เมื่อ 2 อดีตมือปราบเปลี่ยนภาพนั่งเก้าอี้ “ผู้นำท้องถิ่น”

สลัดคราบมือปราบลงไปวาดลวดลายในสนามการเมืองท้องถิ่น

พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ อดีตจเรตำรวจ สวมเสื้อ “กลุ่มนครสวรรค์บ้านเรา” กวาดคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ เข้าป้ายเป็นอันดับ 1

หลังจากเดินสายชูนโยบายนวทางในการพัฒนานครสวรรค์อย่างเป็นระบบ ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของชาวบ้าน

แม้จะเป็นชาวเชียงใหม่ นักเรียนเก่ามงฟอร์ตวิทยาลัย แต่ชีวิตรับราชการคลุกคลีอยู่ในถิ่นปากน้ำโพ ทันทีที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 34 ประเดิมตำแหน่งผู้หมวดประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

ทำงานเข้าตารุ่นพี่ ดึงไปอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษลงแก้คดีเดือดอำเภอลาดยาวที่ติดอันดับต้นของจังหวัด ก่อนเข้าร่วมชุดเฉพาะกิจปราบปรามมือปืนรับจ้างของกระทรวงมหาดไทย สมัย พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร เป็นรัฐมนตรี รับผิดชอบพื้นที่ทั่วภาคเหนือ

ขึ้นเป็นสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ เป็นสารวัตรงาน 5 กองกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ก่อนเข้าร่วมทีมเฉพาะกิจ “ฉลามดำ” ของ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์” มือปราบรุ่นพี่ ส่งผลให้ถูกชักชวนไปเป็นสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ยุค พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม กุมบังเหียน

ร่วมสร้างชื่อเสียงให้กองทัพตำรวจติดอาร์มมากมาย จับเป็น-จับตาย โจรผู้ร้ายยกโขยง

นั่งรองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ขึ้นผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามแล้วย้ายเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ก่อนกลับมานั่งผู้กำกับการประจำกองปราบปราม ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ

ปี 2547  หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายกองพันทหารพัฒนาที่ 4  หรือค่ายปีเหล็ง จังหวัดนราธิวาส เจ้าตัวลงไปช่วยศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พลิกชีวิตจากนักสืบมือปราบไปเป็น “นักรบสมรภูมิชายแดนใต้”  

เน้นงานมวลชน ไม่สร้างเงื่อนไข คลี่คลายสถานการณ์รุนแรงให้เบาบางลง

ขยับขึ้นผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่บริหารและด้านสืบสวน) เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งแรกที่เข้าไปรับราชการในถิ่นเกิดตัวเอง

บั้นปลายชีวิตราชการลงสมรภูมิปลายด้ามขวานอีกครั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ และเป็นจเรตำรวจ แล้วตัดสินใจลาออกไปสวมเสื้อ “พรรคเพื่อไทย” ลงสนามการเมืองเต็มตัว

ชิมรสชาติระคนกลิ่นอายของนักการเมืองอาชีพพอประมาณถึงเลือกสู้ศึกบนสังเวียนท้องถิ่นในถิ่นถนัด

เอาชนะใจ “คนปากน้ำโพ” จ่อนั่งเก้าอี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์คนใหม่

ส่วนอดีตมือปราบคนดังอีกราย ประกาศเปิดตัวพัฒนาบ้านเกิดตั้งแต่ “ไก่โห่” โชว์มอตโต้ “ชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี” ในนาม “กลุ่มคนรักปทุม”

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทำคะแนนโค่นแชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง “ชาญ พวงเพ็ชร์” กระจุยชนิดหักปากกาเซียน กลายเป็น ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี

ชาวปทุมธานีโดยกำเนิด เกิดอำเภอสามโคกในครอบครัวครู พ่อเป็นครูใหญ่โรงเรียนปทุมธานี นันทมุนีบำรุง ส่วนแม่สอนอยู่โรงเรียนปทุมวิไล ชื่อเล่น “แจ๊ด” ตามภาษาอังกฤษ “Jade แปลว่า “หยก” ไม่ใช่ “แจ๊ส” ตามจังหวะดนตรี

จบประถมโรงเรียนวัดหงษ์ปทุมาวาส ไปต่อมัธยมโรงเรียนปทุมวิไล สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 30  เริ่มชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตำแหน่งรองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ  ต่อมาย้ายไปรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง  เป็นผู้หมวดกองร้อย 2 โรงเรียนนายร้อยตำรวจทำหน้าที่ครูปกครองสอนรุ่นน้องนาน 6 ปี

โยกลงสารวัตรสืบสวนสอบสวนโรงพักเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นสารวัตรสืบสวนเมืองสุพรรณบุรี จับตายแก๊งโจรปล้นรถแบ็กโฮตายไปหลายศพ ขยับขึ้นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ พัฒนาโรงพักเป็นสถานีตำรวจดีเด่นอันดับ 1 ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

ถูกย้ายไปแก้ปัญหาโรงพักประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ได้ปีเดียวลงเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วนเวียนอยู่กับการเป็นหัวหน้าโรงพัก ทั้งเมืองสมุทรปราการ โรงพักตำบลเพ จังหวัดระยอง และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กว่าจะกลับไปสวมบทถนัดตำแหน่งผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ประเดิมรับงานแรกด้วยการตกเป็นข่าวดังกระฉ่อนเมืองในคดีวิสามัญฆาตกรรม “โจ ด่านช้าง” กับพวกรวม 6 ศพ หลังไปรับตำแหน่งผู้กำกับไม่ถึง 2 สัปดาห์

“ภาพที่ออกมาพวกผมถูกมองว่า เอากลับไปยิงทิ้ง ทั้งที่คนร้ายยอมแล้ว  ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ พวกนี้ตอนออกมามอบตัว ปืนยังซ่อนอยู่ในบ้าน” อดีตมือปราบชื่อกระฉ่อนเคยเปิดใจไว้

พ้นข้อครหาไปเป็นรองผู้บังคับการปราบปราม เสริมทัพหน่วยยุค “อัศวิน ขวัญเมือง” เพื่อนนักเรียนนายร้อยร่วมรุ่นคุมทีม แล้วขอย้ายตัวเองลงภาคใต้ตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลานาน 4 ปีเลื่อนขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส

เผชิญมรสุมโดนป้ายผิดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจุดชนวนไฟใต้ลุกลามเป็นเหตุให้ต้องย้ายเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด แล้วกลับเป็นผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ นั่งผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี  ขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก่อนเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแบบไม่รู้ตัวมาก่อน

หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง ถูกย้ายพ้นเก้าอี้ไปลงกรุประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติจวบจนเกษียณอายุราชการ

วันนี้สมหวังดังที่เจ้าตัวประกาศไว้

“ชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES