ข่าวเศร้าวงการมือปราบที่ต้องสูญเสียอดีตนายพลตำรวจมือดีประเดิมปีศักราชใหม่ไปอีกคน
พล.ต.ท.ปัญญา เทียนศาสตร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผ่านประสบการณ์ในสนามสมรภูมิเดือด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างโชกโชนถึงขั้นเคยบุกข้ามประเทศเข้า “รังขุนโจร” หวังอุ้มหัวหน้าผู้ก่อความไม่สงบจนดังกระฉ่อนมาแล้ว
เจ้าตัวเคยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านคอลัมน์ “ตำนานนักสืบ” ในนิตยสาร COP’S ฉบับประจำเดือนมีนาคม 2556 ที่ขออนุญาตสรุปมาให้อ่านอีกครั้ง
เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่การจากไปของเขา
พล.ต.ท.ปัญญา เทียนศาสตร์ เกิดอัมพวา สมุทรสงคราม เริ่มชีวิตวัยเรียนที่โรงเรียนวิริยะวิทยา ต่อมัธยมศึกษาโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัยแล้วเข้ากรุงมาจบอำนวยศิลป์ ตัดสินใจสอบเข้าเตรียมทหารด้วยความหวังจะเป็นนักเรียนนายเรือ แต่พ่อกลับจับโยกเข้าเหล่าตำรวจเป็นนักเรียนนายร้อยสามพรานรุ่น 24 เริ่มต้นบรรจุเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ 2 ปี ย้ายเป็นผู้บังคับหมวดโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา ก่อนขึ้นสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เข้าไปอยู่คณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีสังหาร “โกโหลน” พ่อค้าแร่ดีบุก ที่ถูกมือปืนยิงตายพร้อม นายปรีดี สุจริตกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต ตามคำสั่ง พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ
คดีประวัติศาสตร์ที่เกิดจากความขัดแย้งธุรกิจแร่เถื่อน พล.ต.ท.ปัญญาแกะรอยอยู่ 5 เดือนจับกุมทีมฆ่าเป็นตำรวจอดีตลูกศิษย์ของตัวเองได้สำเร็จ
ถึงกระนั้น เขากลับถูกเด้งเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไม่นานเริ่มมีปัญหาการก่อการร้ายในจังหวัดยะลา โดนโยกเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองยะลา
วางนโยบายการแก้ปัญหาต้องมีมวลชนสำคัญที่สุด “พยายามให้ประชาชนเป็นพวก”
ครบ 2 ปี เขาย้ายเป็นรองผู้กำกับการนโยบายและแผน กองบังคับการอำนายการ กองบัญชาการตำรวจภูธร 4 ลงเป็นรองผู้กำกับการโรงเรียนตำรวจภูธร 9 ขึ้นผู้กำกับการโรงเรียนตำรวจนครบาล เป็นรองผู้บังคับการหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส
ไฟใต้เริ่มลุกลามมีการเผาโรงเรียนวอดไป 36 โรง เป็นขบวนการก่อการร้ายรุ่นใหม่ มีการเมืองผสมโรงด้วย ยึดนโยบายเดิมใช้วิธีมวลชนบวกกับขยันลงตรวจพื้นที่ เยี่ยมตามโรงพัก
ผ่านไปปีเดียว โครงสร้างกรมตำรวจปรับใหม่ให้ผู้บังคับการทำหน้าที่คุมภูธรจังหวัด เขาต้องคืนกรุงกลับมาเป็นรองผู้การกองปราบปราม
ออกลูกเชยแบบ “ตำรวจบ้านนอก” ไปรายตัวที่สามยอด ไม่รู้ว่าต้นสังกัดย้ายไปอยู่ข้างแดนเนรมิต พหลโยธินแล้ว ก่อนขยับไปเป็นรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ทำสำนวนคดีราเกซ สักเสนา ร่วมกับ เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ โกงเงินธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ แล้วไปเป็นรองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวระหกระเหินลงใต้อีกระลอกเป็นรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 9
พล.ต.ท.ธวัชชัย จุลสุคนธ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มองเห็นฝีมือจึงจับไปช่วยราชการรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ก่อนติดยศ “นายพล” ในเวลาต่อมา
“สถานการณ์ใต้เอาไม่อยู่แล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว” พล.ต.ท.ปัญญาว่า
เจ้าตัวเปลี่ยนมาใช้มาตรการเข้มปรับยุทธวิธีใหม่ ก่อนต้องสังเวยชีวิตลูกน้องมือดีอย่าง พ.ต.อ.มานิตย์ รัตนาวิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองปัตตานี พ.ต.ท.มนตรี มูลพินิจ รองผู้กำกับปราบปรามโรงพักเดียว ขณะปิดล้อมคนร้ายไปต่อหน้าต่อตา
“ผมหันมาฝึกระบบการทำงานใหม่หมด ตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ ต้องออกไปยิงกับมันบ้าง อย่างผมไม่ได้กลับบ้านอยู่ที่นั่นยาว เวลาว่างก็ออกไปไล่ยิงโจรบ้าง ยิงจนเกษียณอายุราชการ” ปลายทางในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
“ถ้ามึงรบกับกูเถื่อน ๆ กูก็เอามึงเถื่อน ๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ใช่มานั่งยกมือไว้มึงอย่ายิง อย่ายิงนะ” พล.ต.ท.ปัญญา เทียนศาสตร์ ลั่นคำประกาศิต
สมเป็นตำนานมือปราบที่ต้องบันทึกไว้ในทำเนียบประวัติศาสตร์สีกากีอีกคน