ย่ำค่ำอีกสองวันต่อมา ผู้กองคก และผู้กองเบี้ยว หอบแฟ้มเอกสารมาหาชลอ ที่บ้านพักในหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ ย่านคลองกุ่ม ตามที่นัดหมายกันล่วงหน้า
บ้านหลังนี้อยู่ริมบึงปัฐวิกรณ์ ชลอซื้อไว้ตั้งแต่เป็นหัวหน้าตำรวจจังหวัดลพบุรี เนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา ไว้พักอาศัยเวลาเข้ามาราชการที่กรุงเทพ หรือเข้ามาประชุมเรื่องฟุตบอล ทั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทีมชาติ รวมทั้งสโมสรตำรวจ
ก่อนบ้านหลังนี้จะสร้างเสร็จ ชลอมักนัดพบพรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้ใต้บังคับบัญชา ตามโรงแรมต่างๆ อาทิ รามาการ์เดนส์ โรงแรมหรูริมถนนวิภาวดีรังสิต เพราะนอกจากจะใกล้บ้านปัฐวิกรณ์แล้ว ยังใกล้บ้าน “ครูแพท” ครูสาวจากเมืองตาก 1 ในผู้หญิงของชลอ ที่เจอกันเมื่อครั้งชลอเป็นหัวหน้าตำรวจอยู่ที่จังหวัดตาก นอกจากนี้ ก็ยังมีบ่อยครั้งที่ชลอใช้บริการของโรงแรม REX และโรงแรมแอมบาสเดอร์ ที่อยู่ในถนนเส้นสุขุมวิทอีกด้วย
และเมื่อบ้านหลังนี้ตกแต่งเพิ่มเติมทั้งภายนอกภายในเสร็จสิ้น ชลอ เอาไว้เป็นที่พบปะลูกน้องทั้งใหม่ และเก่า รวมทั้งไว้เป็นที่จัดเลี้ยงสังสรรค์ลูกน้อง ทีมฟุตบอล โดยชลอ สร้างเรือนพักแยกออกมาอีก 1 หลัง เพื่อให้ลูกน้องบางคนใช้เป็นที่หลับนอน โดยให้ “เปี๊ยก” น้องชายใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์ แม่บ้านคู่กายเป็นคนดูแล
2 นายตำรวจหนุ่มกองปราบฯ เดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย เพราะเข้ามาฝากท้องไว้หลายรอบ เมื่อเดินเข้ามาเกือบถึงเทอเรซหน้าบ้าน ทั้งคู่เห็นนายตำรวจเจ้าของบ้าน เดินถือแก้วบรั่นดี เดินออกมาดูเรือนพักที่ว่า ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมี ใหญ่-สุรางค์ เดินเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง
“หวัดดีครับนาย. หวัดดีครับพี่ใหญ่…..”
2 นายตำรวจกองปราบฯรีบเข้าไปยกมือไหว้ผู้บังคับบัญชา และใหญ่-สุรางค์ คนรักนายตำรวจหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน คอยดูแล ปู-ชนม์ยืน ลูกชายและ ปลา-กุมาริกา ลูกสาวของชลอที่เหลือกันอยู่ 2 คน
“กินข้าวกินปลาหรือยังล่ะ เดี๋ยวจะให้ป้าเล็ก ป้าเพา จัดให้…..”
ภรรยารองผู้บังคับการมือปราบฯถามไถ่ 2 ลูกน้องของชลอด้วยความเอ็นดู เพราะจากการติดตามชลอไปรับตำแหน่งตามที่ต่างๆ ใหญ่-สุรางค์ จะมีหน้าที่คอยดูแลสารทุกข์สุขดิบของตำรวจลูกน้อง แต่พอมาอยู่ที่บ้านปัฐวิกรณ์ ลูกน้องชลอ เริ่มเข้ามาพึ่งร่มไม้ใบบุญกันมากขึ้น ใหญ่-สุรางค์เลยให้ พี่เล็ก พี่สาวแท้ๆที่เคยไปทำร้านอาหารด้วยกันที่อยุธยา และร้านอาหารเรือนแพ ริมแม่น้ำปิง ในคุ้มพระลอ และ พี่เพา ญาติผู้ใหญ่ที่อยุธยาอีกคน มาช่วยกันเรื่องกับข้าวกับปลา
“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากครับ พี่ใหญ่….” นายตำรวจหนุ่มทั้งคู่ตอบแทบจะพร้อมกัน
“เข้ามาคุยในบ้าน คนอื่นมากันเกือบครบแล้ว เดี๋ยวกูตามเข้าไป”
ชลอเรียกให้ทั้งคู่เข้าไปในบ้าน ขณะที่เขายังเดินสั่งงานกับ เปี๊ยก น้องชายแท้ๆของใหญ่-สุรางค์ และไอ้อ๊อด เพื่อนเปี๊ยกหนวด 1ในแก๊งรับซื้อของโจร โดยเฉพาะพระที่ถูกลักมาจากวัดต่างๆในเมืองกรุงเก่า
2 นายตำรวจกองปราบฯ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขก ที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของโบราณที่สะสมไว้ในตู้ตามแบบที่ชลอชอบ ไอเย็นจากแอร์คอนดิชั่นเข้ามากระทบตัว พร้อมๆกับเสียงคุยกันโขมงโฉงเฉงอยู่ในโซนห้องรับแขก ที่ชลอตกแต่งด้วยการขุดพื้นให้เป็นหลุมทรงวงกลม รอบๆทำเป็นที่นั่งบุด้วยโซฟานั่งกันได้ 10 กว่าคน เหมือนอย่างอัศวินโต๊ะกลม คิงอาเธอร์ แห่งอาณาจักคาเมรอน นิยายปรัมปราของประเทศอังกฤษ ที่กษัตริย์อาเธอร์สั่งทำโต๊ะกลมไว้ให้อัศวินทุกคนนั่ง ไม่มีการใช้ยศมากำหนดใครต้องนั่งหัวโต๊ะ และสามารถออกความเห็นได้ทุกๆคน
“เฮ้ย ไอ้คก ไอ้เบี้ยว มาช้าจังนะมึง กูรอจนจะเมาอยู่แล้ว”
เสียง 1ในชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่เรียกทั้งคู่ด้วยเสียงอันร่าเริง
ขณะที่ 2 นายตำรวจกองปราบฯมองแป๊บเดียว ก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคุ้นๆนั่นคือ “แป๊ะ-พันตำรวจตรีวิชัย วงศ์วิรุฬ” สารวัตรหนุ่ม ผู้จัดการทีมสโมสรตำรวจ ชุดคว้าแชมป์ถ้วยพระราชทาน ข ร่วมกับสโมสรการท่าเรือ เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ส่วนที่เหลือก็คุ้นหน้าคุ้นตาไม่ว่าจะเป็น “หมวดหนุ่ย-ร้อยตำรวจโทอภินันท์ เกตุษเฐียร” รองสารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม “หมวดป๊อก-ร้อยตำรวจโทโรจนะ สมุนไพร” รองสารวัตรตำรวจท่องเที่ยว กองกำกับการ 8 กองปราบปราม ทั้งคู่เป็น 2 นักฟุตบอลสโมสรตรา ชฎา-ราชประชา ทีมฟุตบอลที่โด่งดังมาก เพราะเพิ่งได้แชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท ก เมื่อปีที่แล้วคือพุทธศักราช 2523 พอมาปีนี้ ยังได้แชมป์ถ้วยพระราชทานควีนส์คัพอีก
ในโต๊ะกลมนั้น ยังมีเซ็นเตอร์ดาวรุ่งของสโมสรตำรวจ ชุดแชมป์ถ้วยพระราชทาน ข “โก๊ะ-ร้อยตำรวจโทสมภพ พงษ์ฤกษ์” รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 32 นั่งแอ็กถือแก้วเหล้าอยู่อีกคน ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับหมวดโก๊ะ คือ “หมวดหมู-ร้อยตำรวจตรีสถิตย์ สนเทศ” รองสารวัตรสอบสวน หัวหน้าชุดสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง
สำหรับหมวดหมู มีศักดิ์เป็นหลานชายชลอด้วย เพราะเป็นลูกพี่ชาย “จ่าแช่ม หรือครูแช่ม เกิดเทศ” พ่อของชลอ
อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้กองเบี้ยว และผู้กองคก ไม่แปลกใจที่มาพบนายตำรวจนักฟุตบอลกันที่บ้านชลอ เพราะรู้ว่า นายตำรวจทั้งหมดมีฝีมือในการสืบสวนไม่แพ้การเล่นฟุตบอล อีกทั้งสไตล์การทำงานของพันตำรวจเอกชลอ เจ้านายเขา ชอบเรียกตำรวจจากหน่วยอื่นมาทำงานผสมปนเปกับกองกำลังสายโจร
นายตำรวจทั้งคู่เข้าไปนั่งหย่อนขาในโต๊ะกลม ได้ไม่เท่าไหร่ ชลอ เดินเขย่าแก้วบรั่นดี ที่มีน้ำสีอำพันของ Hennessy XO อยู่ข้างใน ตามเข้ามาสมทบ พร้อมเอ่ยปากซักงานกับ 2 นายตำรวจกองปราบฯที่สั่งงานให้ไปทำก่อนนั้น
“เป็นไง ไอ้เบี้ยวไอ้คก ได้รูปได้ชื่อคนในบ้านไอ้อนันต์หรือยัง”
“ได้แล้วครับนาย แต่ยังไม่ได้ให้ไอ้น้อย บ้านไร่ดู ว่ามันคุ้นหน้าคุ้นตาใครบ้าง….”
ผู้กองเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุก กล่าวตอบ พร้อมนำแฟ้มเอกสารที่ไปคัดชื่อ และรููปคนในบ้านของอดีต ส.ส.ชัยนาท ทั้งหมดจากกองบัตรมาไว้ใกล้ตัวๆเพื่อสะดวกในการนำเสนอให้รองผู้บังคับการกองปราบฯ
“มีใครมีลักษณะที่ไอ้น้อย มันระบุว่า ไปว่าจ้างให้มันไปยิงส.ส.คนไหนในจังหวัดชัยนาทบ้างไหม”
ชลอซัก เพราะตามคำให้การไอ้น้อย บ้านไร่ มือปืนจังหวัดอุทัยธานี เพื่อนไอ้หรั่ง-แพทบูล มือปืนหนุ่มเชื้อสายปาทานที่เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 3 เดือนก่อน มีคนมาว่าจ้าง ให้ไปยิง ส.ส.ชัยนาท คนไหนก็ได้ 1 ใน 2 คน พร้อมให้ชื่อมาด้วย แต่มันจำชื่อ ส.ส.ศรายุทธ คนตายได้เพียงคนเดียว
ผู้กองคก ผู้กองเบี้ยว มองหน้ากันเลิกลั่ก เพราะจำไม่ได้ว่า ตำหนิรูปพรรณไอ้คนที่มาว่าจ้างให้ไอ้น้อย บ้านไร่ ไปยิงเป็นอย่างไร แต่จำได้ว่าจดรายละเอียดไว้ในสมุด
ชลอซักต่อ
“แล้วไอ้ที่ให้ไปคัดรูปบัตรประชน มีคนไหนในบ้านไอ้อนันต์ รูปร่างล่ำ มะขามข้อเดียว ผิวขาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่เกิน 40 ปี บ้างมั้ย”
“ในบ้านไม่มีผู้ชายอายุ 30-40 ปี ครับนาย…”
ผู้กองคกตอบ พร้อมกับให้ทึ่งในความจำของผู้บังคับบัญชา เพราะถึงตอนนี้ผู้กองหนุ่มนักรักบี้ จำได้แล้วว่า ตำหนิรูปพรรณของคนที่มาว่าจ้างให้ไอ้น้อย บ้านไร่ ไปยิง ส.ส.คนไหนของจังหวัดชัยนาท มีตำหนิรูปพรรณอย่างที่ชลอพูดมาเมื่อครู่ เพราะตอนไอ้น้อยมันให้ปากคำที่โรงแรมเพื่อนเก่าของชลอในจังหวัดชัยนาท เขาก็จดไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวเช่นกัน
ทึ่งอยู่ในใจไม่เท่าไหร่ ชลอซักอีก
“ในบ้านมีผู้หญิงชื่อสร้อยมั้ย…”
“มีครับนาย สร้อยเป็นชื่อเล่น ส่วนชื่อจริง ชื่อ สร้อยทองทำงานเป็นคนใช้อยู่ในบ้าน จ่าสิบเอกอนันต์ครับ”
พูดเสร็จ ผู้กองคก หยิบสำเนารูปถ่ายบัตรประชาชนของ สร้อยทอง มาให้ชลอดู
นายตำรวจหนุ่มมือปราบไบคาน หยิบมาพินิจพิจารณาครู่หนึ่ง เห็นเป็นหญิงสาวหน้าตาพอดีๆไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ อายุ 27 ปี ความสูงไม่ถึง 160 เซนติเมตร จัดว่าตัวเล็ก ก่อนส่งคืนให้ผู้กองคกตามเดิม
“มันยังโสดอยู่เหรอ”
“ครับนาย ตามข้อมูลที่ได้จากกองบัตร อีสร้อยนี่สถานภาพมันยังไม่สมรสครับ”
ผู้กองคกกล่าวตอบ
“แต่กูว่ามันมีผัวนะ ชื่อไอ้โบ้ ไอ้โบ๋ อะไรเนี่ย”
ชลอถามต่อเหมือนมีข้อมูล ขณะที่นายตำรวจทุกคนในโต๊ะยังนั่งเงียบฟังการซักถามจากนายตำรวจเจ้าของบ้าน
“แล้วใครทำหน้าที่ขับรถให้ไอ้อนันต์วะ”
“มี 2 คนครับ ชื่อไอ้วัตกับไอ้เนียน สลับกันขับ และนั่งติดรถไปด้วย พฤติกรรมน่าจะเป็นมือปืนประจำตัว แต่ไม่มีใครในบ้านชื่อไอ้โบ้ ไอ้โบ๋ อย่างที่นายว่า แต่เดี๋ยวผมจะตรวจสอบเพิ่มเติม อีสร้อยมันมีผัว ชื่อไอ้โบ้ ไอ้โบ่อะไรอีกครั้งครับ”
คราวนี้ผู้กองเบี้ยวตอบบ้าง พร้อมกับส่งเอกสารข้อมูลของ ไอ้วัต กับ ไอ้เนียน มาให้ชลอ ที่ดูแป๊บเดียวก่อนส่งคืนและพูดต่อว่า
“เออ…. กูสงสัย ไอ้โบ้ เพราะสายกู ตำรวจภาค 1 ที่ให้เกาะอยู่มันบอก ไอ้อนันต์เคยมีคนขับรถคนสนิทที่ไว้ใจมาก ชื่อไอ้โบ้ ไปไหนไปด้วย จนมันได้อีสร้อยคนใช้ในบ้านเป็นเมีย เห็นว่ามันได้งานทำใหม่ เลยออกไปจากบ้าน ทีนี้รูปพรรณมันได้กับที่ไอ้น้อย บ้านไร่ มันเล่า มึงลองไปหาชื่อแซ่ เอารูปมาให้ไอ้น้อยดู ถ้าใช่ก็โป๊ะเช๊ะ”
“ครับนาย..”
ทั้งผู้กองคก และผู้กองเบี้ยว พร้อมใจประสานเสียงรับคำสั่ง
สำหรับชลอ ถึงตอนนี้เขามั่นใจว่า เรื่องการสังหาร ส.ส.ศรายุทธ และภรรยา น่าจะมาจากเรื่องการเมืองในท้องถิ่น และจ่าสิบเอกอนันต์ น่าจะเกี่ยวพันรู้เห็นไม่มากก็น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นคำพูดของไอ้น้อย บ้านไร่ ที่อ้างว่าเคยได้รับการว่าจ้างให้ยิง ส.ส. คนไหนก็ได้ใน 2 คน ของจังหวัดชัยนาท
ประกอบกับการมาให้ข้อมูลของ เกรียงศักดิ์ สุขสว่าง ส.ส.พรรคชาติไทย จังหวัดชัยนาท หลังแอบมาพบ พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ เพื่อขอกำลังตำรวจคุ้มครองความปลอดภัย โดยอ้างว่า ก่อนหน้าการเสียชีวิตของนายศรายุทธ และภรรยา ได้รับการเตือนกำลังมีผู้ปองร้าย สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเมือง เพราะที่จังหวัดชัยนาทมีผู้แทนได้ 2 คนเท่านั้น
ชลอจำได้ ในวันนั้น ส.ส.เกรียงศักดิ์ บอกว่าหาก ส.ส.ชัยนาทคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนายศรายุทธ หรือเขา จะมีการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่ทันที
และก็เป็นเรื่องจริง ภายหลังที่นายศรายุทธ ที่ถูกยิงเสียชีวิต จ่าสิบเอกอนันต์ ที่เพิ่งพลาดท่าให้กับส.ส.ศรายุทธ เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้รับการคัดเลือกจากทางพรรคกิจสังคม ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชัยนาท ในวันที่ 22 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2524 โดยจ่าสิบเอกอนันต์ ได้เบอร์ 3 จากผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม 8 คน
“ระหว่างรอรูปไอ้โบ้ เดี๋ยวกูจะขึ้นไปเอารูปให้ไอ้น้อยมันดู พร้อมๆกับหาข่าวจากพรรคพวกแถวนั้นด้วย….”
ชลอบอกเป้าหมายการทำงานของเขาให้ทีมงานฟัง
“นาย ผมไม่มีอะไร เดี๋ยวไปด้วย”
หมวดโก๊ะ นักสืบจากสืบเหนือ เสนอตัวไปร่วมทำงานด้วย เพราะชอบในสไตล์การทำงานของน้องผู้บังคับการกองปราบฯคนนี้
“เอออยากมาก็มา”
จากนั้นวงสนทนาหัวข้อราชการก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นเรื่องคดีฆ่า ส.ส.กำธร ลาชโรจน์ ส.ส.จังหวัดปัตตานี ที่ชุดสืบสวนของพันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค รองผู้บังคับการกองปราบปราม ร่วมกับตำรวจนครบาลจับกุมนางเล็ก หรือสุมาลี โพธิ์สุวรรณ และนางพุฒิพรรณ หรือแอ้ม วงศ์คำลือ 2 นางนกต่อที่หลอกล่อ ส.ส.กำธรไปมอมยา ก่อนจะชิงทรัพย์ที่โรงแรม 55 ย่านสะพานควาย และให้นายสะมะแอ หรืออ๊อด พืชพันธ์ และนายบุญ พืชพันธ์ ช่วยกันเอาตัวขึ้นรถไปฆ่าทิ้ง
นายตำรวจทั้งหมดได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการจับกุมครั้งนี้ เพราะมีข่าวบรรดาเซียนพนันในบ่อนพัฒนาการ ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะนายสะมะแอ ท่าทางไม่เต็มเต็ง ไม่เชื่อว่าจะเป็นฆาตกรได้ ซ้ำมีเซียนพนันบางคนให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ทำนองขอให้ตำรวจสืบสวนให้ลึกกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้จอมบงการหัวเราะ และหากขึ้นศาลเมื่อไหร่ ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนหลุดคดีแน่นอน
แต่ถึงจะเมายังไง ชลอก็ไม่หลุดปากให้ความเห็นเรื่องนี้ ถึงแม้ส่วนตัวเขาค่อนข้างมั่นใจว่า เป็นการจับผิดตัวเช่นกัน