน ไปที 10 วัน เขาก็ทำงานาเต็มที่ แต่พอออกจากแอร์โอสเตสมาดูลูก เวลาส่วนใหญ่จะมาให้ลูกหมด ไม่ต้องเครียด อยู่กับลูก อยู่กับพ่อแม่ เหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้าบางบ้านย้ายเป็นครอบครัวเดี่ยวก็อาจจะเหงา ทว่าเรายังมีพ่อแม่

เธอยังแนะหลักในการใช้ชีวิตคู่สำหรับครอบครัวตำรวจว่า อย่างแรกต้องทำความเข้าใจกับอาชีพตำรวจ หน้าที่การงานของตำรวจก่อนว่า เขาทำงานเพื่อดูแลประชาชนชน ส่วนใหญ่จะต้องอยู่นอกบ้าน เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เราต้องไว้ใจ เชื่อใจ และต้องอดทน แต่เราเชื่อว่า เมื่อมันเป็นครอบครัว หน้าที่การงานสามีต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ตาม ในความที่เขาเป็นผู้ชาย เขาก็ต้องมารับผิดชอบครอบครัวด้วย  “อย่างเขาก็แบ่งเวลาได้ ไม่ได้ทิ้งไปเลย ว่างก็ช่วยกันเลี้ยงลูก ว่างก็โทรศัพท์คุยกัน คุยกับลูกบ้าง”ทายาทนายพลตำรวจนครบาลเก่าถ่ายประสบการณ์รักยืนยง

คุณใหม่เล่าอีกว่า บางครั้งรู้สึกใจหายเมื่อสามีได้รับคำสั่งย้ายห่างจากครอบครัว ครั้งแรกต้องไปเป็นนายเวรท่านสถาพร ดวงแก้ว สมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อยู่เชียงใหม่ เราไม่ได้ตามไป เพราะลูกยังเล็ก ตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯดีกว่า สามีขึ้นเชียงใหม่ครั้งแรกตกใจเหมือนกัน เขาอยู่นครบาลมาตลอด แต่จำเป็นต้องไปเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เขาก็พยายามปลอบใจว่า ไม่เป็นไร เชียงใหม่นั่งเครื่องบินชั่วโมงเดียวก็ถึง ตอนนั้นลูกคนโตเพิ่งอายุขวบเศษ เราก็โอเคที่ยังได้อยู่กับพ่อแม่ มันช่วยได้เยอะ

ห่างกันนานกว่า 10 เดือน พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ถูกคำสั่งย้ายเป็นผู้บัญชาการศึกษา นายเวรหนุ่มจึงได้เวลาคืนกรุงเข้าสู่ไออุ่นของครอบครัวอีกครั้ง ทำงานกระทั่งผู้เป็นนายจะเกษียณในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.เขมรินทร์ถึงลงเป็นสารวัตรทางหลวงเมืองกาญจนบุรี ออกต่างจังหวัดเที่ยวนี้ ภรรยาสาวบอกว่า ไม่เครียดเท่าตอนย้ายไปเชียงใหม่ เพราะไม่ไกลกรุงเทพฯมากนัก ขับรถออกจากบ้านไปแค่นี้เอง อยู่ทางหลวงไม่นานเขาก็ย้ายกลับมานครบาลอยู่กองบังคับการจราจร

คู่ทุกข์สารวัตรทิ้งท้ายว่า เป็นงานที่สามีไม่ค่อยถนัด แต่ทำได้ เขาชอบงานสืบสวนมากกว่า ถึงขอไปช่วยราชการกองสืบสวน เขาบอกว่า มันสนุก แม้ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว แต่เราก็เข้าใจ เคยปรึกษากันบ้าง เรายังไงก็ได้ เพราะเราเชื่อใจเขา

 

 

RELATED ARTICLES