จะเป็นนายพลคนเดียวกับ “ภารกิจตีเมืองขึ้น” ก่อนหน้าหรือเปล่า
เอกสารของ พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ไม่ได้กล่าวอ้างถึง
ที่แน่นอนสุด คำสั่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่ 2101/2563 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน
เด้ง พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
โดยให้ขาดจากต้นสังกัด
ระบุผลพวงมาจากคำสั่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่ 2100/2563 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี สื่อสังคมออนไลน์ เนชั่นทีวี (Nation TV) เผยแพร่ข้อความ
“บิ๊กสีกากี ระดมทีมเฉพาะกิจเก็บค่าตั๋วสถานบันเทิง”
พาดพิงถึงอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในภาคอีสานและปัจจุบันมาดำรงตำแหน่งในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ข่าวรายงานว่า บิ๊กสีกากีรายนี้ได้ระดมกึ่งบังคับลูกน้องให้เข้าร่วม “ทีมเฉพาะกิจ” ออกเก็บ “ค่าตั๋ว ค่าต๋ง” จากสถานประกอบการยามค่ำคืนในพื้นที่ภาคอีสานใต้
ทำไปทำมา “หวยออก” ในวันก่อน “ออกหวย”
พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งลงนามวันที่ 15 ธันวาคม 2563 เพื่อให้การบริหารราชการภายในกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 และ 72 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2563 ข้อ 8 (2) จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน
มีกำหนด 30 วัน
เป็นเหตุให้ พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 เข้าไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ภาษาวงการตำรวจเรียกว่า “เข้ากรุ”
มี พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ขยับนั่งรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563
ถึงกระนั้นก็ตาม มีเวลา 30 วัน ที่อดีตนายพลคนดังอีสานใต้จะหาหลักฐานแก้ข้อครหา “ต้องมลทินมัวหมอง”
ถูกมองอยู่เบื้องหลังตั้ง “ทีมเฉพาะเก็บ” ขึ้นค่าตัว
นับเป็น “คลื่นมรสุมอีกลูก” ที่พัดผ่านเข้ามาเส้นทางชีวิตราชการในบั้นปลายก่อนใกล้ได้เวลา “ถอดหัวโขน” ถัดจากเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 เจ้าตัวเคยโดน พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ขณะนั้นย้ายจากเก้าอี้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติราชการตำรวจภูธรภาค 3 โดยขาดจากตำแหน่งและหน้าที่สังกัดเดิม
มีกำหนด 30 วันเช่นเดียวกัน
กระทั่งถึงวันได้โยกกลับมา “ติดอาร์ม” สังกัด “กองทัพใหญ่” อย่าง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
สุดท้ายจริงเท็จอย่างไร “ใจตัวเอง” รู้มากกว่าใคร